ตั้งแต่มาประกอบวิชาชีพนี้ สิ่งที่เห็น คือ ความเหนื่อยของคนรุ่นใหม่
ต้องขยันตั้งใจเรียน ทำโน่นทำนี่ กระตือรือล้น ทะเยอทะยาน ให้ได้อย่างที่ คนรุ่นก่อนคาดหวัง
พอทำพังก็อยู่ในสภาพใกล้ตาย เพราะถูกเลี้ยงมาแบบ "พลาดไม่ได้"
ก็เข้าใจได้นะครับ เพราะเราอยู่ในประเทศที่โอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่มีไม่มาก จะลงทุนทำธุรกิจ ก็เสี่ยงว่าจะเจ๊ง เพราะเมื่อไหร่มีตัวใหญ่มาเปิด ก็พังทันที
คนทำงานกินเงินเดือน สวัสดิการก็ถูกปรับลดลงเรื่อย ไร้ความมั่นคง
พอมีเงินเก็บอยากจะทำให้งอกเงย เอาไปฝากแบงค์ก็ดอกเบี้ยต่ำ แต่พอจะกู้มาลงทุน ดอกเบี้ยดันสูง (ประเทศไทยส่วนต่างดอกเบี้ยสูงกว่าที่อื่นมาก)
พอจะหาความมั่นคงด้านจิตในในการสร้างครอบครัว ก็อยู่ท่ามกลางความหวั่นไหวไม่มั่นคง
บางคนจึงมุ่งตรงไปที่ "การสร้างความสำเร็จส่วนตัว" เช่น รวยที่สุด คูลที่สุด ดังที่สุด ฯลฯ โดยไม่เลือกวิธีการ
เคยเห็นคนแก่ที่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง แล้วอ้างว้างในบั้นปลายรึเปล่าครับ
มองย้อนกลับไปในอดีต ก็เห็นแต่สิ่งที่ตนไม่อยากให้อภัยตัวเอง
ทุกวันนี้ ผมก็ได้แต่ชี้ทางนะครับ แต่ผมบังคับใครไม่ได้ ท่านเลือกเอง
และนี่ ก็คือ ความแตกต่างของคนเป็น "ครู" กับ อาชีพอื่น คือ ปล่อยผ่านในความผิดพลาดของศิษย์ มิได้
แม้เสี่ยงว่า เข้าไปยุ่งแล้วจะถูกหาว่า "เผือก" หรือโดนด่า ก็ตาม
มันจะเป็น "เรือจ้าง" ก็ตอนนี้ล่ะครับ
ฝากไว้สำหรับใครที่คิดว่า วิชาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นอาชีพในฝัน
ก็คิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ เพราะมันมีอะไรให้ช้ำใจเยอะครับ!
จะเดินทางนี้จิตใจต้องมั่นคง พร้อมรับทุกสถานการณ์นะ!!
ขอให้กำลังใจทุกคนที่มุ่งมั่นมาทาง "ครู/อาจารย์" สู้ต่อไป!!!
ป.ล.สวัสดิการ ค่าตอบแทน และการขยับเลื่อนทั้งหลาย สู้ครูไม่ได้นะครับ เพราะเป็นกลุ่มที่การเมืองไม่ชอบ และมีไม่มากพอเป็นฐานเสียง