เรื่องถัดมาก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากกับคนที่ต้องย้ายตัวเข้ามาทำงานหรือมาเรียนต่างที่ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้ามาอยู่ในเมืองเป็นเรื่องที่คนเจเนอร์เรชั่นวอล์ค (Generation Walk) อย่างเราๆท่านๆที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ซื้อรถยนต์ขับ และยังไม่แต่งงานต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะบางคนย้ายที่อยู่มาเป็นสิบตามสถาบันการศึกษาที่ขยับไปตามระดับขั้น ตอนมัธยมอยู่ที่หนึ่ง ปริญญาตรีอีกแห่ง ปริญญาโทอยู่อีกที่ พอเข้ามาทำงานก็อาจได้ย้ายกันอีกหน บางคนมีบ้านแล้วแต่ก็ยังมาหาหอพักอยู่ใกล้ๆที่ทำงานเพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลในวันธรรมดา แล้วค่อยกลับไปอยู่บ้านตอนสุดสัปดาห์ก็มี ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหอพัก อพาร์ตเม้นต์ แฟลต หรือคอนโด จึงเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในช่วงสิบปีหลังมานี้ ลองไปดูปัญหาสุดคลาสิกที่มีมาหาผมบ่อยๆอย่างเรื่องนี้ดูครับ ว่าเมื่อเจอแบบนี้เข้าไปจะทำยังไงได้บ้าง
“ข้าพเจ้าต้องเข้ามาทำงานในย่านธุรกิจใจกลางเมือง เพราะเพิ่งได้งานหลังจากเรียนจบมาแล้วประมาณสามสี่เดือน ตอนแรกๆก็พยายามหางานให้ใกล้บ้านหรือใกล้แนวรถไฟฟ้ารถไฟใต้ดิน แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันว่ามันไม่ง่ายเลย แถมงานเดี๋ยวนี้ก็ไม่ดีมีมาให้เลือกมากนัก จึงได้เลือกหอพักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในซอยใกล้กับที่ทำงานมาก สามารถเดินไปทำงานได้ แถมแถวที่พักอาศัยยังมีแผงขายอาหารต่างๆมากมายตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงเลือกมาอยู่เพราะเมื่อคุยกับเจ้าของหอพักดูเขาก็บอกว่าเข้ามาอยู่ก่อนเลย แค่จ่ายเงินประกันก็หิ้วกระเป๋าเข้ามาได้เลย ถ้าไม่พอใจอยากย้ายก็บอกกันก่อนแล้วย้ายเลยไม่มีปัญหา อย่าคิดมาก เนี่ยเหลือห้องนึงพอดีเข้ามาอยู่เลย
พอเข้ามาอยู่ได้สักพักข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ เพราะสติสตังของข้าพเจ้ามันต้องสั่นไหวให้กับเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้นภายในห้องไม่เว้นแต่ละวัน มันเริ่มจากประตูระเบียงที่ปิดเองเสียงดังปัง! จนข้าพเจ้าตกใจ ไม่เข้าใจว่ามันปิดได้อย่างไรในเมื่อไม่มีลมแถมที่ประตูก็มีตัวกั้นเล็กๆยึดไว้ ตอนอาบน้ำก็มักจะได้ยินเสียงวิทยุเปิดเองมีเสียงเพลงบรรเลงแต่ไม่มีเสียคนร้อง พอเปิดออกไปดูว่าลืมปิดรึเปล่าก็ไม่ใช่ แต่ที่ทำให้ทนไม่ไหว คือ เมื่อนอนหลับไปสักมักจะรู้สึกเหมือนมีคนมาเดินวนเวียนอยู่รอบๆเตียง บางครั้งฝืนใจลืมตาขึ้นดูก็เห็นเหมือนมีคนจ้องอยู่ที่ซอกตู้ พอเพ่งตาดูก็เหมือนหลบเข้าไปด้านหลัง
แต่ครั้งสุดท้ายที่ตัดสินใจได้ว่า ไม่ไหวแล้วก็เมื่อเดินกลับห้องมาหลังจากไปเล่นกีฬาและสังสรรค์กับเพื่อนๆมา กะว่าจะนอนให้สบายพอหลับไปได้สักแป๊บก็รู้เสียวแปล๊บที่ต้นคอพอจะลืมตาก็ทำไม่ได้ แต่เริ่มรู้สึกหนักอึ้งที่ลำตัวและเหมือนมีใครมากดหัวไม่ให้เงยหน้าขึ้นมามอง อยากจะร้องตะโกนออกมาก็ทำไม่ได้ มันเหมือนมีอะไรมาห่อหุ้มตัวเอาไว้ทั้งหมด พอพยายามจะสะกดความกลัวด้วยการท่องบทสวดมนต์ก็เหมือนมีคนมาสวดตามที่ข้างๆหู ไม่รู้จะทำอย่างไร จนสุดท้ายรวบรวมกำลังทั้งหมดกดเตียงแล้วเหวี่ยงตัวพลิกไปด้านหนึ่งซึ่งก็หลุดจากแรงกดมาได้แต่มาตกใจแทบเสียสติก็เพราะมีคนนอนมองหน้าอยู่นั่นเอง
