Skip to main content

ปัญหาที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับสังคมที่ใช้เงินทองเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสินค้า ก็คือ การกู้ยืมเงิน มีตั้งแต่การกู้ยืมกันธรรมดาระหว่างญาติพี่น้องคนรู้จักและเพื่อนฝูง ไปจนถึงการกู้ยืมกับคนร่ำรวยในพื้นที่ ถึงขนาดมีผู้มีอิทธิพลปล่อยกู้นอกระบบจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเกิดการทวงหนี้แล้วมีปัญหาใช้ความรุนแรงกัน   แต่วิธีการที่คนไทยนิยมอีกแบบ คือ การตั้งวงแชร์ที่ทุกคนรวมเงินกันแล้วเปียแข่งกันว่าใครให้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะได้เงินเอาไปใช้แล้วค่อยเอาผลตอบแทนมาคืนใช่ไหมครับ ซึ่งแชร์นี่ก็ลดความนิยมไปเยอะแล้วเพราะถ้าไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกันในกลุ่ม แชร์ก็ล่ม มีการหนีหนี้แล้วทวงกันไม่ได้ตลอด   ปัจจุบันสังคมเรามันเปลี่ยนไปเยอะแล้วนี่ครับจะทำแบบเดิมคงไม่ง่าย แต่ก็ยังมีวิธีการหาเงินมาใช้กันอีกมากครับ จะทำอย่างไรได้ล่ะคะ ค่าใช้จ่ายและเหตุฉุกเฉินในชีวิตแต่ละคนมันเยอะ พอหมุนเงินไม่ทันก็ต้องหาแหล่งทุนมาใช้ ไหนจะต้องเอามาลงทุนทำการค้าอะไรอีกมากมาย แล้วใช่ว่าทุกคนจะไปขอกู้จากธนาคาร สหกรณ์ หรือกลุ่มออมทรัพย์ต่างๆได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมือง   หลังๆจึงมีการตั้งกลุ่มขึ้นในที่ทำงานเพื่อรวบรวมเงินกันแล้วมีการปล่อยกู้เพื่อหาทางหมุนเวียนเงินในยามคับขัน แล้วหาวิธีการประกันความเสี่ยงกันเองมากมายเพราะบางทีมันก็ก้ำกึ่งว่าจะล้ำเส้นของกฎหมายไปบ้างเหมือนกัน   ฟังเรื่องนี้ดูคงได้เห็นการดิ้นรนของชนชั้นกลางได้ดีว่าการมีหนี้เป็นสิ่งธรรมดาสามัญเหลือเกินสำหรับคนเหล่านี้ เพราะไม่มีทางเลือกในการเข้าถึงทุนนัก

“ข้าพเจ้าได้จัดตั้งกลุ่มกับเพื่อนๆ ในที่ทำงานเพื่อกู้ยืมกันในกลุ่ม  โดยได้เก็บเงินรวบรวมกันเป็นงวดๆ แล้วเอาเงินออกให้กู้นอกระบบสำหรับสมาชิกเท่านั้น   โดยข้าพเจ้าเป็นคนรับผิดชอบดำเนินการและติดตามทวงเงินเข้ากลุ่ม  ทุกคนสามารถกู้ยืมได้แต่ต้องเสียดอกเบี้ยเข้ากลุ่มในอัตราร้อยละ 4 ต่อเดือน ต่อมาในปีนั้นมีสมาชิกคนหนึ่งขอกู้เงินจำนวน 600,000 บาท เพื่อไปลงทุนเปิดธุรกิจที่บ้านเป็นประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยความไว้ใจกันและเห็นว่าพี่คนนี้ก็อยู่ในกลุ่มกันมานาน ร้านที่จะเปิดก็เป็นหลักแหล่งสามารถไปดูงานหรือติดตามทวงหนี้ได้ไม่ยาก จึงไม่ได้ทำสัญญาใดๆทังสิ้น ทางกลุ่มกำหนดให้คืนเงินภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น เพราะเป็นกฎทั่วไปที่เราก็รู้กันอยู่แล้ว นี่ก็ขยายให้มากที่สุดแล้วเพราะเห็นใจที่เป็นเงินก้อนใหญ่ซึ่งกู้ไปทำธุรกิจ ก็รอให้คืนทุนได้ก่อนแล้วจึงเอามาคืน ร้านพี่เขาจะได้ตั้งตัวได้

