Skip to main content

เรื่องที่ผมจะคอยเตือนให้ทุกคนจดจำไว้เสมอคือ “ไม่ควรไว้ใจเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับคนรู้จัก” หากจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีอาจต้องกันเรื่องเงินๆทองๆไม่ให้มีภาระผูกพันกันไว้เป็นดี   หากจะเห็นใจกันก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าช่วยอะไรกันไปแล้วอาจไม่ได้คืนมา  แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งในทางกฎหมายแพ่งฯ ที่ไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเป็นอันขาดหากไม่สามารถจัดการได้จริงๆ เมื่อถึงคราวซวย นั่นคือ การเข้าเป็นนายประกันให้กับคนอื่น เพราะตามกฎหมายแพ่งฯได้กำหนดให้ผู้ค้ำประกันมีหน้าที่รับผิดต่อเจ้าหนี้เสมือนเป็นลูกหนี้เสียเอง  หากเจ้าหนี้ตามลูกหนี้ไม่ได้นายประกันต้องชดใช้หนี้จนถึงขั้นล้มละลายได้เลย   แถมยังมีต้องติดตามไล่เบี้ยความเสียหายเอาจากผู้หนีหนี้เสียด้วย   ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆเลยครับที่จะเป็นนายประกัน   ดูเรื่องนี้ครับจะเห็นว่าคนรู้จักใกล้ชิดยังทำกันได้

“แม่ข้าพเจ้าได้รู้จักและสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นรุ่นน้อง ด้วยเหตุที่สนิทกันมานาน เพื่อนแม่จึงมาขอให้เป็นผู้ค้ำประกันเพื่อจะซื้อรถยนต์มูลค่าประมาณ 6 แสนบาท ซึ่งแม่ก็ไม่ได้พูดหรือปรึกษาหารือใดๆกับคนในบ้านเลย   แม่ก็ได้รับปากเป็นผู้ช่วยเหลือและค้ำประกันการซื้อรถให้กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ไป จนเขาได้ออกรถใหม่มาใช้ในครอบครัวโดยให้สามีเป็นคนขับขี่เสียเป็นส่วนใหญ่ โดยบอกว่าหลังๆนี่สบายใจเพราะสามีเอาอกเอาใจขอขับรถไปรับไปส่ง ไม่ต้องเหนื่อยขับรถเองอีกต่อไป   หลังจากได้รถคันนี้มาจึงกลายเป็นว่ามีความสุขในครอบครัวมากขึ้นเป็นกอง 

ต่อมาวันหนึ่งสามีของเพื่อนแม่คนนี้ก็หนีหายไปแต่ไม่ได้ไปตัวเปล่าเพราะเขาเอารถยนต์คันนี้ไปด้วย   เพื่อนคนนี้ก็พยายามติดตามหาตัวกลับมาแต่ก็ไม่เจอ   ตอนแรกๆก็เป็นการติดตามสามีกลับมาอยู่กินกันต่อไป มีวิธีการติดตามหลายอย่าง ทั้งไปตามหาเอากับญาติด้วยตัวเอง สอบถามบริษัทโทรศัพท์ให้ช่วยติดตามสัญญาณ เรื่อยไปจนถึงวิธีคนทรงเจ้าเข้าผี หรือไปหาพระเพื่อดูดวงให้ว่าสามีไปไหนจะกลับมาอยู่ด้วยกันหรือไม่  จนสุดท้ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะได้เจอกันอีกแล้ว  จึงตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบเรื่องรถยนต์คันนี้กันอย่างไร เพราะหาตัวสามีเท่าไหร่ก็ไม่เจอ  รถยนต์ก็สรุปได้ว่าสามีคงขโมยรถที่ซื้อนี้ไปไม่เอามาคืนด้วยแน่ๆ ความซวยจึงตกอยู่กับเพื่อนแม่และแม่เพราะว่ายังผ่อนได้ไม่ถึงปีมีหนี้สินรออยู่ก้อนโต เพื่อนแม่จึงมาบอกแม่และขอคำปรึกษาอยู่บ่อยๆ