ข้าพเจ้าตกใจมากเรียกเพื่อนมาอยู่ด้วยแต่ก็ไม่มีใครกล้ามาเพราะพอบอกว่าพักอยู่ที่ไหนคนที่ทำงานก็บอกว่า เจอแล้วใช่ไหม พวกเราไม่กล้าบอกไงว่าที่อยู่น่ะมีอะไร คนที่ทำงานหลายคนก็เจอมาแล้ว หอนั้นเคยมีคนผูกคอตายเพราะมีปัญหาเรื่องหัวใจ แต่ไม่มีใครกล้าเตือนอะไรเพราะเห็นว่าเราอยู่มาได้สักพักแต่ไม่เห็นพูดอะไร เราก็บอกว่าทำไมไม่เล่าให้ฟัง เขาก็บอกว่าเพิ่งรู้ตอนเราอยู่แล้ว ถ้าบอกไปจะกลายเป็นทำให้เรากลัวแทน สุดท้ายเราก็รีบเก็บของแล้วออกไปอยู่กับเพื่อนแทนในคืนนั้น พอวันรุ่งขึ้นก็รีบมาขนของและขอเลิกสัญญากับเจ้าของหอพักทันที
เจ้าของหอพักไม่คืนค่าประกันหอพักอ้างว่าอยู่ไม่ครบตามสัญญา ซึ่งตอนแรกไม่ได้ระบุไว้ถึงระยะเวลาที่จะต้องอาศัยอยู่ ระบุแต่ค่าประกัน 4500 บาท และระบุว่าเพียงว่าเมื่อท่านได้ออกจากหอพักทางหอจะคืนเงินประกันให้ทั้งหมด แถมตอนคุยกันก็หว่านล้อมต่างๆนานา ราคาก็บอกว่าคิดเป็นพิเศษเพราะเหลือห้องเดียวจะเต็มไม่อยากปล่อยว่างไว้ เพราะจะได้สบายใจว่ามีคนอยู่ครบแล้ว ที่เจ็บใจก็คือไม่บอกกันเลยใช่ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ฮึ่มมม!!! เจ้าของหอพักบอกว่าถ้าจะเลิกสัญญาให้บอกก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือนถึงจะเลิกสัญญาได้
ผมเลยคิดว่าเออเรามันพลาดเอง แต่จะเอายังไงดี ที่นี่คงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ขอออกไปอยู่กับเพื่อนก่อน แล้วก็บอกเจ้าของหอไปว่าผมต้องการที่จะยกเลิกการเช่าหอพัก เมื่อครบหนึ่งเดือนตามที่ผมได้มีการแจ้งล่วงหน้าว่าในเดือนถัดไปผมมีความต้องการที่จะยกเลิกการเช่าหอพัก ซึ่งทางเจ้าของหอพักก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องค่าประกันหอพักแต่อย่างใด เดือนถัดมาผมได้เข้ามาย้ายของออก ยกเลิกสัญญาเช่าและขอเงินประกันคืน ทางหอพักกลับไม่คืนเงินให้โดยอ้างว่าข้าพเจ้าอยู่ไม่ครบตามสัญญา ที่หอพักนี้ต้องอยู่อย่างน้อยหกเดือน ซึ่งไม่เคยได้แจ้งกับข้าพเจ้าไว้เลยในวันทำสัญญาและมาติดต่อ
นอกจากนี้ยังได้อ้างว่าได้เปลี่ยนแปลงสัญญาใหม่โดยติดไว้ทางขั้นบันไดให้ทราบแล้ว สุดท้ายหอพักคืนเงินคืนให้เพียง 2500 บาท โดยข้าพเจ้าก็ยอมให้ทางหอพักหักค่าประกันไปเป็นจำนวนเงิน 2000 บาท เพราะถ้าจะต้องอยู่ต่อไปก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา แค่นึกถึงขึ้นมาก็เสียวสันหลังวาบแล้ว"
วิเคราะห์ปัญหา
1. การเช่าหอพักแล้วมีการปิดบังความจริงเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เราจะสามารถเรียกร้องให้บอกความจริง หรือไม่มีการบังคับตามสัญญาเพราะโกหกปิดบังความจริงได้หรือไม่
2. หากสัญญาที่ทำมีลักษณะเป็นรูปแบบสำเร็จรูปมาแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้จะถือเป็นสัญญาที่บังคับใช้ได้หรือไม่
