Skip to main content

ผมเกาะติดสถานการณ์
ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้มาแบบวันต่อวัน ตั้งแต่นปช.คนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพมาเผชิญหน้ากับรัฐบาลเมื่อกลางเดือนมีนา และเป็นเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งในหน้าบล็อกกาซีนของเว็บประชาไท ที่คอยประสานเสียงกับผู้คนอีกมากมายหลายฝ่ายในสังคม ที่พยายามตะโกนบอกทั้งฝ่ายคนเสื้อแดงและรัฐบาลให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ที่จะทำให้ผู้คนล้มลงตายและบาดเจ็บ เพราะเชื่อกันว่า ยังมีทางเลือกที่สามารถตกลงกันได้ โดยไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน... จนกระทั่งเว็บถูกฝ่ายควบคุมสื่อมวลชนของรัฐเข้ามาบล็อกเว็บ ต้องเข้ามาเขียนกันในเฟชบุ๊ค ทำให้หลายๆคนที่เคยเขียนประจำในบล็อกกาซีนหายไป เพราะการเข้าเฟชบุ๊คนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากทางเทคนิคกันมิใช่น้อย...

แต่...ก็ไม่มีความหมายอะไร
ในที่สุดความรุนแรงก็เกิดขึ้นจนถึงที่สุดของความรุนแรง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 53 โดยรัฐบาลเป็นฝ่ายชนะ ด้วยการใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินนำทหารเข้าไปกระชับล้อมปราบ มีคนล้มลงตายตั้งแต่วันที่เริ่มปะทะกันจนถึงวัน 19 พฤษภาคม เกือบ 100 กว่าคน และบาดเจ็บเกือบ 2,000 ราย จนบางครั้ง...เราแทบไม่เชื่อว่า มันเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆในสังคมไทย...

ต่อมาภายหลัง มีผู้วิเคราะห์ให้ผมเข้าใจ ว่าทำไม...เมื่อถึงที่สุดแล้ว กระแสเสียงที่เสนอแนวทางสันติวิธีจากสังคมมากมายหลายฝ่าย จึงไม่ได้รับการแยแสสนใจทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและคนเสื้อแดง เขาบอกว่านั่นเป็นเพราะว่า ธาตุแท้ ของความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้ เป็นความขัดแย้งที่ต้องการเอาชนะคะคานกัน แบบทำลายกันให้พินาศจนสิ้นซากกันไปข้างหนึ่ง ไม่ใช่ความขัดแย้งที่ต้องการการประนีประนอมกัน พูดง่ายๆว่า มันมีเหตุปัจจัยความขัดแย้งมากมายหลายอย่าง ที่ต่างฝ่ายต่างถือกันว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ยอมกันไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะแลกกันด้วยชีวิต นั่นเอง

 แถมยังอธิบาย ให้ผมฟังเป็นทฤษฎีอีกว่า ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ตั้งแต่ระดับปัจเจกชนกับปัจเจกชน หรือระหว่างปัจเจกชนกับสังคม (เช่นยายไฮกับระบบราชการอันเลวร้ายของรัฐ) ไปจนถึงระดับสังคมกับสังคม มีลักษณะความขัดแย้งกันอยู่สองประการ นั้นคือความขัดแย้งที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการประนีประนอมกัน และความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการประนีประนอมกัน...

ซึ่งเราจะต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้...ว่าธาตุแท้ของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นความขัดแย้งในลักษณะไหน ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในเรื่องใดๆ เพื่อที่เราจะได้กำหนดท่าที...ที่จะไปเกี่ยวข้องด้วย..อย่างถูกต้องและเหมาะสม หรือไม่จำเป็นต้องเข้าไปวุ่นวายด้วย  และเกิดความตกใจมากเกินไป เวลาเห็นคนทะเลาะกัน แล้วลงมือประหัตประหารกัน...เหมือนผักเหมือนปลา เหมือนอย่างที่เราเห็นและตกใจกัน - - ในเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและน่าเศร้าที่สุดของการเมืองในคืนวันอันโหดร้ายที่ผ่านมา...