แม่จึงพาเพื่อนคนนี้ไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อติดตามรถยนต์กลับคืนมา ตำรวจกลับบอกว่ากรณีนี้ไม่ถือเป็นการขโมยเพราะไม่เห็นตัวคนขโมย  และไม่ยอมให้เราแจ้งความ ดังนั้นแม่กับเพื่อนแม่ก็ต้องชดใช้เงินให้กับทางร้านที่ซื้อรถมาโดยที่รุ่นน้องแม่ก็พยายามตามหาสามีต่อไปด้วย เรื่องนี้ทำให้ทางบ้านข้าพเจ้าเกิดการทะเลาะกันขึ้น  เพราะพ่อโมโหที่แม่ทำอะไรหลับหลังไม่ปรึกษากันก่อน เรื่องเงินๆทองๆของครอบครัวคนอื่นเข้าไปยุ่งทำไม สุดท้ายก็โดนผู้ชายเลวๆหลอกให้เสียใจแถมเสียเงินอีกตะหาก ไม่อายขี้ปากชาวบ้านเหรอที่เขาด่าเพื่อนแม่ แล้วบางคนยังนินทามาถึงแม่ว่าไปค้ำประกันให้ หรือมีความในอื่นๆกับผู้ชายคนนั้น   ทำให้ครอบครัวเราไม่เป็นอันกินอันนอนกันไปหลายวันเลยทีเดียว

และในที่สุดก็หาตัวสามีเพื่อนร่วมงานของแม่ได้  เราพบว่า เขาได้มีการเอารถไปขายที่ด่านชายแดนกัมพูชา และก็หายตัวไปจนเมื่อหมดเนื้อหมดตัวกระเสาะกระแสะกลับมาขอให้เพื่อนแม่ช่วยเหลือจึงได้เจอตัว ซึ่งที่เราแปลกใจกันมากคือเพื่อนแม่ก็เห็นใจและรับเขากลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลายเป็นครอบครัวเราที่ต้องเดือดร้อนทั้งเรื่องเงินค่ารถที่ต้องออกให้ก่อน แถมยังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งและเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก  

ตอนนี้รุ่นน้องแม่ก็ได้ผ่อนเงินค่ารถที่อดีตสามีได้นำไปขายและขอบคุณแม่ข้าพเจ้าที่ให้การช่วยเหลือ เรื่องนี้ทำให้เป็นบทเรียนกับครอบครัวเราว่าจะทำการใดก็ต้องปรึกษากัน ถึงแม้จะเป็นเพื่อนหรือญาติสนิทกันแค่ไหนหรือไม่ก็ไม่ควรจะไว้ใจ เราต้องรอบคอบก่อนที่จะทำอะไรลงไปเพราะอาจส่งผลกระทบที่ตามมา และเพราะในตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเพียงพอที่จะรู้เรื่องราวในการฟ้องร้องหรือเรียกสิทธิใดๆ”

วิเคราะห์ปัญหา

1.              การเป็นนายประกันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ แม่มีสิทธิและหน้าที่อย่างไรกับเจ้าหนี้ และลูกหนี้ที่เราไปค้ำประกันบ้าง

2.              หากสามีขโมยรถของภรรยาไปสามารถฟ้องร้องหรือแจ้งความกับตำรวจให้ติดตามรถยนต์คืนมาได้หรือไม่

3.              ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแม่ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ชดใช้กันอย่างไร

4.              แม่ซึ่งเป็นนายประกันจะติดตามไล่เบี้ยความเสียหายได้อย่างไรบ้าง

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.              การเป็นนายประกันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีความเสียหายกับเจ้าหนี้ แม่มีสิทธิและหน้าที่กับเจ้าหนี้เสมือนว่าแม่เป็นลูกหนี้เสียเอง และมีสิทธิในการติดตามและไล่เบี้ยเอาจากเพื่อนที่เป็นลูกหนี้ตามสัญญาค้ำประกันได้