3. หากมีเหตุการณ์สำคัญทำให้การอยู่อาศัยไม่ปลอดภัยกับชีวิต จิตใจ จะสามารถบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่
4. การเปลี่ยนแปลงสัญญาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรือไม่ได้เกินการตกลงของฝ่ายเราจะบังคับใช้ได้หรือไม่
5. หากเราต้องการเลิกสัญญาและต้องการได้รับเงินประกันหรือเรียกร้องค่าเสียหายจะทำได้อย่างไร
การนำกฎหมายมาแก้ไข
1. การเช่าหอพักแล้วมีการปิดบังความจริงเป็นความผิดตามกฎหมายในลักษณะของการฉ้อโกงทางอาญา และปิดบังสาระสำคัญในการเข้าทำสัญญาทางแพ่งฯ เราจะสามารถเรียกร้องให้บอกความจริงได้ หรือให้มีการยกเลิกผลบังคับตามสัญญาได้ เพราะโกหกปิดบังความจริงเป็นเหตุบอกล้างสัญญาอย่างหนึ่ง
2. หากสัญญาที่ทำมีลักษณะเป็นรูปแบบสำเร็จรูปมาแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้จะถือเป็นข้อสัญญาไม่เป็นธรรมรูปแบบหนึ่งที่บังคับใช้ได้ จนกว่าเราจะไปฟ้องศาลเพื่อให้ยกเลิกข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเท่าที่ขัดกับกฎหมายและเป็นภาระกับคู่สัญญาเกินไป
3. หากมีเหตุการณ์สำคัญทำให้การอยู่อาศัยไม่ปลอดภัยกับชีวิต จิตใจ จะสามารถบอกเลิกสัญญาได้ โดยเป็นเหตุสาระสำคัญของที่พัก มิใช่ความผิดของผู้เช่าอาศัย
4. การเปลี่ยนแปลงสัญญาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรือไม่ได้เกินการตกลงของฝ่ายเราจะบังคับใช้ไม่ได้ เพราะการทำสัญญาต้องมีการแสดงเจตนารับรู้ของทั้งสองฝ่าย แต่เจ้าของหออาจอ้างว่าได้มีการแจ้งการเปลี่ยนแปลงแต่เราไม่ปฏิเสธ จึงต้องพิสูจน์ว่าการแจ้งนั้นทำให้ทุกคนรับรู้จริงหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้เราไม่อยู่จึงไม่รู้ ไม่อาจบังคับได้
5. หากเราต้องการเลิกสัญญาและต้องการได้รับเงินประกันหรือเรียกร้องค่าเสียหายจะทำได้โดยอ้างเหตุแห่งการปิดบังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัยในหอพัก และการเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาอย่างไม่เป็นธรรม
ช่องทางเรียกร้องสิทธิ
1. ผู้บริโภคสามารถเรียกร้องให้เจ้าของหอพักให้ยกเลิกสัญญาและคืนค่าใช้จ่ายและค่าเช่ามาได้หากพิสูจน์แล้วว่าปิดบังความจริง รวมถึงเรียกเงินประกันคืน
2. หากเจ้าของหอพักเพิกเฉยหรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) (กรุงเทพฯ) หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้
3. หากยังบังคับกันไม่ได้ให้ฟ้องคดีไปที่ศาลแพ่งฯ
4. หากต้องการฟ้องคดีฉ้อโกงให้แจ้งความยังสถานีตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีในศาลอาญาพร้อมกับเรียกค่าเสียหายไปในคราวเดียวกัน
สรุปแนวทางแก้ไข
ใช้หลักนิติกรรมสัญญา และการใช้สิทธิโดยสุจริต ซึ่งสัญญาเช่าที่ผูกพันกัน คือ สัญญาฉบับที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ส่วนการแก้ไขสัญญาโดยคู่สัญญาไม่สมัครใจก็ใช้บังคับมิได้ และไม่มีเหตุอันใดให้เจ้าของหอพักริบประกัน เนื่องจากเป็นการใช้เงื่อนสัญญาที่เราไม่สมัครใจ และเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต เงินประกันที่ริบไปสามารถเรียกคืนได้ เพราะมีเหตุเลิกสัญญาเนื่องจากเจ้าของหอพักไม่บอกสาระสำคัญเกี่ยวกับสภาพห้องพัก