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะพี่เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัทอย่างกะทันหันโดยไม่มีใครทราบล่วงหน้าแม้แต่น้อย แม้เราจะกังวลกันอยู่บ้างเวลาปล่อยกู้ไปก้อนใหญ่ๆ แต่ที่นอนใจกันอยู่ได้ก็เพราะคิดว่าบริษัทที่อยู่กันค่อนข้างใหญ่ มีชื่อเสียง ผลตอบแทนและสวัสดิการดี ไม่น่ามีใครลาออกไปทำงานที่อื่นหรือตัดทางทำมาหากินที่มั่นคงทิ้ง  แถมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับพนักงานซึ่งเป็นสมาชิกก็สามารถตามได้จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลซึ่งเป็นคนในกลุ่มเช่นกัน   ดังนั้นเราจึงรีบแก้ไขปัญหาโดยการติดตามทวงหนี้ทันที เมื่อค้นข้อมูลมาได้เราก็พยายามโทรติดต่อพี่เขาทันที พี่เขาบอกว่าไม่มีอะไร ที่ตัดสินใจลาออก ก็เพราะร้านเริ่มมีลูกค้าเข้ามามากแฟนเขาจัดการคนเดียวไม่ไหว เขาเลยตัดสินใจลาออกกลับไปช่วยงานจะได้หาเงินมาคืนทุนได้ไวไว เสียงพี่เค้าดูครึกครื้นดีใจ เหมือนมีความหวังใหม่ในชีวิตเพราะธุรกิจกำลังติดลมบน ทุกคนในกลุ่มพอทราบเรื่องก็โล่งใจ

แต่ทางกลุ่มก็ยังอยากได้เงินคืนเพราะเป็นเงินก้อนใหญ่มากหากเสียไปคนทั้งกลุ่มมีปัญหาแน่ๆ จึงได้แจ้งพี่เขาไปว่าใกล้จะครบกำหนดแล้วนะ และพี่ก็ลาออกไปแล้วควรจะคืนเงินกลับมาก่อนเพื่อความสบายใจของทุกคน  โดยมีการโทรศัพท์นัดคืนเงินอยู่ตลอดเวลา และเมื่อถึงเวลาก็ผิดนัดทุกครั้งโดยพี่เขามักจะอ้างว่าติดลูกค้าออกไปไม่ได้ ยุ่งวุ่นวายที่ร้านมากเลยไปไหนไม่สะดวก ส่วนพวกเราก็ทำงานอยู่ที่บริษัทจะติดตามไปทวงที่ร้านเขาไม่ง่าย  ด้วยความร้อนรนใจของพวกเรา จึงยกกันไปติดตามพี่เขาที่บ้าน ให้เขาทำสัญญาเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการเอาที่ดินของเขามาเป็นหลักฐานทรัพย์ในการค้ำประกัน และกำหนดให้คืนเงินภายในระยะเวลา 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามสัญญาจะยึดทรัพย์สินของเขา  