2.              หากสามีขโมยรถของภรรยาไป ภรรยาไม่สามารถแจ้งความกับตำรวจให้ติดตามรถยนต์คืนมาได้เพราะถือเป็นบุคคลเดียวกัน สามีกระทำกับทรัพย์ของภรรยาเสมือนทำกับทรัพย์ของตนเอง  แต่หากจะมีการฟ้องร้องเพื่อหย่าร้างอาจติดตามสามีและทรัพย์ได้โดยการฟ้องแพ่งเพื่อติดตามสินสมรสที่ครอบครองร่วมกันมาฟ้องร้องแบ่งกันตามกฎหมาย   แต่แม่สามารถฟ้องคดีอาญาได้เพราะเป็นบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับบริษัทที่ขายรถ โดยคดีลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์แจ้งความได้ แม้ไม่เห็นผู้ขโมยหรือยักยอกทรัพย์ไป

3.              ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนายประกัน ลูกหนี้จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยชดใช้ตามจำนวนหนี้ที่แม่ได้ชำระให้กับเจ้าหนี้คนแรก  บวกด้วยดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่นายประกันชำระหนี้แทนให้

4.              แม่ซึ่งเป็นนายประกันจะติดตามไล่เบี้ยความเสียหายได้โดยการติดตามทวงหนี้และฟ้องบังคับคดีทางแพ่งฯ  แต่อาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นก็ได้

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.              การติดตามทวงหนี้ของเจ้าของรถเป็นการใช้สิทธิธรรมดา การต่อสู้คดีทั้งหมดในเรื่องชดใช้หนี้หรือชดเชยความเสียหายจะเป็นคดีแพ่ง ที่ต่อสู้กันในศาลแพ่งฯ

2.              หากมีการปัดความรับผิดชอบจนกลายเป็นคดีลักทรัพย์/ยักยอกทรัพย์ จะกลายเป็นคดีอาญาที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีการแจ้งความดำเนินคดีโดยตำรวจแล้วอัยการสั่งฟ้องหรือบริษัทส่งฟ้องศาลอาญา

3.              เรื่องในครอบครัวจะอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งฯ

4.              การไล่เบี้ยของนายประกันหากลูกหนี้บิดพลิ้ว ต้องฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำพิพากษาและบังคับคดีกันโดยเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี

สรุปแนวทางแก้ไข

ใช้หลักนายประกันในทางแพ่ง หลักทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาเป็นสินสมรสต้องรับผิดและชอบร่วมกัน  และเรื่องความผิดต่อทรัพย์ในทางอาญา ซึ่งกรณีนี้นายประกันตกอยู่ในฐานะผู้รับภาระชำระหนี้รถ หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระหนี้ได้ ส่วนคดีอาญาตำรวจต้องรับแจ้งความเพราะไม่จำเป็นต้องเห็นตัวผู้กระทำผิด ซึ่งภรรยาของผู้ที่เอารถไปต้องรับภาระชดใช้หนี้ต่อไปหากรถหาย แต่เจ้าหนี้อาจฟ้องนายประกันก่อน แล้วนายประกันไปไล่เบี้ยจากลูกหนี้ต่อได้