คงจะเป็นความจริงอย่างที่เขาว่านะครับ
เพราะหลังจากชัยชนะของรัฐบาล - - ในการสลายม็อบ ณ แยกราชประสงค์ ด้วยข้อหาผู้ก่อการร้ายแล้ว สิ่งที่รัฐบาลได้ลงมือปฏิบัติการต่อมาในทันทีทันใด ก็คือการใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินลงมือไล่ล่า ทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการร้าย และแกนนำทุกระดับ ที่ยังไม่เข้าไปมอบตัว ตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงส่วนภูมิภาค พร้อมกับสั่งห้ามนิติบุคคลและบุคลเป็นจำนวนมากที่รัฐบาลสงสัยว่าจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้นปช.คนเสื้อแดง - ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงิน โดยอ้างว่าเพื่อรักษาความสงบสุขภายใน เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เพราะถ้าขาดเงินเพียงตัวเดียว ก็ไม่มีใครสามารถจะขยับเขยื้อนอะไรได้ แม้แต่กองทัพที่ปกป้องค้ำจุนรัฐบาลเอาไว้ก็ตามเถอะ ถ้ารัฐบาลไม่ทุ่มเทเงินงบประมาณให้อย่างไม่อั้น ก็คงไม่มีทหารคนไหนลากปืนออกมาฆ่าคน - - ให้เป็นบาปเป็นกรรมกันโดยเปล่าประโยชน์หรอก...

ผมเสพข่าวนี้มาเรื่อยๆ
จนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเริ่มป่วยทางจิตประสาท...เพราะเสพข่าวนี้มากเกินไป ช่วงปลายๆเดือนมิถุนายน ผมจึงงดรับรู้ข่าวเกี่ยวกับการเมืองไปพักหนึ่ง ผ่านมาจนถึงเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ผมขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปตลาด เหลือบไปดูแผงลอยขายหนังสือพิมพ์แล้ว ก็อดใจไม่ได้ จึงซื้อมา 2 ฉบับ พอกลับบ้านมาพลิกๆอ่าน ก็พบปรากฏการณ์ที่เป็นข่าวใหม่จากรัฐบาลว่า กำลังมีแผนลอบสังหาร วี.ไอ.พี.ของรัฐบาล ตั้งแต่ท่านนายกฯสุดหล่อ และใครต่อใครอีกสามสี่คน จนต้องเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยให้กันและกันจนวุ่นวายไปหมด... รวมทั้งข่าวการจับตัวผู้วางระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทยจากกัมพูชา ข่าวการดิสเครดิตกันในการเลือกตั้งซ่อมในเขตกทม. และข่าวพ่อใหญ่บิ๊กจิ๋ว ที่หายตัวไปอย่างลึกลับในช่วงเกิดวิกฤติการณ์นองเลือด ที่จู่ๆก็โผล่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูออกมาเสนอการตั้งรัฐบาลกลาง เป็นโจ๊กทางการเมืองพอให้คลายเครียดกันเล่นๆอีกวาระหนึ่ง...

 ผมได้อ่านข่าวนี้ ทีแรกก็นึกตกใจ แต่แล้วก็ได้แต่นึกขำ เมื่อหนังสือพิมพ์เขาวิเคราะห์แบบตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า น่าจะเป็นเรื่องที่กุกันขึ้นมากระพือเป็นข่าว - - เพื่อสร้างสถานการณ์มากกว่า เพราะรัฐบาลคงจะกลัวพลังความแค้นจากคนเสื้อแดงจะมาเช็กบิลเอา และหวังที่จะใช้ข่าวนี้สร้างความชอบธรรมในการยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อกวาดล้างแกนนำทุกระดับของนปช. ซึ่งความจริงก็คือพวกหัวคะแนนของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฐานคะแนนเสียงของ ทักษิณ ชินวัตร ให้สิ้นซาก เพื่อผลการเลือกตั้งครั้งต่อไป เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว นั่นเอง...

ครับ ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้ คงเป็นความขัดแย้งที่ไม่สามารถจะประนีประนอมกันได้ และคงจะเป็นความขัดแย้งที่ต้องแตกหักกัน ต้องเอาชนะกัน และทำลายล้างกันให้พินาศจนสิ้นซากกันไปข้างหนึ่ง - -  ตามทฤษฎีอย่างที่เขาว่า จริงๆนั่นแหละ

น่ากลัวนะครับ ยิ่งเรามีรัฐบาลที่มองประชาชนที่คิดต่างจากตัวเองเป็นศัตรู ยิ่งน่ากลัวใหญ่...เพราะท่านนึกจะใช้อำนาจพ.รก.ฉุกเฉินกับใคร ท่านก็สามารถนำไปใช้จิกตัวได้ทุกวินาที.. ไม่ว่าคุณจะเป็นใครในประเทศนี้ ถ้าหากคุณไม่ใช่พวกของรัฐบาล.