เมื่อครบกำหนดชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยครั้งหลังพวกเราได้ติดต่อไปแต่พี่เขาปิดสายและหายไปจากบ้านหลายวัน จนมันผิดปกติมากและทางกลุ่มกลัวจะเสียหายหลายแสนจึงตัดสินว่าต้องดำเนินการอะไรให้เด็ดขาดแล้ว  ข้าพเจ้าจึงไปติดต่อทนายเพื่อขอคำปรึกษา โดยทางทนายให้ส่งหมายศาลให้เรียกตัว และนัดขึ้นศาลเพื่อพูด คุย เจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน กระทั่งครั้งสุดท้ายทำให้เราได้เจอกันหลังจากที่เขาผิดนัดหลายครั้ง โดยการพูดคุยเราจะตกลงยินยอมกันโดยให้เขาโอนทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินให้ข้าพเจ้าเพราะเสียเวลามาก  หากจะให้พี่เขาผ่อนชำระเป็นรายเดือน แถมดอกเบี้ยที่ตกลงกันไว้ก็อาจจะไม่ได้อีกต่างหาก

ข้าพเจ้าและทางกลุ่มของเราคิดเห็นร่วมกันว่าเอาทรัพย์สินดีกว่าที่ต้องรอ แม้ว่าราคาที่ดินจะไม่เท่ากับจำนวนหนี้เดิม แต่ก็ยังดีกว่าต้องเสียเวลารอให้พี่เขาผ่อนนานๆ กับการต้องรอคำสั่งศาลให้ถึงที่สุดอีก   เลยจะลองมาปรึกษาดูว่าถ้าทางกลุ่มจะดำเนินการต่อไปควรจะวางแผนกันอย่างไรดี”

วิเคราะห์ปัญหา

1.              การตั้งกลุ่มออมทรัพย์โดยมีการปล่อยกู้นั้นสามารถกระทำได้เองโดยไม่ต้องมีการขออนุญาตหรือไม่

2.              การตกลงกันใช้ระบบสมาชิกกู้ยืมเงินและใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อเดือน เป็นเงื่อนไขที่กระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่

3.              การให้กู้ยืมเงินจำนวนมากโดยไม่มีการทำสัญญาลายลักษณ์อักษรไว้เป็นวิธีการที่รัดกุมหรือไม่

4.              การให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีการค้ำประกันโดยทรัพย์สินหรือบุคคลเป็นความเสี่ยงเกินไปหรือไม่

5.              การติดตามทวงหนี้ที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้จะทำได้อย่างไรบ้าง

6.              แนวทางในการดำเนินการในกลุ่มควรปรับปรุงอย่างไรบ้าง

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.              การตั้งกลุ่มออมทรัพย์โดยมีการปล่อยกู้นั้นสามารถกระทำได้เองหากไม่มีลักษณะเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนดและมีวิธีการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย เช่นใช้ความรุนแรง  แต่ถ้ามีการจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์หรือเผาศพโดยมีการขออนุญาตต่อกรมสหกรณ์ก็จะมีหน่วยงานรัฐสนับสนุน   แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารและตกลงกันในกลุ่มเพื่อความสะดวกตามความสมัครใจ

2.              การตกลงกันใช้ระบบสมาชิกกู้ยืมเงินและใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อเดือน เป็นเงื่อนไขที่ขัดกับกฎหมายเพราะกลุ่มมิใช่สถาบันการเงินที่รัฐอนุญาตให้เก็บดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี ดอกเบี้ยที่เกินจากกฎหมายกำหนดจะตกเป็นโมฆะทั้งหมด เหลือแต่เงินต้นที่บังคับกันได้

3.              การให้กู้ยืมเงินจำนวนมากโดยไม่มีการทำสัญญาลายลักษณ์อักษรไว้เป็นวิธีการที่อันตรายมาก เพราะไม่สามารถบังคับกันได้ตามกฎหมายแพ่งฯ และวิธีพิจารณาความแพ่งฯ เพราะต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรลงลายมือชื่อฝ่ายลูกหนี้ที่ต้องรับภาระชำระหนี้