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
มาตรการสำหรับการแก้ปัญหาความอดอยากหิวโหยที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาตินั้นสามารถดำเนินการได้ใน 3 ช่วงเวลา ก็คือ การเตรียมตัวก่อนภัยพิบัติจะเกิด การบรรเทาและแก้ไขปัญหาในขณะเกิดภัยพิบัติ การเยียวยาและฟื้นฟูหลังภัยพิบัติผ่านไปแล้ว   ในบทความนี้จะนำเสนอมาตรการและกรณีศึกษาที่ใช้ในการขจัดความหิว
ทศพล ทรรศนพรรณ
มาตรการทั่วไปที่ใช้ในการประกันความอิ่มท้องของประชากรในประเทศตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติที่รัฐบาลไทยประกาศสมาทานยึดถือนั้น ตั้งอยู่บนหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเรื่องสิทธิด้านอาหาร นั้นหมายถึงรัฐไทยต้องมีมาตรการเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิประกอบด้วย กรอบทางกฎหมาย   กรอบทางนโย
ทศพล ทรรศนพรรณ
อุดมการณ์ที่เป็นสาเหตุของปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่นั้น มีจุดก่อตัวมาจากระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบเสรีนิยมใหม่ที่เข้ามาพร้อม ๆ กับกระแสแห่งการพัฒนาของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ที่ทำให้เกิดเสรีทางการลงทุนจนนำมาซึ่งรูปแบบการจ้างงานรูปที่มีความยืดหยุ่นต่อการบริหารจัดการของบรรษัท และสามารถตอบโจทย์นักลงทุ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินจำเป็นต้องวางแผนในการดำเนินการด้วยความเข้าใจพื้นฐานที่ว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นได้ หากต้องการผลักดันข้อบัญญัติท้องถิ่นให้สำเร็จจึงต้องสามารถทำความเข้าใจลักษณะของข้อพิพาทที่มักเกิดขึ้นในการจัดการที่ดิน   และมีแนวทางในการข
ทศพล ทรรศนพรรณ
 ลู่ทางส่งเสริมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหามลพิษ มีดังต่อไปนี้
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมักสร้างผลกระทบในระยะยาว ไม่ได้เกิดการบาดเจ็บ เสียหาย ทันทีทันใด   ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการพิสูจน์ว่าความเจ็บป่วย เสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีผลมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง   สิ่งที่เราต้องทำคือการเก็บหลักฐานอย่างต่อเนื่องและชัดเจนเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐาน &n
ทศพล ทรรศนพรรณ
การจัดชุมนุมสาธารณะย่อมเป็นที่สนใจของสังคมตามความประสงค์ของผู้จัด จึงมีสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทำข่าวทั้งที่เป็นสื่อมวลชนอาชีพที่มีสังกัดประจำหรือสื่อพลเมืองที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์และรายงานข่าวตามภูมิทัศน์เทคโนโลยีสื่อสารที่ปรับตัวไป 
ทศพล ทรรศนพรรณ
การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธมีข้อจำกัดที่อาจถูกรัฐเข้าระงับหรือแทรกแซงการใช้สิทธิได้ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 4 ในสภาวะฉุกเฉินสาธารณะที่คุกคามความอยู่รอดของชาติที่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดถึงเหตุที
ทศพล ทรรศนพรรณ
การชุมนุมโดยสงบเป็นเครื่องมือที่ทำให้บุคคลทั้งหลายสามารถแสดงออกร่วมกันและมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง ให้ปัจเจกสามารถแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองร่วมกับผู้อื่น   โดยการเลือกสถานที่การชุมนุมอยู่ภายใต้หลักมองเห็นและได้ยิน (sight and sound) ทั้งนี้ผู้ชุมนุมต้องอยู่ในที่ที่มองเห็นและสาธารณชนต้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
ขบวนการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ในบริบทโครงสร้างทางอำนาจในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน การรวมศูนย์อำนาจหรือการครอบงำทางวัฒนธรรมโดยใช้วัฒนธรรมเดียว สิทธิชุมชนจึงเป็นการต่อสู้เพื่อปรับสัมพันธภาพทางอำนาจ สร้างตำแหน่งแห่งที่ให้ชุมชนให้เกิดความเป็นธรรมและเคารพในความหลากหลาย โดยท้องถิ่นมีเสรีภาพในการกำหนดกติกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
ข้อกล่าวอ้างสำคัญของรัฐบาลไทยในการเพิ่มศักยภาพในด้านข่าวกรองและออกกฎหมายที่ให้อำนาจสอดส่องการสื่อสารของประชาชน คือ “ถ้าประชาชนไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร” โดยมิได้คำนึงหลักการพื้นฐานเบื้องต้นว่า แม้ประชาชนมิได้ทำผิดกฎหมายอันใดก็มีสิทธิความเป็นส่วนตัว ปลอดจากการแทรกแซงการสื่อสาร อันเป็นสิทธิพื้นฐานตามกฎ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การพัฒนารัฐที่ใช้กฎหมายเป็นหลักประกันสิทธิมนุษยชนของประชาชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองในประเด็นสาธารณะของผู้ตื่นตัวทางการเมืองในลักษณะ “นิติรัฐอย่างเป็นทางการ” แตกต่างจากความสัมพันธ์ทางอำนาจแบบ “ไม่เป็นทางการ” ที่รัฐอาจหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจปกครองภายใต้กรอบของกฎหมายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพต