เรื่องนี้ผู้ที่มาปรึกษาเล่าว่า “บิดาข้าพเจ้าไปเซ็นค้ำประกันการซื้อรถยนต์ให้กับเพื่อนที่สนิทกันมานาน เนื่องจากเพื่อนไม่มีญาติเป็นข้าราชการ อีกทั้งสินทรัพย์ต่างๆก็ไม่มีจะเอาไปค้ำประกัน แต่จำเป็นต้องซื้อรถเพื่อเอามาขนส่งของทำมาหากิน พ่อของข้าพเจ้าเห็นว่าควรช่วยให้เพื่อนมีช่องทางทำมาหากิน และรู้จักกันมานานไม่น่าจะมาหลอกลวงกันแต่อย่างใด เลยไปเซ็นค้ำประกันให้เพื่อนเช่าซื้อรถมา
ต่อมาเพื่อนพ่อผู้ซื้อรถไม่ได้ส่งค่างวดตามที่บริษัทกำหนดหลายเดือน บริษัทเจ้าของรถจึงต้องมีการดำเนินการฟ้องศาล แต่ตัวเจ้าของรถได้นำรถออกจนอกจังหวัดหายไป บริษัทเจ้าของรถจึงฟ้องศาลขอให้ผู้ค้ำประกันทั้งสองคนเป็นผู้รับผิดชอบและติดตามนำรถมาคืนให้ได้ในเวลา 75 วัน หากเกินกำหนดให้ผู้ค้ำประกันชดใช้ค่าทนาย ค่างวด ค่าปรับต่างๆ รวมถึงค่างวดที่จะมาถึงในงวดต่อๆมาด้วย
พ่อข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องกฎหมายและไม่ได้ปรึกษากับทนายเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก จนเรื่องไปถึงศาลและทนายฝ่ายบริษัทก็นำเอกสารสัญญามาปรักปรำว่าพ่อของข้าพเจ้าเป็นผู้ค้ำประกันยังไงก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของเพื่อนที่นำรถหายไป ทนายฝ่ายบริษัทได้เอาหมายศาลมาบังคับพ่อให้ยอมตกลงโดยขู่ว่าจะต้องไปสู้กันในศาลและไม่รอดแน่ๆ เพราะมีสัญญาเขียนชัดเจนว่านายประกันต้องรับผิดชอบแทนผู้ซื้อ พ่อเห็นว่าท่าจะไม่ดีหากต้องเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลเรื่องจะยาวจึงทำตามที่ทนายบอก โดยเขานำหนังสือยินยอมมาให้พ่อข้าพเจ้าเซ็นโดยไม่ชี้แจงซักนิด โดยบิดาข้าพเจ้าต้องทำตามที่ศาลมีคำสั่งทนายบริษัทมาบอก บิดาข้าพเจ้าหลงเชื่อจึงเซ็นรับสภาพหนี้ไป
เรื่องราวลุกลามใหญ่โตเมื่อบริษัทกับทนายได้เอกสารหนี้ไปแล้ว เนื่องจากบริษัทได้เปลี่ยนวิธีติดตามเร่งรัดหนี้สินด้วยการจ้างแก๊งค์ทวงหนี้มาบังคับข่มขู่อยู่ทุกสัปดาห์ ทั้งการให้คนโทรมาหาที่บ้านสามเวลาบางทีญาติผู้ใหญ่เป็นคนรับก็ข่มขู่ต่อว่าสารพัดหาว่าเป็นคนชั่วเป็นหนี้แล้วไม่จ่าย ปู่ย่าไม่อายไม่สั่งสอนลูกหลานตัวเองบ้างหรือ บางทีก็โทรเข้ามือถือบ่อยๆจนพ่อต้องปิดไปเสียหายไปถึงการติดต่องานเพราะต้องปิดเครื่องไว้เกือบตลอดเวลา หนักเข้าก็โทรหาแม่ที่ทำงานจนหัวหน้างานต้องเรียกเข้าไปคุยเพราะรบกวนคนที่ทำงานคนอื่นด้วย ไหนจะส่งผู้ชายสองคนใส่ชุดดำสวมหมวกกันน็อคขี่มอเตอร์ไซค์มาด้อมๆมองๆที่บ้านทั้งกลางวันกลางคืน การท้วงหนี้แบบนี้สร้างปัญหาให้ครอบครัวเรามากจนทนไม่ไหว
พ่อจึงตัดสินใจขอให้ตำรวจที่คนรู้จักแนะนำมาให้ช่วยโดยให้ค่าติดตามหรือค่าเสียเวลากับเขา บิดาข้าพเจ้าเสียเงินให้ตำรวจครั้งแรก 20,000 บาท และตามมาอีกหลายพันในครั้งต่อๆมา หลายเดือนผ่านไปไม่มีความคืบหน้าว่าจะได้รถกลับมาหรือจะได้เจอหน้าของเพื่อนผู้นำรถหนีหายไป กระทั่งต้องไปต่อว่าและประสานงานบอกเลขรถ สีรถ ยี่ห้อ แลรูปพรรณสัณฐานของเจ้าของให้กับเพื่อนตำรวจด้วยกันในจุดต่างๆ เพื่อที่จะสามารถติดตามรถคืนบริษัทจนผ่านไป 2 เดือนก็ไร้วี่แวว