4.              การให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีการค้ำประกันโดยทรัพย์สินหรือบุคคลเป็นความเสี่ยงจึงอาจต้องวางแผนให้ผู้กู้ยืมหาหลักประกัน เช่น ทรัพย์สินหรือบุคคล แต่ก็อาจกระทบกับเงื่อนไขเบื้องต้นที่การตั้งกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการก็เพื่อให้เกิดความสะดวก เนื่องจากถ้าเขามีทรัพย์/บุคคลค้ำประกัน ก็อาจไปกู้ในระบบแทน  ก็ต้องวางแผนจัดการความเสี่ยงแบบต่างๆต่อไป

5.              การติดตามทวงหนี้ที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้จะต้องยื่นหนังสือทวงหนี้ และกำหนดชำระหนี้ หากไม่สำเร็จก็นำฟ้องบังคับคดีที่ศาลแพ่งฯ ซึ่งศาลจะนัดไกล่เกลี่ย หรือนำไปสู่การตัดสินคดีหรือมีการประนีประนอมยอมความในระหว่างนั้นได้  โดยการหนีหนี้เป็นความผิดทางอาญา

6.              กลุ่มอาจยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มสหกรณ์หรือกลุ่มเผาศพเพื่อร่างระเบียบข้อบังคับและจัดระบบประกันความเสี่ยงและรูปแบบสัญญาที่เป็นระบบมากขึ้น มีหลักฐานพยานในการบังคับชำระหนี้ที่ดีขึ้น

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.              การตั้งกลุ่มออมทรัพย์โดยจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์หรือเผาศพต้องไปยื่นขอจดทะเบียนต่อกรมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในทุกจังหวัด

2.              การติดตามทวงหนี้ในทางแพ่งฯ ต้องนำฟ้องบังคับคดีที่ศาลแพ่งฯ ซึ่งศาลจะนัดไกล่เกลี่ย หรือนำไปสู่การตัดสินคดีหรือมีการประนีประนอมยอมความในระหว่างนั้นได้ และกรมบังคับคดีจะเป็นผู้บังคับชำระหนี้ให้ เช่น นำไปสู่การโอนทรัพย์ให้ หรือในอนาคตจะมีการนำทรัพย์ประกันขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ให้

3.              การหนีหนี้ที่เป็นความผิดทางอาญาสามารถแจ้งความต่อเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามและรับผิดทางกฎหมายได้

สรุปแนวทางแก้ไข

                ใช้หลักนิติกรรมสัญญากู้ยืม อัตราดอกเบี้ย การใช้ทรัพย์เป็นหลักประกัน และการระงับข้อพิพาท ซึ่งกรณีนี้หากดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ดอกเบี้ยจะตกเป็นโมฆะ ส่วนเงินทุนยังอยู่แล้วแต่ว่าจะบังคับเอาอย่างไร หากมีการนำทรัพย์สินมาเป็นประกันหากจะนำมาชดใช้หนี้ต้องขายทอดตลาดได้เงินมาเท่าไหร่จึงนำมาใช้หนี้หากเหลือต้องคืนให้เจ้าทรัพย์ อย่างไรก็ดีหากการโอนทรัพย์สินมิใช่หลักประกันแต่เป็นเพียงการนำทรัพย์มาชำระหนี้แทนเงินก็สามารถทำได้ทันทีตามความสมัครใจ   ซึ่งกรณีนี้เป็นคดีแพ่งคู่ความอาจระงับข้อพิพาทอย่างใดแล้วแต่ใจสมัครของสองฝ่าย

