Skip to main content


ฮะฮ้า ทักษิณ ชินวัตร

เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา

เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา

เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา

เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา

แห่งการเสพ...

อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ

อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ

อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ

อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ


เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง

เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง

เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง

เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง เงินทอง


ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์

ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์

ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์

ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์

ของท่าน

ได้จบสิ้นลงแล้ว...

คราวนี้ก็ถึงคิวทองของพวกข้าบ้างล่ะ


โอ้

อำนาจ

เงินทอง

ยศถาบรรดาศักดิ์

สุดยอดของความหอมหวาน

ที่มนุษย์ปุถุชนทุกคนในโลกนี้ปรารถนาอันมหึมาในอุ้งมือของข้า


อา!

หลังจากจัดสรรแบ่งปัน

สุดยอดของความหอมหวาน

ที่มนุษย์ปุถุชนทุกคนในโลกนี้ปรารถนาให้แก่สมัครพรรคพวก

ตามวัฒนธรรมการแบ่งเค้กกัน

ตามหลักการแบ่งแบบสากลนิยมเรียบร้อยแล้ว

ข้าควรจะให้อะไรแก่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ที่เป็นคนยากคนจน

และเป็นคนชั้นล่างสุดของประเทศดีหนอ..


โอ

ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนี่

ให้อย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยให้มากกว่าสักเล็กน้อย

พวกเขาก็คงจะขี้คร้านดีใจกันจนเนื้อเต้น

เลิกใส่เสื้อสีแดง

เลิกถือตีนตบมาคอยรังควาน

และไม่เดือดร้อนโวยวายอะไรกันอีก...

เพราะคนยากคนจนของประเทศนี้

พวกเขาถูกอบรมสั่งสอน

ให้พอใจในการกินแกลบ กินผักและหญ้า มาจนชาชิน

และมีความสุขเพียงพอเป็นอย่างยิ่งแล้ว

กับการกินแกลบ กินผักและหญ้า

จนไม่สามารถจะกินอะไรที่ดีหรือเลวมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร


ปัญหา

ปัญหา ปัญหา ปัญหา ปัญหา ปัญหา ที่แท้จริง

ที่จะทำให้ข้าอยู่ได้ไม่นานไม่ได้อยู่ที่ภายนอก

แต่อยู่ภายในที่ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกข้า

ตั้งแต่การแบ่งเค้กที่ต้องให้จำนวนปริมาณไปตามสัญญาแลกเปลี่ยน

แด่...

คนที่ทรยศหักหลัง ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นพวกของข้า

และยากแสนยากเหลือเกินที่จะควบคุมเสือร้ายพวกนี้

ซึ่งพร้อมที่จะขบกัดเจ้านายอยู่ตลอดเวลา

ให้อยู่กับร่องกับรอยได้


โอ

ที่สำคัญที่สุด

ที่น่ากลัวที่สุด

ที่จักเป็นเหตุให้ข้าหมดโอกาสขาดเวลา

ทำความดีให้แก่ประเทศชาติ

ก็คือ...

พวกหน้ามืดตามัว

พวกตะกละตะกลามที่รีบร้อน

คิด คิด คิด คิด คิด คิด คิด คิดคิด

คิด...แต่จะถอนทุนและเอากำไรให้สะใจ

ให้เหลือกิน เหลือใช้ กันทั้งโคตรเหง้าตระกูล

ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลายและจักรวาลแตกดับ


โอ้

ข้าควรจะทำอย่างไรกับคนพวกนี้

เพื่อที่จะได้ทำความดีให้แก่ประเทศชาติ ตราบนานเท่านาน

เพราะมีคนที่เขารู้ตะโกนส่งสัญญาณเตือนมาแล้วว่า

รีบร้อนถอนทุนอวสานเร็ว ”


โอ

นี่ ถึงคราวที่ชายหนุ่มรูปหล่อ ผมดกดำ หน้าตาสดใส

ที่ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ อำนาจ

และ เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน

เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่ เท่าไหร่

ก็ไม่สามารถชื้อความหนุ่มและความหล่อ ราวกับเทพบุตรกรีก อย่างเขาได้

จักต้องกลายเป็นชายแก่ผมหงอก

หน้าตามีแต่ความเคร่งเครียด

และริ้วรอยความทุกข์กังวล - ก่อนวัยอันควร

เพราะทุกขลาภที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

เพราะความรีบร้อนอยากเป็นฝายจัดตั้งรัฐบาลจากผู้จัดการพรรคของเขา

แล้วหรืออย่างไรหนอ...


เสียดาย

ข้าเสียดาย

ความหนุ่มและความหล่อของเขา

ที่จะต้องสึกหรอลงในคราวนี้เหลือเกิน

อภิสิทธิ์


หมายเหตุ : วาทกรรม “รีบร้อนถอนทุนอวสานเร็ว” จากบทความหน้า 3 ของทีมการเมืองหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21 ธันวาคม 2551 ชื่อ “จุดตายรัฐบาลอภิสิทธิ์ ส่วนผสมรัฐบาล 6 พรรค 1 กลุ่ม รีบร้อนถอนทุนอวสานเร็ว”

 

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย เหตุใดเล่า เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน วันแล้ววันเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545 วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  7   ครับ รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา... ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539 วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3. เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 1.  จินตวีร์ เกียงมี หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3 กันยายน 2552 ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเอยฉันทลักษณ์ ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม