Skip to main content

 

ครั้งหนึ่ง

ชายคนหนึ่ง ขุดรูปสลักหินอ่อนที่สวยงามอย่างยิ่ง ได้จากท้องทุ่ง เขาจึงนำมันไปหานักสะสมของเก่า ซึ่งรักของสวยๆงามๆ และเสนอขายให้แก่เขา นักสะสมก็ซื้อไปในราคาสูง แล้วคนทั้งสองก็จากกัน

ในขณะที่ชายผู้นั้นเดินถือเงินกลับบ้าน เขาก็คิดและกล่าวกับตัวเองว่า

เงินก้อนนี้มีความหมายต่อชีวิตมากมายเหลือเกิน เป็นไปได้อย่างไร ที่ยังมีคนยอมเสียเงินมากมายถึงเพียงนี้ เพื่อแลกกับหินสลักที่ไร้ชีวิต ที่ถูกฝังอยู่ในดินมาตั้งพันปีแล้ว โดยไม่มีใครนึกฝันเช่นนี้”

 

ขณะนั้น

นักสะสมก็มองดูรูปหินสลักของเขา และคิดรำพึงกับตัวเองว่า

ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ช่างมีชีวิตชีวาอะไรอย่างนี้ เป็นความฝันของดวงวิญญาณทีเดียวนะนี่ สดใสไปด้วยการนอนหลับอันแสนหวาน..มานานนับพันปี ใครกันนะ ที่ยอมแลกสิ่งนี้กับเงินที่ไร้ชีวิตและความฝันได้”

 

 

ครับ

งานเขียนสั้นๆแบบสาธกนิยายเกี่ยวกับเรื่องคุณค่านี้ เป็นงานเขียนที่ผมหยิบยกมาจากหนังสือ “ผู้เบิกทาง” ของคาลิล ยิบราน จากสำนวนแปลของกิติมา อมรทัต เป็นงานเล็กๆชิ้นหนึ่ง ที่ผมชอบมากพอๆกับงานอีกมากมายหลายชิ้นในรวมเล่มนี้ของยิบราน เพราะเขาสามารถสาธกเรื่องที่ยุ่งยากเกี่ยวกับการมองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆของมนุษย์ - ให้เราเข้าใจได้โดยง่าย และทำให้เรารู้สึกว่า การมองเห็นคุณค่าของบางสิ่งบางอย่างที่ต่างกันของคนเรา และการตัดสินที่จะเลือก - เอาสิ่งที่แต่ละคนมองเห็นคุณค่าให้แก่ตัวเองนั้น แท้จริงแล้ว - หาได้มีใครเป็นคนผิดไม่ เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลที่ถูกต้องและเหมาะสมแก่ตัวเอง - ในการมองเห็นและเลือกด้วยกันทั้งนั้น

 

เช่น ชายที่มองเห็นเงินมีคุณค่าความหมายมากกว่ารูปสลักหินอ่อน ที่เขามองเห็นมันเป็นเพียงแค่ก้อนหินที่ไร้ชีวิต และไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา นั่นเป็นเพราะว่า เขาอาจจะเป็นคนจนหาเช้ากินค่ำ และมีชีวิตอยู่อย่างอดๆอยากๆมาตลอดชีวิต ดังนั้น เงินย่อมมีคุณค่าความหมายแก่ชีวิตของเขา มากกว่ารูปปั้นหินอ่อนที่สวยงามอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าเขาเก็บไว้ไม่ยอมเอาไปขาย มันก็ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์ใดๆที่จะทำให้ชีวิตที่อดๆอยากๆของเขาดีขึ้น เพราะงานศิลปะนั้น (รวมทั้งอุดมการณ์ทั้งหลายแหล่ในโลกนี้ด้วย...) ไม่ว่าจะงดงามยอดเยี่ยมและเพียบพร้อมด้วยพุทธิปัญญาอันสูงส่งขนาดไหน ก็ไม่อาจทำให้ท้องของคนจนที่กำลังโหยหิวอิ่มได้...

 

ในขณะที่นักสะสมของเก่า ซึ่งคงจะเป็นคนที่มีเงินทอง และมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่มีปัญหาเรื่องปากท้อง หรือปัญหาพื้นฐานใดๆของชีวิตที่ต้องเป็นทุกข์กังวล กลับมองเห็นว่า เงินเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าความหมายเลย เมื่อเทียบกับรูปสลักหินอ่อนอันงดงามนั้น และเขาคงไม่มีวันที่จะเอารูปปั้นหินอ่อนที่เขาซื้อมาด้วยราคาแพงไปขายต่อ เพราะเขามองดูเงิน - ที่มีคุณค่าความหมายมากมายต่อชีวิต ตามทัศนะของชายที่อดอยากยากจน เป็นเพียงแค่...สิ่งที่ไร้ชีวิตและความฝัน เช่นเดียวกับชายที่อดอยากยากจนมองดูรูปสลักหินอ่อน เป็นสิ่งปราศจากชีวิตที่ไร้คุณค่า..สำหรับตัวเขา ตรงกันข้ามกันเหมือนขาวกับดำ...