หมายเหตุ ; ถ้าหากบล็อกกาซีนประชาไทยังเปิดไม่ได้ ก็คงจำใจต้องพบกันในเฟชบุ๊คต่อไป.

7 กรกฎาคม 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่ 
 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
"นางแบบภาพประกอบ สุธาทิพย์ โมราลาย คอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรี ถ่ายโดยผู้เขียน" สมัยหนึ่ง ขงจื๊อกับศิษยานุศิษย์เดินทางไปรัฐชี้ เส้นทางผ่านป่าใหญ่เชิงภูเขาไท้ซัว ได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรีนางหนึ่งแว่วมาแต่ไกล ขงจื๊อหยุดม้า นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เสียงร้องไห้ฟังโหยหวนน่าเวทนานัก หญิงผู้นั้นคงได้รับทุกข์แสนสาหัสเป็นแน่” จื๊อกุงศิษย์ผู้ใกล้ชิดรับอาสาไปถามเหตุ หญิงนั้นกล่าวแก่จื๊อกุงว่า “น้าชายของฉันถูกเสือขบตายไม่นานมานี้ ต่อมาสามีของฉันก็ถูกเสือกินอีก บัดนี้เจ้าวายร้ายก็คาบเอาลูกชายตัวเล็กๆของฉันไปอีก” จื๊อกุงถามว่า “ทำไมท่านไม่ย้ายไปอยู่เสียที่อื่นเล่า” เธอตอบสะอื้น “ฉันย้ายไม่ได้ดอก” “…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้มาแบบวันต่อวัน ตั้งแต่นปช.คนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพมาเผชิญหน้ากับรัฐบาลเมื่อกลางเดือนมีนา และเป็นเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งในหน้าบล็อกกาซีนของเว็บประชาไท ที่คอยประสานเสียงกับผู้คนอีกมากมายหลายฝ่ายในสังคม ที่พยายามตะโกนบอกทั้งฝ่ายคนเสื้อแดงและรัฐบาลให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ที่จะทำให้ผู้คนล้มลงตายและบาดเจ็บ เพราะเชื่อกันว่า ยังมีทางเลือกที่สามารถตกลงกันได้ โดยไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน... จนกระทั่งเว็บถูกฝ่ายควบคุมสื่อมวลชนของรัฐเข้ามาบล็อกเว็บ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากการเจรจากัน เรื่องการยุบสภาระหว่างรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กลุ่ม นปช. - คนเสื้อแดง ที่ขัดแย้งกันเพราะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องเงื่อนไขของเวลา ที่ฝ่ายคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะต้องยุบสภาภายในเวลา 15 วัน และฝ่ายรัฐบาลบอกว่ายุบสภาก็ได้แต่ต้องรออีก 9 เดือน ผ่านไปสองครั้ง และยังไม่สามารถตกลงกันได้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ การชุมนุมเรียกร้องของมวลชนคนเสื้อแดง ที่พยายามกดดันเรียกร้องให้รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 53 เรื่อยมาจนถึงวันนี้ (24 มีนา 53) ซึ่งทีแรก หลังจากที่รัฐบาลถูกราดเลือดตอบโต้คำปฏิเสธแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีทีท่าว่า จะหันหน้ามาเจรจาตกลงกันด้วยสันติ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ล้มเหลว เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถจะยอมรับกันได้ ด้วยเหตุผลที่เป็นหลักใหญ่ที่ขัดแย้งอย่างสุดๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ใช่หรือมิใช่ นอกจากอำนาจนิติรัฐ และอำนาจจากกองทัพทหารตำรวจ ที่คอยแวดล้อมปกป้องครองรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีอำนาจที่น่ากลัวอีกอำนาจหนึ่ง ที่สามารถกำหนดชัยชนะและความพ่ายแพ้ของมวลชนคนเสื้อแดง นั่นคือ อำนาจ ของสื่อมวลชนกระแสหลัก ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เราไม่รู้ว่า รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดผิดหรือคิดถูก ที่ใช้อำนาจนิติรัฐสั่งยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังหมายมาดจะใช้อำนาจนี้ ขย้ำขยี้ด้วยคดีอาญาอีกมายหลายคดี เพื่อทำลาย ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิด ราวกับว่ารัฐบาลนี้จะยึดกุมอำนาจการบริหารประเทศแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้อง ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อ่าน ดู และฟัง เรื่องราว ของ ทักษิณ ชินวัตร จากมุมมอง คนรัก ทักษิณ ชินวัตร สื่อสาร อ่าน ดู และฟังแล้ว ก็น่าเชื่อถือว่าเป็นความจริง ตามที่เขาว่า ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นคนโกง แต่ถูกเขากลั่นแกล้งทำลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  26 ก.