วิธีแก้ตอนนั้น คือ บริษัทเจ้าของรถยื่นเรื่องต่อศาลให้ขอให้ยื้อระยะเวลาออกไปอีก จนครึ่งเดือนพบเห็นผู้ซื้อรถพร้อมรถได้ย้อนกลับมาที่บ้าน จึงได้รีบแจ้งตำรวจและขอหมายศาลที่มีคำสั่งให้สามารถยึดรถไว้ ทำให้บิดาข้าพเจ้ารอดจากการรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดไปอย่างหวุดหวิด
วิเคราะห์ปัญหา
1. การเซ็นสัญญาค้ำประกันผู้อื่น แล้วคนที่เราค้ำประกันให้หลบหนีไป ทำให้นายประกันต้องรับผิดชอบมากน้อยเพียงไร
2. นายประกันมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามลูกหนี้หรือไม่ และมีมาตรการใดที่นำมาใช้เพื่อไปต้องชดใช้หนี้แทนลูกหนี้ได้บ้าง
3. การทวงหนี้แบบดุดันและละเมิดสิทธินั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
4. การเรียกรับเงินของเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำได้หรือไม่ มีความผิดอย่างใดตามกฎหมาย
การนำกฎหมายมาแก้ไข
1. การเซ็นสัญญาค้ำประกันผู้อื่นเท่ากับเป็นการรับสภาพเป็นลูกหนี้แทนโดยการค้ำประกัน เมื่อลูกหนี้คนต้นทางหลบหนีไปก็กลายเป็นลูกหนี้ต่อเจ้าหนี้เดิมแทนทันที ทำให้นายประกันต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมดเสมือนว่าตนเป็นคนทำสัญญาเองแต่แรก
2. นายประกันมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามลูกหนี้ได้ทั้งในตอนแรกเริ่ม หากนายประกันชำระหนี้แทนไปแล้วก็สามารถไล่เบี้ยเอาได้บวกดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ชำระหนี้แทนไป และฟ้องอาญาข้อหาหนีหนี้เพื่อบังคับโดยอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบีบลูกหนี้ต้องกลับมาชดใช้หนี้
3. การทวงหนี้แบบดุดันและละเมิดสิทธินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายกระทำไม่ได้ และการใช้ความรุนแรงข่มขู่คุกคามถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย
4. การเรียกรับเงินของเจ้าหน้าที่ตำรวจถือเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนประพฤติผิดต่อหน้าที่โดยทุจริตตามกฎหมายอาญา
ช่องทางเรียกร้องสิทธิ
1. การติดต่อทวงถามหนี้เป็นสิทธิธรรมดาหากมีการใช้ความรุนแรง คุกคาม ลูกหนี้สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
2. การขอให้ติดตามลูกหนี้นั้น อาจใช้วิธีแจ้งความให้ตำรวจติดตามได้ตามความผิดฐานหนีหนี้ แต่วิธีพื้นฐานอีกแนว คือ ฟ้องต่อศาลแพ่งฯเพื่อไล่เบี้ยกับลูกหนี้ผู้หลบหนี โดยอาศัยกลไกของกรมบังคับคดี
3. การเรียกรับสินบนสามารถแจ้งความกับสถานีตำรวจในท้องที่โดยร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา หรืออาจส่งเรื่องไปให้ ปปช. เพื่อดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญาต่อไปได้
สรุปแนวทางแก้ไข
กรณีนี้ใช้หลักกฎหมายค้ำประกัน และการติดตามเจ้าของทรัพย์มาบังคับชำระหนี้ วิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งกรณีนี้นายประกันจะตกอยู่ในสถานะผู้รับผิดชอบชำระหนี้ให้แก่บริษัทและสามารถฟ้องไล่เบี้ยเอากับคนที่ตนเข้าค้ำประกันให้ และสามารถติดตามทรัพย์เพื่อนำมาบังคับคดีให้กลายเป็นทรัพย์ที่ใช้ชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ดีการทวงหนี้ต้องทวงโดยสุจริตไม่ละเมิดสิทธิของลูกหนี้เกินควร
(รูปเมืองเวนิช: แรงบันดาลใจจากบทประพันธ์เวนิซวาณิชย์ ที่มีการทวงหนี้แบบขูดเลือดเฉือนเนื้อ)