 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
จากข่าวที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์กำลังจะยกเลิกการใช้เงินกระดาษทุกแบบไปสู่การใช้เงินดิจิตัล หรือการประกาศใช้ระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และการระงับข้อพิพาทออนไลน์ ในหลายประเทศ มาจนถึงการผลักดันโครงการดิจิตัลอีโคโนมี่ในประเทศไทย ทำให้เห็นแนวโน้มว่าถนนทุกสายมุ่งสู่โลกไซเบอร์
ทศพล ทรรศนพรรณ
จากเหตุวินาศกรรมในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับพันคนในทันที และมีผู้บาดเจ็บและตกอยู่ในภาวะพิการ เจ็บป่วยทางจิตอีกจำนวนมาก รวมถึงการสูญเสียของญาติพี่น้องในเหตุการณ์ดังกล่าวยังความเสียใจอย่างรุนแรงให้เกิดขึ้นทั่วโลกมิใช่ในสหรัฐอเมริกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Citizen Four ที่สร้างโดยนักทำหนังต่อต้านสงครามและนโยบายลิดรอนสิทธิมนุษยชนชื่อดัง ได้เปิดโปงให้เห็นภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผู้ใช้ไม่รู้เท่าทัน จนมิอาจปกป้องตนเองให้พ้นจากการสอดส่องของเจ้าของเทคโนโลยี และฝ่ายความมั่นคงของรัฐ   โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตร Five Eyes อันได้แ
ทศพล ทรรศนพรรณ
นับแต่รัฐประหาร 2557 คณะผู้กุมอำนาจได้รุกไล่และปราบปรามการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดอนาคตประเทศเป็นอย่างมาก  ยุทธวิธีที่สำคัญ คือ การสอดส่องผู้พิทั
ทศพล ทรรศนพรรณ
ยุทธศาสตร์ของชนชั้นนำไทยที่ลักลั่นระหว่าง การผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล หรือไทยแลนด์ 4.0 กับ การมุ่งรักษาความมั่นคงของรัฐ(บาล) โดยการปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์รั
ทศพล ทรรศนพรรณ
รัฐสมัยใหม่สถาปนาขึ้นมาบนพื้นฐานของการเข้าใจร่วมกันในประเด็นพื้นฐานที่ว่า “รัฐมีหน้าที่ปกป้องชีวิตและคุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน”  แต่ก็เกิดข้อกังขาเสมอมาในลักษณะที่ว่า หากรัฐเป็นผู้ละเมิดชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเสียเอง แล้วจะทำเช่นไร  หรือถ้ารัฐไม่ทำหน้าที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดการละเม
ทศพล ทรรศนพรรณ
ประเด็นสำคัญของ EU-US Umbrella Agreement 20161.       ข้อตกลงระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในการควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาตั้งแต่ ตำรวจไปจนถึงศาล ลงนามเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559
ทศพล ทรรศนพรรณ
มีอะไรใหม่ใน กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสหภาพยุโรป EU General Data Protection Regulation 20161.       เป็นครั้งแรกที่ EU มีกฎหมายรวมกฎคุ้มครองข้อมูลต่างๆที่กระจัดกระจายมาอยู่ในกฎหมายเดียว (General Regulation)
ทศพล ทรรศนพรรณ
เวลาเราจะเดินทางไปไหนยิ่งรีบก็ยิ่งเหมือนะยิ่งช้าถ้าไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างดี   บางที่เราไม่ประมาทแต่คนอื่นก็ยังขับรถมาชนได้ก็มีนะครับ ซึ่งสองเรื่องที่จะเล่านี้ก็ตามวิถีไทยแท้บนท้องถนนครับ คือ รถชนกันไม่พอ แต่มีการขนญาติพี่น้องและใช้อิทธิพลมากดดันของฝ่ายหนึ่งหวังจะพึ่งกำลังภายในให้
ทศพล ทรรศนพรรณ
ต่อไปจะกล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากวิถีชีวิตและความสัมพันธ์ของคนในสังคมที่เปลี่ยนไปมากจากวันเวลาของพ่อแม่เรา   บางเรื่องอาจจะได้ยินซ้ำๆซากๆและเป็นปัญหาคาราคาซังในสังคมทุกยุคทุกสมันและมีวิธีจัดการต่างกันไปในแต่ละยุค  คือ เรื่องเด็กกำพร้าที่ในอดีตเป็นเรื่องที่ชุมชนหรือสถาบันทางศาสนาเข้ามา