Skip to main content

Nick Srnicek ได้สรุปภาพรวมของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แตกต่างกัน 5 ประเภท คือ

1.แพลตฟอร์มโฆษณา, 2.แพลตฟอร์มจัดเก็ยข้อมูล, 3.แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม, 4.แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์, และ 5.แพลตฟอร์มแบบลีน

 

1) แพลตฟอร์มโฆษณา Advertising Platform
ก่อนหน้านี้ในยุคดอทคอม ช่วง 1990s บริษัทต่าง ๆ ในตลาดสหรัฐอเมริกาต่างใช้กลยุทธ์ 'การเติบโตก่อนผลกำไร' ที่ได้สร้างพื้นฐานสำหรับรูปแบบธุรกิจที่เน้นการโฆษณาและดึงดูดผู้ใช้อยู่แล้ว แต่วิกฤติฟองสบู่แตกในปี 20088 บริษัทเหล่านี้หันไปลงทุนในการโฆษณาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งได้กลายเป็นพื้นที่ในการแสวงหารายได้หลัก
แพลตฟอร์มโฆษณาคือความพยายามครั้งแรกในการสร้างแบบจำลองสำหรับยุคดิจิทัล โดยมี Google และ Facebook เป็นแนวหน้าในการทำตลาดโฆษณา
Google ได้รวบรวมข้อมูลผู้ใช้จากการค้นหาและใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงการค้นหา  ซึ่งในหนังสือได้ชี้ให้เห็นว่านี่คือ การใช้ข้อมูลแบบคลาสสิกในระบบทุนนิยม คือ ใช้ข้อมูลและกิจกรรมที่บันทุกไว้จากระบบเพื่อปรับปรุงบริการสำหรับลูกค้าและผู้ใช้ แต่ด้วยความต้องการรายได้เพิ่มขึ้น Google ก็เริ่มนำข้อมูลการค้นหาพร้อมกับคุกกี้และข้อมูลอื่น ๆ ของผู้ใช้เพื่อสร้างพื้นที่โฆษณา และขายข้อมูลเหล่านั้นให้กับผู้โฆษณาผ่านระบบอัตโนมัติ 
วิธีที่ Google และ Facebook สร้างรายได้นั้นเป็นเรื่องง่าย หากมองว่าข้อมูลและกิจกรรมที่ไหลเวียนอยู่ในระบบนั้นนั้นมีฐานะเป็นผู้ใช้เป็นแรงงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างในการผลิตสินค้า  (ข้อมูลและเนื้อหา) ที่บริษัทนำไปขายให้กับผู้โฆษณาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
ภายใต้แนวคิดมาร์กซิสต์ แรงงานมีความหมายถึงผู้ทำกิจกรรมที่สร้างมูลค่าส่วนเกินภายในบริบทของตลาดแรงงานและกระบวนการผลิตที่มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยน  ดังนี้ การจะอภิปรายว่าปฏิสัมพันธ์ทางสังคมออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตทุนนิยมหรือไม่ ไม่ใช่แค่การถกเถียงเชิงวิชาการที่เกี่ยวกับคำจำกัดความเท่านั้น ดังนี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันที่จะทำให้คนหันมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางออนไลน์มากขึ้น ถ้าการโต้ตอบออนไลน์ของผู้คนในยุคปัจจุบันเป็นแรงงานฟรี แรงงานฟรีที่เกิดขึ้นใหม่นี้ก็จะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างรุนแรง 
ปัจจุบันแพลตฟอร์มโฆษณาเหล่านี้เป็นธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด มีรายได้สูง ผลกำไรจำนวนมาก และมีพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสวนทางกับระดับการลงทุนที่ยังคงมีการลงทุนในระดับที่ต่ำในตลาดทั่วโลก เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มักจะลงทุนด้วยเงินสดและหลีกเลี่ยงภาษี 

 

2) แพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล Cloud Platform
เรื่องราวของการเช่าระบบคลาวด์ขององค์กรเริ่มต้นด้วยอีคอมเมิร์ซในปี 1990 ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 บริษัทอีคอมเมิร์ซต่างๆ ลงทุนในการสร้างคลังสินค้าและจ้างคนงานจำนวนมาก 
ในปี 2016 Amazon ได้ลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีในการดำเนินการต่าง ๆ ในกิจการ หุ่นยนต์ขนย้ายคลังสินค้า และระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ กระทั่งมีการใช้โดรนสำหรับส่งของ นอกจากนี้ยังเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย มีพนักงานมากกว่า 230,000 คนและคนงานตามฤดูกาลหลายหมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานด้วยค่าแรงต่ำ และงานที่มีความเครียดสูงในคลังสินค้า เพื่อเติบโตเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Amazon พยายามที่จะเข้าถึงผู้ใช้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ผ่านการซื้อขายข้ามประเทศ
แต่แท้จริงแล้ว ตรรกะเบื้องหลังของแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลนั้นคล้ายกับนั้นคล้ายกับวิธีการทำงานในการจัดหาสาธารณูปโภค Jeff Bezos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Amazon เปรียบเทียบกระบวนการสร้าง AWS กับการจัดการทรัพยากรไฟฟ้า  คือ โรงงานในยุคแรกๆ จะมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นของตัวเอง แต่ในที่สุดการผลิตไฟฟ้าก็ถูกรวมศูนย์และปล่อยให้เช่า 'ตามความจำเป็น' แต่ทุกวันนี้ ทุกด้านของเศรษฐกิจมีการบูรณาการเข้ากับมากขึ้น ดังนั้นการเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั้งหมดจึงเป็นตำแหน่งที่ทรงพลังและให้ผลกำไรมหาศาล

 

3) แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม Industrial Platform
เนื่องจากการเก็บรวบรวม การจัดเก็บ และการวิเคราะห์ข้อมูลมีราคาถูกลงเรื่อย ๆ บริษัทต่างๆ ได้พยายามนำแพลตฟอร์มเข้ามาสู่การผลิตแบบดั้งเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามที่สำคัญที่สุดเหล่านี้อยู่ภายใต้ภาพของ อุตสาหกรรม Internet of Things (IOT Industrial)
แพลตฟอร์มอุตสาหกรรมถูกสร้างขึ้นด้วยความหวังที่จะทำให้เพิ่มกำลังให้แก่กระบวนการผลิต อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนและเวลาทำงาน โดยมีความสำคัญคือมีจุดมุ่งหมายที่จะเชื่อมโยงกระบวนการผลิตให้ใกล้ชิดกับกระบวนการผลิต แทนที่จะอาศัยการสนทนากลุ่มหรือการสำรวจจากแรงงานมนุษย์ ผู้ผลิตต่างหวังที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และออกแบบคุณสมบัติใหม่โดยพิจารณาจากข้อมูลการใช้งานที่ดึงมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้วอย่างเป็นระบบ  ดังนั้น แพลตฟอร์มอุตสาหกรรมนั้นจึงเกี่ยวข้องกับการฝังเซ็นเซอร์และชิปคอมพิวเตอร์ในกระบวนการผลิตและการขนส่งโลจิสติกส์ที่ทั้งหมดเชื่อมโยงกันผ่านการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต กระบวนการนี้กำลังได้รับการประกาศว่าเป็น 'Industry 4.0' ในเยอรมนี   โดยมีแนวคิดคือแต่ละแผนกในกระบวนการผลิตสามารถระหว่างกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากคนงานหรือผู้จัดการ โดยทำการแบ่งปันข้อมูลเฉพาะทางในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง
หนังสือได้นำเสนอว่า แพลตฟอร์มอุตสาหกรรมนี้สามารถช่วยลดต้นทุนแรงงานได้ 25 เปอร์เซ็นต์,  ลดต้นทุนด้านพลังงานลง 20 เปอร์เซ็นต์, ลดต้นทุนการบำรุงรักษาลงร้อยละ 40 และสามารถลดข้อผิดพลาดในสายพานการผลิตและเพิ่มคุณภาพแก่สินค้าได้ 
ความท้าทายสำคัญประการหนึ่งของแพลตฟอร์มอุตสาหกรรมคือการสร้างมาตรฐานสำหรับการสื่อสารขององค์กร ที่จำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเครื่องจักรรุ่นเก่า แพลตฟอร์มอุตสาหกรรมจะทำหน้าที่เป็นเฟรมเวิร์กพื้นฐานสำหรับการเชื่อมโยงระหว่างโรงงานและซัพพลายเออร์, ผู้ผลิตและผู้บริโภค, ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เข้าด้วยกัน