 

 

ทำไม

คนชั้นรากหญ้า

จึงเลือกรักและชื่นชมบูชาคุณทักษิณ ชินวัตร ราวกับเทพเจ้า

เช่นเดียวกัน

ทำไม

คนชั้นกลางและคนชั้นสูง

จึงเลือกรักและชื่นชมบูชาคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต่างไปจากคุณทักษิณ ชินวัตร

ผมคิดว่าสาธกนิยายสั้นๆของยิบรานเรื่องนี้

ได้ให้คำตอบแก่เราไปขบคิดกันได้เป็นอย่างดี

ถ้าหากเราพอจะรู้จัก - การลดละอัตตา มานะ และทิฎฐิของตัวเอง

หันไปมองดูคนอื่นที่ต่างจากตัวเรา...จากมุมมองของเขา

บางทีคุณอาจจะพบว่า

ไม่มีใครผิดในการที่เขาจะเลือกรักและชื่นชมบูชา ทักษิณ ชินวัตร

ไม่มีใครผิดในการที่เขาจะเลือกรักและชื่นชมบูชา สนธิ ลิ้มทองกุล

เพราะการเลือกของเขาแต่ละพวกแต่ละคน

คงย่อมต่างมองเห็นคุณค่าและประโยชน์ที่เขาจะได้รับ

จากคนที่เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้วอย่างแน่นอน...

เช่นเดียวกับคนที่ไม่เลือกใครเลย

เขาก็ย่อมต้องมองเห็นคุณค่าและประโยชน์

ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง...จากการไม่เลือกรักและชื่นชมบูชาใคร

ไม่ว่าจะเป็นพวกสีแดงของคุณทักษิณ ชินวัตร

ไม่ว่าจะเป็นพวกสีเหลืองของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

หรือสีอะไรของใครก็แล้วแต่

ที่กำลังขับเคี่ยวกันในทางการเมืองอย่างเอาเป็นเอาตาย - ในบ้านเมืองของเรา

ใช่ บ้านเมืองของเรา

แต่มิใช่ของเราแต่เพียงผู้เดียวที่จะต้องไปรับผิดชอบ

หรือผูกขาดความรักชาติแบบเชยๆและน่าเบื่อ...เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว อย่างแน่นอน

สวัสดี - สวัสดี ฤดูหนาวที่น่ารัก.

 

