ทุกท่านคงทราบกันแล้วนะครับว่าปัจจุบันกฎหมายไทยเกี่ยวกับเรื่องข่มขืนได้มีการปรับปรุงแก้ไขไปให้ทันกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เพราะมิใช่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่อาจตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายจากนักข่มขืนชาย แต่เราก็มิได้จะบอกแบบชวนขำขันว่าต่อไปนี้ผู้หญิงจะข่มขืนผู้ชายได้แล้วหรอกนะครับ เพราะในความเป็นจริงมีชายจำนวนมากโดนข่มขืนจากชายด้วยกัน และที่รุนแรงแต่ไม่มีมาตรการแก้ไขมากนักในอดีตนั่นคือ การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กชายที่กลายเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้นักข่มขืนเด็กชายจำนวนมากได้รับโทษเบาบาง อย่างไม่น่าให้อภัยต่อความไม่ละเอียดอ่อนของกฎหมายแต่ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว!
นอกจากนี้เพศสภาพที่หลากหลายและรสนิยมทางเพศที่หลากหลายยังอาจทำให้เกิดกิจกรรมทางเพศโดยสมัครใจที่ไม่อาจใช้นิยาม “ชายข่มขืนหญิง” แบบแคบๆได้อีกต่อไป รวมถึงอวัยวะที่ใช้กระทำการข่มขืนและอวัยวะที่ถูกล่วงละเมิดกระทำชำเราก็หลากหลายเช่นกัน ดังนั้นจึงมีการขยายความออกไปเพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการยอมความกันได้และการข่มขืนหญิงที่เป็นภรรยาตนอีกที่ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้น เพราะเรื่องเพศนี่มันเป็นเรื่องใหญ่และบางอย่างก็เกินการควบคุมของสามัญสำนึกในใจใครหลายคน และใช่ว่าเป็นเพียงความเพ้อฝันของผู้ผลักดันกฎหมาย แต่มันเกิดได้กับทุกท่านจริงๆ ลองไปฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสองคนนี้ดูครับ
“เมื่อถึงช่วงสงกรานต์พวกเรามักจะนัดเลี้ยงรุ่นกันที่โรงเรียนของเราเพราะนอกจะใกล้วันสถาปนาแล้ว ทุกคนยังสามารถกลับมาสังสรรค์ร่วมกันได้เพราะมันเป็นช่วงหยุดยาว ปีนี้ครบรอบที่เราจบกันไป 3 ปี ทุกคนก็บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วเพื่อนๆเลยบอกว่าพาพวกที่ไม่เคยไปกลางคืนไปเปิดหูเปิดตากันเถอะ แล้วเราก็ไปเที่ยวผับกัน กินเหล้าเมาเฮฮากันสนุกสนานมากมายจนสุดท้ายต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะผับปิดและต้องกลับกันคนละทาง เราก็ไม่รู้จะกลับยังไงเพาะตอนไปเจอกันที่งานสังสรรค์นั้นมันกลางวันหารถรับจ้างไปได้สบาย
แต่ตอนนี้มันดึกเกือบจะตีสามอยู่แล้ว คนอื่นก็เรียกรถกลับออกไปจนแถวๆร้านไม่เหลือรถรับจ้างอีก แถมเพื่อนคนที่รถมาก็ต้องพาคนอื่นไปส่งไกลๆ เหลือคนที่บ้านไปทางที่เราอยู่คนเดียวแต่เขาก็บอกว่ารถเต็มแล้วเดี๋ยวจะให้เพื่อนเขาอีกคนที่เจอกันในผับพาไปส่งให้นะ แล้วสักพักคนรู้จักขอเพื่อนก็ขับรถมาแล้วบอกว่าขึ้นมาเลยไม่ต้องเกรงใจเดี๋ยวเราพาไปส่งได้ แล้วพากันกลับที่พักโดยให้เขาไปส่งเถอะทางผ่านพอดีเขาจะได้มีเพื่อนคุยด้วยมึนๆแล้วขับคนเดียวกลัวหลับใน