 

4) แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ Product Platform
แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทนำมาใช้ เพื่อฟื้นฟูแนวโน้มที่จะไม่มีต้นทุนส่วนเกินในสินค้าบางประเภท โดยในหนังสือได้ยกตัวอย่างผ่านอุตสาหกรรมดนตรี ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ที่การดาวน์โหลดเพลงฟรีแบบละเมิดลิขสิทธิ์ทำให้รายได้ของค่ายเพลงลดลงอย่างมาก  เนื่องจากผู้บริโภคหยุดซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงจากอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมดนตรีได้รับการฟื้นฟูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยแพลตฟอร์ม Spotify, Pandora ที่ใช้วิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ฟัง ค่ายเพลง และผู้โฆษณา  นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่างการจัดการการดูแลเครื่องยนต์ไอพ่นจากบริษัท Rolls Royce ที่ใช้วิธีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอพ่นแก่สายการบินต่าง ๆ โดยมีการเชื่อมต่อข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ในระบบเพื่อคอยตรวจสอบและดูแลมาตรฐานของผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ 

 

5) แพลตฟอร์มแบบลีน Lean Platform
แพลตฟอร์มแบบลีนนี้เป็นการย้อนกลับไปยังระยะแรกสุดของยุคอินเทอร์เน็ต ในขณะที่แพลตฟอร์มแบบอื่น ๆ นี้มีรูปแบบธุรกิจที่มุ่งสร้างผลกำไรในทางใดทางหนึ่ง แต่แพลตฟอร์มแบบลีนกลับใช้แนวคิด 'การเติบโตก่อนทำกำไร' เช่นเดียวกับกระแสในปี 1990 
บริษัทต่างๆ เช่น Uber และ Airbnb ได้กลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็วและได้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของรูปแบบธุรกิจแบบลีน มีคำพูดที่กล่าวว่า 'Uber เป็นบริษัทแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่มียานพาหนะ และ Airbnb คือผู้ให้บริการที่พักรายใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่มีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครอง'  ในแง่นี้ หน้าที่หลักของแพลคฟอร์มแบบลีนนี้คือควบคุมแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ได้รับค่าเช่าผูกขาด โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเข้าครอบครองต้นทุนอื่น ๆ
ในแง่ของตลาดแรงงาน แพลตฟอร์มแบบลีนได้เปลี่ยนบริการที่ครั้งหนึ่งเคยซื้อขายไม่ได้ให้กลายเป็นบริการที่ซื้อขายได้ ส่งผลให้อุปทานแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้งานใหม่ๆ มากมายสามารถทำได้ทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนได้อีกครั้งด้วยการใช้ประโยชน์จากแรงงานราคาถูกในประเทศกำลังพัฒนา และสร้างแรงกดดันต่อค่าแรงที่ลดลงด้วยการวางงานเหล่านี้ในตลาดแรงงานทั่วโลก
เมื่อพิจารณาจากต้นทุนค่าแรงที่ลดลงจากวิธีการดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่มาร์กซ์เขียนว่า 'ค่าจ้างรายชิ้น เป็นรูปแบบของค่าจ้างที่สอดคล้องกับวิธีการผลิตแบบทุนนิยมมากที่สุด'  การจ้างแรงงานภายนอกแสดงให้เห็นภถึงแนวโน้มการเอาท์ซอร์สที่กว้างขึ้นและยาวนานขึ้น  ในอเมริกา แพลตฟอร์มเหล่านี้อธิบายว่าคนงานของพวกเขาเป็น 'ผู้รับเหมาอิสระ' มากกว่า 'พนักงาน' ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดค่าแรงได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์  จากการลดต้นทุนค่าสวัสดิการ ค่าล่วงเวลา วันลาป่วย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังหมายถึงการจ้างจ้างภายนอกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เนื่องจากการฝึกอบรมอนุญาตเฉพาะสำหรับพนักงานเท่านั้น
ตลาดแรงงานแบบดั้งเดิมที่ใกล้เคียงที่สุดกับแพลตฟอร์มแบบลีนคือ ตลาดแรงงานรายวัน เช่น คนงานเกษตร, คนงานท่าเรือ หรือคนงานค่าแรงต่ำอื่น ๆ ซึ่งจะมาปรากฏตัวที่ไซต์งานในตอนเช้าด้วยความหวังว่าจะหางานทำในวันนั้น 

 

อ้างอิง
Nick Srnicek, Platform Capitalism (Cambridge: Polity, 2017).
Shoshana Zuboff, “Google as a Fortune Teller: The Secrets of Surveillance Capitalism,” Faznet (Frankfurter Allgemeine Zeitung, March 5, 2016), http://www.faz.net/aktuell/feuilleton/debatten/the-digital-debate/shoshana-zuboff-secrets-of-surveillance-capitalism-14103616.html.
Hal R Varian, “Online Ad Auctions,” American Economic Review 99, no. 2 (January 2009): 430-434. in Nick Srnicek, Platform Capitalism (Cambridge: Polity, 2017).
McKenzie Wark, A Hacker Manifesto (Cambridge, MA: Harvard University Press, 2004).


*ปรับปรุงจากบททบทวนวรรณกรรม โดย ภาณุพงศ์ จือเหลียง ใน วิจัย โครงการสังเคราะห์องค์ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนการแบ่งปันผลประโยชน์จากข้อมูลดิจิทัลอย่างเป็นธรรม, 2565. โดย สถาบันพระปกเกล้า.

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
คำถามที่สำคัญในเศรษฐกิจการเมืองยุคดิจิทัล ก็คือ บทบาทหน้าที่ของภาครัฐรัฐท่ามกลางการเติบโตของตลาดดิจิทัลที่ภาคเอกชนเป็นผู้ผลักดันและก่อร่างสร้างระบบมาตั้งแต่ต้น  ซึ่งสร้างผลกระทบต่อชีวิตผู้คนในรัฐให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง   อย่างไรก็ดีความเจริญก้าวหน้าของตลาดย่อมเกิดบนพื้น
ทศพล ทรรศนพรรณ
แนวทางในการส่งเสริมสิทธิคนทำงานในยุคดิจิทัลประกอบไปด้วย 2 แนวทางหลัก คือ1. การระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายในความสัมพันธ์ระหว่าง แพลตฟอร์ม กับ คนทำงาน2. การพัฒนารัฐให้รองรับสิทธิคนทำงานอย่างถ้วนหน้า
ทศพล ทรรศนพรรณ
เนื่องจากการทำงานของคนในแพลตฟอร์มดิจิทัลในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำให้ปริมาณคนที่เข้ามาทำงานมีไม่มากนัก และเป็นช่วงทำการตลาดของเหล่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการดึงคนเข้ามาร่วมงานกับแพลตฟอร์มตนยังผลให้สิทธิประโยชน์เกิดขึ้นมากมายเป็นที่พึงพอใจของผู้เข้าร่วมทำงานกับแพลตฟ
ทศพล ทรรศนพรรณ
รัฐชาติในโลกปัจจุบันไม่เปิดโอกาสให้บุคคลเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ที่อยู่ แหล่งทำมาหากินได้อย่างอิสระ เสรีมาตั้งแต่การสถาปนารัฐสมัยใหม่ขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก   เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง ไทย พม่า ลาว หรือกัมพูชา   ก็ล้วนเกิดพรมแดนระหว่างรัฐในลักษณะที
ทศพล ทรรศนพรรณ
นับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ “สีเสื้อ”   สื่อกลายเป็นประเด็นสำคัญที่เป็นตัวสะท้อนภาพของคนและสังคมเพื่อขับเน้นประเด็นเคลื่อนไหวทางสังคมให้ปรากฏเป็นขบวนการทางการเมืองที่มีผู้คนเข้าร่วมอย่างมากมายมหาศาล และมีกิจกรรมทางการเมืองหลากหลายรูปแบบ   ดังนั้นอำนาจในการสื่อสารและการมีส่วนร่วมใ
ทศพล ทรรศนพรรณ
สังคมไทยเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง แตกแยก และปะทะกันอย่างรุนแรงทั้งในด้านความคิด และกำลังประหัตประหารกัน ระหว่างการปะทะกันนั้นระบบรัฐ ระบบยุติธรรม ระบบคุณค่าเกียรติยศ และวัฒนธรรมถูกท้าทายอย่างหนัก จนสูญเสียอำนาจในการบริหารจัดการรัฐ   ในวันนี้ความตึงเครียดจากการเผชิญหน้าอาจเบาบางลง พร้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เศรษฐกิจและการเมืองยุคดิจิทัล ใช้ข้อมูลของประชาชนและผู้บริโภคเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจตลาดการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีเจ้าของข้อมูลทั้งหลายได้รับประกันสิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้ตามอำเภอใจไม่ได้ เว้นแต่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กฎหมายยอมรับ หรือได้รับความยินยอมจากเจ
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากรัฐไทยต้องการสร้างกรอบทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติจริยธรรมวิจัยในมนุษย์ มาบังคับกับการวิจัยในพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจำต้องมีมาตรการประกันสิทธิเจ้าของข้อมูลพันธุกรรมให้สอดคล้องกับมาตร
ทศพล ทรรศนพรรณ
กองทัพเป็นรากเหง้าที่สำคัญของความขัดแย้งเนื่องจากทหารเข้ามามีบทบาทแทรกแซงทางการเมืองมานาน โดยการข่มขู่ว่าจะใช้กำลัง การใช้อิทธิพลกดดันนโยบายของรัฐบาล กดดันเพื่อเปลี่ยนรัฐมนตรี และการยึดอำนาจโดยปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งทหารมักอ้างว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ระบบการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควรมีการฉ้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
 ปัญหาทางเศรษฐกิจที่มีขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเรียกร้องมาตลอด คือ การผูกขาด ซึ่งมีรากเหง้ามาจากการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจของกลุ่มผลประโยชน์ที่ทรงอำนาจ แล้วนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ขบวนการความเป็นธรรมทางสังคมเสนอให้แก้ไข   บทความนี้จะพยายามแสดงให
ทศพล ทรรศนพรรณ
การแสดงออกไม่ว่าจะในสื่อเก่าหรือสื่อใหม่ย่อมมีขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของผู้อื่น ดังนั้นรัฐจึงได้ขีดเส้นไว้ไม่ให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพจนไปถึงขั้นละเมิดสิทธิของผู้อื่นเอาไว้ในกรอบกฎหมายหลายฉบับ บทความนี้จะพาชาวเน็ตไปสำรวจเส้นพรมแดนที่มิอาจล่วงล้ำให้เห็นพอสังเขป
ทศพล ทรรศนพรรณ
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่อดอยากหิวโหยที่นั้นดำเนินการได้โดยตรงด้วยมาตรการความช่วยเหลือด้านอาหารโดยตรง (Food Aid) ซึ่งมีทั้งมาตรการระหว่างประเทศ และมาตรการภายใน   ในบทความนี้จะนำเสนอมาตรการและกรณีศึกษาที่ใช้ในการช่วยเหลือด้านอาหารในสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านั้น แต่ความแตกต่างจากการสงเ