บางชีวิตเคว้งคว้างกลางความเหงา หอบเอาความสุขเศร้าผสมผสาน
ยิ้มรับชะตากรรมพันธนาการ ใช่,เพียงพบผ่านวิถีที่ผุพัง
ยิ่งรื้อฟื้น ยิ่งรื้นรื้นน้ำตาไหล ยิ่งวาดหวัง ยิ่งไหวว้างร้างไร้หวัง
เงียบสะท้อนดิ่งลึกในภวังค์ เพียงพลาดพลั้งสู่หุบเหวความชอกช้ำ
บางค่ำ,เยียบเย็นความรู้สึก ปวดแปลบสำนึกล่วงถลำ
ยิ่งไขว่คว้า ดวงวิญญาณ์พร่ามืดดำ ยังกอบกำครอบงำไว้ ในตัวตน
สายตาจ้องมองไป,ในเบื้องล่าง กลางสายน้ำเชี่ยวกรากถะถั่งล้น
กระแทกฝั่งก่อนรี่ไหลสู่วังวน เป็นกระแสสับสน,กับความคิด
วิถีข้ายังไต่ตามริมขอบเหว, หากพลัดร่วงคงแหลกเหลวในดวงจิต
สองมือไขว่คว้าหาสิ่งเหนี่ยวรั้งชีวิต ค่อยค่อยคิดค่อยค่อยกล้า- -อย่าหวาดกลัว
ยินเสียงลมพัดใบไม้ไหว, ชีวิตยังดำเนินไปในเงาสลัว
เรียนรู้ในโดดเดี่ยว แลหม่นมัว เป็นเช่นนี้แหละ,ทางดี-ชั่ว ของชีวิต
เรียนรู้ในโดดเดี่ยว แลมืดมัว เป็นเช่นนี้แหละ,อย่าหวาดกลัว ทางชีวิต.
หญ้าป่า
เพียงคำ ประดับความ -ภาค 1- กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อีสปกับศรีธนญชัยเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่เป็นนักเล่านิทานชั้นยอด และต่างยังชีพด้วยการเดินทางไปเล่านิทานเปิดหมวกในที่ต่างๆ พวกเขาชอบเล่านิทานเรื่องเดียว กัน ด้วยรสนิยมในการเล่าที่แตกต่างกัน ศรีธนญชัยชอบเล่านิทานแห่งความสุข ส่วนอีสปชอบเล่านิทานแห่งความซาบซึ้ง