22 พฤศจิกายน 2552

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

ภาพถ่ายโดยปลายมนัส

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีกนั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อคนสองคนหรือผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้เกิดความขัดแย้งกัน  ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็แล้วแต่ แล้วต่อมา ความขัดแย้งนี้ได้ลุกลามถึงขั้น โกรธ เกลียด และแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วต่างฝ่ายต่างก็ตั้งหน้าตั้งตา ดุด่า ใส่ร้ายป้ายสี ทะเลาะวิวาทกัน  เพื่อเอาชนะคะคานกัน เพื่อทำลายกันให้พินาศไปข้างหนึ่งเมื่อปรากฏการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้เกิดขึ้น แทนการยุยงส่งเสริม หรือเข้าไปร่วมถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างที่พวกเรามักจะเป็นกันเพราะมีอคติ รักหรือว่าชอบ-คนนั้นพวกนั้น  ผิด ถูก ชั่ว ดี อย่างไร ก็ขอเข้าข้างกันเอาไว้ก่อนแต่เรื่องนี้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภาพจาก http://gotoknow.org/file/i_am_mana/DSC04644.1.jpg คุณที่รักผมลงมือเขียนต้นฉบับนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งนับจากวันนี้ไปอีก 3-4 วันก็จะถึงวันเลือกตั้ง แต่จนป่านนี้ ผมซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศที่มีสิทธิไปลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ในเขต 2 อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าควรจะใช้สิทธิอันชอบธรรมนี้ไปเลือกใครหรือพรรคใด หรือว่า...ควรจะโนโหวต คือไม่เลือกใครเลยเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนที่หน่อมแน้มในเรื่องการเมืองจริง ๆ  จึงไม่สามารถวิเคราะห์และตัดสินด้วยตัวเองได้อย่างเชื่อมั่น ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเป็นคนที่วิตกกังวลกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมวิตกว่าตัวผมผอมไป วิตกว่าผมจะร่วงจนหมดศีรษะ กลัวไปว่าแต่งงานแล้วจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ไม่พอ กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ ไม่ได้ และเพราะเหตุที่ตัวผมเองมีชีวิตไม่ค่อยเป็นสุขนัก ผมจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพพจน์ของตัวเองที่ปรากฏต่อคนอื่นเพราะความวิตกกังวล ทำให้ผมเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ผมทำงานไม่ไหวอีกต่อไปต้องหยุดงานอยู่กับบ้าน ผมวิตกกังวลมากเกินไปจนเลยขีดขั้นจำกัด คล้ายกับหม้อน้ำเดือดที่ปราศจากวาล์วปิดกั้น จนทำให้ผมต้องเป็นโรคประสาทอย่างหนัก ผมไม่สามารถพูดกับใครได้เลย แม้แต่กับคนในครอบครัวของผมเอง ผมควบคุมความคิดของตัวเองไม่อยู่ และรู้สึกหวาดกลัวไปหมด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
โอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปไกลลิบลับไม่กลับมาจากไปแล้วหนา...วนิดา คนดีคนดีของคนยากของแผ่นดินยุคทมิฬ รัฐ บรรษัท ทำบัดสีถืออำนาจอยุติธรรมคอยย่ำยีขยำขยี้คนจนปล้นทรัพยากรสารพัดในนามของความผิดที่เขาคิดมากล่าวหามาถอดถอนเพื่อขับไล่ไสส่งจากดงดอนจากสิงขร จากน้ำฟ้า ป่าบรรพชนด้วยกฎหมายที่เขาตราขึ้นมาเองใช้เป็นเหตุยำเยงทุกแห่งหนที่มาดหมายครอบครองเป็นของตนขับไล่คนเหมือนหมูหมาเหมือนกาไก่เธอจึงเกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้อยุติธรรมแด่ผู้ที่ยากไร้ทั้งชีวิตอุทิศทั้งกายใจควรกราบไหว้ควรเชิดชู ควรบูชาโอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปแล้วคุณคนดี วนิดาต่อแต่นี้น้ำตา...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
- สวัสดีครับ- สวัสดีค่ะ- ต้องการพูดกับใครไม่ทราบครับ- ดิฉันต้องการพูดกับ คุณแดนทิวา คนที่เป็นนักเขียนบทกวีค่ะ- ผมกำลังพูดกับคุณอยู่พอดีครับ- โอ๋ ดีจังเลย- เอ...ผมรู้สึกว่า ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงนี้ทางโทรศัพท์มาก่อนเลยนะ - ถูกต้องค่ะ- ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณกับผมเคยเป็นคนรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่านะ- คุณไม่รู้จักดิฉันหรอกคะ แต่ดิฉันบังเอิญรู้จักคุณจากหนังสือรวมบทกวีเล่มหนึ่งของคุณ ที่ดิฉันได้มาจากร้านขายหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคุณค่ะ- (หัวเราะ) แค่นี้เองหรือครับที่คุณรู้จักผม- ค่ะ แค่นี้เองค่ะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่ผ่านโลกและชีวิตมาอย่างโชกโชนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เป็นคนที่เข้าใจมนุษย์ พวกเขามักจะมีคำตอบที่เกี่ยวกับชีวิตอย่างง่าย ๆ สั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง ชนิดที่เราฟังแล้ว...บางทีถึงกับสะอึก และต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต เพราะมันเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจวันหนึ่งนานมาแล้วผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเข้าเมือง ไปส่งคุณแพรจารุ พูดคุยเรื่องงานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะคุณแพรและอาจารย์เลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ผมก็นั่งดูหนังจาก ยูบีซี ที่ท่านอาจารย์เปิดค้างไว้  รู้สึกว่าจะเป็นหนังจากยุโรป เรื่องอะไร…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากที่ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาได้จากไป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2544 ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีเต็ม ๆ ผมคิดว่านอกจากบทเพลงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวามากมายหลายชุด ที่เขาทิ้งไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ทำให้เราคิดถึงถึงเขา ยามได้ยินบทเพลงของเขา ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ยังมีสถานที่และผู้คนที่เคยเกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของเขา บางสถานที่บางบุคคล ที่ทำให้เราคิดถึงเขา ยามได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้น และได้พบใครบางคนดังกล่าว เช่นร้านอาหาร สายหมอกกับดอกไม้ที่ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่ 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีใครต่อใครมากมายหลายคนบอกผมเป็นเสียงเดียวกันว่า…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทำไมนะคนเราจึงมักมองเห็นแต่ความผิดพลาดของคนอื่นและชอบกล่าวคำประณามตัดสินลงโทษเขาราวกับว่าตัวเองไม่เคยทำความผิดบาปใด ๆครั้งหนึ่งเมื่อองค์พระคริสต์ทรงเสด็จประทับสอนฝูงชนอยู่ ณ มหาวิหารของกษัตริย์ซาโลมอนราชโอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ที่มีความชอบเฉพาะพระเจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริซายซึ่งต่อต้านคำสอนของพระองค์ด้วยความเชื่อที่ต่างกันว่า-พระเจ้าของเขาคือการแก้เเค้นตามคำสอนดั้งเดิมของโมเสสณ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมีความเชื่อว่าคนที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนาบ้านเรา ถ้าหากไม่หลงไปปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ท่านคงจะรู้กันดีทุกคนนะครับ ว่าเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติเพื่อลดละและปล่อยวาง  ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นตัวของเรา – เป็นของของเรา ซึ่งทางพุทธบ้านเราถือว่าเป็นต้นตอรากเหง้าของความทุกข์ทางใจทั้งหลายทั้งปวงส่วนจะเป็นทุกข์มากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับใจของเรา ที่เข้าไปยึดเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวกำหนด พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเข้าไปยึดถือมากก็ย่อมเป็นทุกข์มาก ถ้าเข้าไปยึดถือน้อยก็เป็นทุกข์น้อยนั่นเองครับนี่เป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมที่เข้าใจได้ยาก…