พ. 53 พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ของ ทักษิณ ชินวัตร คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ของ ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้อำนาจศาลสถิตยุติธรรมของสังคมไทย ว่าเขาจะถูกศาลพิพากษาตัดสินอย่างไร ถูกยึดเอาทรัพย์ทั้งหมด ถูกยึดเอามากเหลือไว้แต่น้อย ถูกยึดเอาไปเพียงบางส่วน หรือไม่ถูกยึดเลยแม้แต่สลึงเดียว... คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  “ความเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะตัว” ใครคนหนึ่งนิยามในเชิงสรุปเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ หลังจากนั่งพูดคุยกันมามากมายหลายเรื่อง แล้วมาลงเอยที่เรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิต ที่เราซึ่งต่างโตเป็นผู้ใหญ่ ต่างก็ได้ประสบกันมาคนละมิใช่น้อย จากประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต เช่น ความรัก ความหวัง ความฝัน ความทะเยอทะยาน หน้าที่การงาน อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย ความเจ็บไข้ได้ป่วย หนี้สิน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวบางเรื่อง ที่ทำให้เราขัดแย้งกับตัวเอง ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมจำได้ว่า ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ซึ่งเป็นเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ตามหลักของพุทธศาสนาในระดับศีลธรรม ด้วยความเชื่อว่ามันเป็นสัจธรรมของชีวิต แล้วมีผู้แย้งมาในทำนองที่ว่า ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นกฎอันเฉียบขาดของโลกและชีวิตมนุษย์ เพราะบ่อยครั้งที่เขาทำดี...แล้วไม่เห็นได้ดี จนเขานึกท้อที่จะทำความดี
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  คุณค่าผลงานวรรณกรรม 'รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนักเขียนที่มีผลงานหลากหลายประเภท นับตั้งแต่ข้อเขียนบรรยายภาพ คอลัมน์ในนิตยสาร เรื่องสั้น นวนิยาย และงานเขียนปกิณกะอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีงานร้อยแก้วที่มีลักษณะลีลาของร้อยกรองปลอดฉันทลักษณ์ หรือร้อยกรองรูปแบบอิสระปรากฏอยู่ เป็นช่วงสั้นๆในนวนิยายบางเรื่องด้วย ผลงานหลากประเภทดังกล่าวมีจำนวนมากมาย เฉพาะงานเขียนที่รวมเล่มแล้วมีจำนวนประมาณ 100 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้น บทความ และข้อเขียนจากคอลัมน์ต่างๆ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมนึกแปลกใจ ที่งานเขียนนวนิยายหลายเล่มของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นนักอ่าน นักเขียน นักวิเคราะห์วรรณกรรม หรือแม้กระทั่งคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่ประกาศยกย่องเชิดชูให้เขาเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรม ปี 2538 ต่างมีความเห็นตรงกันว่า นวนิยายที่เป็นงานโดดเด่น หรือที่ภาษาทางศิลปะเรียกกันว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ คือ นวนิยายเรื่องสนิมสร้อย ใต้ถุนป่าคอนกรีท เสเพลบอยชาวไร่ ผู้มียี่เกในหัวใจ ฯลฯ โดยเฉพาะสนิมสร้อยนั้น ดูเหมือนจะถูกยกย่องไว้สูง จนไม่มีเรื่องใดมาเทียบได้ และหลงลืมหรืออาจจะจงใจหลงลืม นวนิยายเรื่องหนึ่งของเขาที่ชื่อว่า “คืนรัก”