เขาก็ขับรถออกไปทิ้งให้เรานอนเจ็บจุกและอับอายมากเมื่อพนักงานโทรมาบอกว่าหมดเวลาแล้วจะนอนต่อหรือจ่ายเงินเพราะรถก็ขับออกไปแล้วพร้อมหัวเราะกลั้วมาในโทรศัพท์ ก่อนที่ผมจะขอให้เรียกรถโดยสารให้เพราะไม่กล้าแจ้งความตำรวจในตอนนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะมีนักข่าวตามมาถ่ายรูปให้ได้อายหรือเปล่า ผมกลับมาบ้านและพยายามติดต่อเพื่อนคนที่ปล่อยให้กลับมากับชายคนนั้นแต่เขาปิดมือถือ ผมจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจนัดจะไปแจ้งความเหตุ หลังจากนั้นผมจึงไปแจ้งความตัวคนเดียวไม่กล้าเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น ซึ่งทราบต่อมาว่านายคนนี้เป็นคนร่ำรวยและมีอิทธิพล ผ่านไป 2 เดือนคดียังไม่คืบหน้าและไม่มีการดำเนินการใดๆเกิดขั้น แต่ที่แปลกใจคือเพื่อนของผมที่ส่งผมไปให้เขาเชือดนั้นได้ออกรถคันใหม่ซึ่งเงินดาวน์รถก้อนนี้มันมาจากไหน” ครับเรื่องนี้คงให้อะไรกับคนที่คิดว่า “เราฉลาดและแข็งแรง” โลกอยู่ยากขึ้นนะครับ
อีกเรื่องเกิดกับน้องหนึ่งที่พึ่งเข้ามาปรึกษากับพี่วาณิชย์ซึ่งท่านผู้อ่านจะได้เจอในช่วงคดีแพ่งฯ ว่าจะทำอย่างไรน้องเขาไม่อยากแต่งงานกับชายที่เขาไม่รัก โดยเรื่องมีอยู่ว่า
“น้องเขาได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งพ่อแม่สองฝ่ายแนะนำให้เป็นแฟนกันได้รู้จักกันสักระยะน้องผู้หญิงอายุ13 ส่วนฝ่ายชายอายุ 17 ปี เมื่อเวลาผ่านไปน้องผู้หญิงรู้สึกว่าไม่ใช่ จึงได้พยายามตีตัวออกห่าง เพราะอีกข้างเริ่มออกลายมีผู้หญิงเข้ามามากมายตามสไตลส์หนุ่มสปอร์ตเพราะครอบครัวเขามีหน้าตาในสังคม แต่น้องเขาไม่ชอบเพราะไม่อยากมีปัญหาต้องมาเสียใจในอนาคต ฝ่ายชายเริ่มรู้สึกได้ว่าหญิงกำลังจะจากไปจึงเพียรพยายามขอมีเพศสัมพันธ์กับน้องผู้หญิง แต่เธอก็ได้ปฏิเสธไปตลอดเพราะไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต แต่ผู้ชายไม่ยอมจึงได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนผู้หญิงจนสำเร็จโดยในวันนั้นอ้างว่า ขอมาเจอเป็นครั้งสุดท้ายจะได้ตกลงว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรและขอมาเอาของที่เคยให้คืน ด้วยความที่หญิงเจ็บใจว่าทำไมต้องมาทวงของเหมือนว่าที่เคยคบกันมาเพราะหญิงเห็นแก่ทรัพย์สินเงินทอง จึงยอมให้มาหาที่บ้านตอนกลางวันแต่ดันลืมคิดว่าไม่มีใครอยู่เพราะออกไปทำงานกันหมด
พอมาถึงชายนั้นได้ฉวยโอกาสรุกเข้าหาพาฉุดกระชากลากเข้ามาในบ้าน และหาความสำราญจากร่างกายของเธอ เขาบอกว่าจะปรนเปรอความสุขให้เธอจะได้อยู่รับความสุขนี้ไปไม่มีเบื่อ ขอให้เชื่อว่าเธอจะเป็นเมียหลวงเหนือมีเมียอื่นเพราะทุกคนรักและอยากให้เธอมาเป็นภรรยาตีตราของครอบครัวเขา เขาวนเวียนทำอย่างนั้นกับน้องเขาตั้งแต่เช้าจนเย็นเหมือนรอเวลาให้คนที่บ้านเธอกลับมาเห็นเหตุการณ์ เธอเจ็บใจและรู้สึกเหมือนไม่มีใครจะสามารถช่วยเธอได้เลย เพราะเขาบอกว่าไม่กลัวพ่อแม่เธอหรอก มาเจอเลยจะได้ขอแต่งงานเป็นเมียเพราะได้เสียกันแล้ว
วิเคราะห์ปัญหา
1. การข่มขืนชายโดยชายถือเป็นความผิดฐานอะไร
2. การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อบังคับข่มขืน หรือการข่มขืนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บจะเป็นความผิดฉกรรจ์หรือไม่
3. ผู้ที่เป็นธุระจัดการให้เกิดข่มขืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้วยหรือไม่
4. ชายอายุไม่เกิน 18 ปี ข่มขืนหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี ต่อมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอมให้แต่งงานเป็นภรรยาถือเป็นการล้างความผิดได้หรือไม่ ต้องให้ใครอนุญาตอีกหรือไม่
5. พ่อแม่สามารถบังคับหญิงให้แต่งงานได้หรือไม่
6. การกระทำชำเราเป็นความผิดที่ยอมความกันได้หรือไม่อย่างไร
การนำกฎหมายมาแก้ไข
1. การข่มขืนชายโดยชายถือเป็นความผิดฐานกระทำชำเราตามกฎหมายอาญาความผิดต่อเพศ
2. การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อบังคับข่มขืนถ้ามีการใช้อาวุธจะเป็นเหตุเพิ่มโทษ การข่มขืนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตจะเป็นความผิดฉกรรจ์มีโทษร้ายแรง
3. ผู้ที่เป็นธุระจัดการให้เกิดข่มขืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้วยทั้งในฐานะผู้สนับสนุนทั่วไป หรือความผิดเฉพาะในการจัดหา เช่น กรณีนางนกต่อ นายนกต่อ ที่ล่อลวงเพื่อนไปให้คนอื่นข่มขืน
4. ชายอายุไม่เกิน 18 ปี มีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่อายุเกิน 13 ปี ถ้าต่อมาพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอมให้แต่งงานเป็นภรรยาถือเป็นการล้างความผิดได้แต่ต้องให้ศาลอนุญาตก่อน ถ้าเป็นคดีฟ้องร้องแล้ว
5. พ่อแม่ไม่มีอำนาจใดๆในการบังคับหญิงให้แต่งงาน รวมถึงบังคับให้ชายแต่งงานกับหญิงก็ไม่ได้
6. การกระทำชำเราเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ เว้นกรณีที่ใช้อาวุธบังคับ หรือกระทำชำเราแบบรุนแรง เช่น รุมโทรม ทำให้บาดเจ็บสาหัส หรือตาย เป็นต้น
ช่องทางเรียกร้องสิทธิ
1. การกระทำชำเราเป็นความผิดทางอาญา ชาย/หญิงหรือผู้ปกครองสามารถแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญาได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือสถานีตำรวจ เพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด
2. หากเกรงเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศและความอึดอัดใจอาจไปแจ้งดำเนินคดีที่แผนกคดีปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและสตรี ของแต่ละสถานีตำรวจก็ได้ เพื่อดูแลหญิงผู้เสียหายเป็นพิเศษ แต่ชายยังไม่มีองค์กรพิเศษ
3. คดีกระทำชำเราทั้งสองจะฟ้องร้องกันในศาลอาญาก่อนเมื่อกำหนดความผิดแล้วอาจเรียกค่าเสียในทางแพ่งฯ ไปในคราวเดียวกันได้ด้วย หากผู้กระทำผิดอายุต่ำกว่า 18 ปี คดีจะขึ้นสู่ศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวฯ
4. หญิงสามารถปฏิเสธการแต่งงานโดยขอรัฐเข้าพักในสถานที่พักพิงบำบัดจิตใจได้ หากรู้สึกไม่ปลอดภัยจากครอบครัวตน การแต่งงานสามารถฟ้องกันในได้ในศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวฯ
สรุปแนวทางแก้ไข
เรื่องแรกใช้หลักความผิดต่อเพศและร่างกายทางอาญา ซึ่งกรณีนี้มีการทำร้ายร่างกายและข่มขืนจึงเป็นความผิดทางอาญาที่แจ้งความต่อตำรวจเพื่อดำเนินคดีได้ รวมถึงผู้ที่เป็นธุระจัดหาหรือสนับสนุนให้เกิดการกระทำชำเราก็มีความผิดด้วย อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นความผิดส่วนตัวอันอาจยอมความได้ โดยอาจมีการตกลงชดเชยค่าสินไหมทดแทนกันตามที่ผู้เสียหายเรียกร้องเพื่อระงับข้อพิพาทกันเองได้
เรื่องหลังใช้หลักความผิดต่อเพศในทางอาญา กระบวนการยุติธรรมต่อเด็กและสตรี และสิทธิในการมีครอบครัวของบุคคล ซึ่งกรณีนี้เจ้าตัวมีสิทธิในการปฏิเสธการแต่งงาน และแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อการผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนและเรียกค่าสินไหมทดแทนในการละเมิดดังกล่าวด้วย และสามารถใช้กระบวนการตามวิธีพิจารณาอาญาพิเศษในคดีเยาวชนและครอบครัวฯที่ให้การคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรีเนื่องจากไม่มีใครปกป้องเธอเลย