Skip to main content

 


โคลสใบหน้า ถนอม ไชยวงษ์แก้ว บนเวทีคืนนั้น ภาพโดย บัณรส บัวคลี่

ครับ
แล้วงานมินิคอนเสิร์ตของผมที่น้องๆผู้จัดและทีมงานได้ตั้งชื่องานบนแผ่นโปสเตอร์ให้ว่า “มินิคอนเสิร์ต ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ดนตรี กวี นักเขียน” และโปรยอักษรตัวเล็กถัดจากชื่องานลงมาว่า “และศิลปินรับเชิญพร้อมหญิงสาวร่วมถ่ายทอดบทกวี” เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 53 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ณ ที่ร้านสุดสะแนน ซอยโคลา เยื้องฝั่งตรงกันข้าม เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่ ก็ผ่านพ้นไปด้วยความอบอุ่นและราบรื่น วันนี้ ผมจึงขอกล่าวคำขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องในงานนี้ ดังต่อไปนี้
 

 

โก้ บราวเฮาส์ เพอคัสชั่น ถนอม ไชยวงษ์แก้ว กีตาร์ เม้าธ์ออแกน กาญจณ์ สุทธิพูน เชลโล่ ภาพโดย Sangsath
 
ขอบคุณ
ฮวก สุดสะแนน เจ้าของร้านและหัวหน้าวงสุดสะแนน
ชวด สุดสะแนน มือกีตาร์และนักร้องนำวงสุดสะแนน และช่างภาพแนวอาร์ตฝีมือดี เจ้าของร้านกาแฟร่ำเปิง
ชาย เพื่อนเก่า นักดนตรีมือแบนโจ แมนโดลิน ฟรุต มืออาชีพที่เอาจริงเอาจังมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายมานานนับสิบกว่าปี
ที่ร่วมกันเป็นต้นคิดจัดงานนี้ โดยที่ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากหิ้วกีตาร์ไปเล่น และคัดบทกวีให้ทีมงานของเขาไปจัดการกันเองตามอัธยาศัย
 
ขอบคุณ
ปาน - ชลธี ตระพัง มือหนึ่งในการประสานงานกิจกรรม ที่ช่วยให้ทุกฝ่ายมาร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นและมีชีวิตชีวา
 
ขอบคุณ
ชวด สุดสะแนน ที่ช่วยถ่ายรูปทำโปสเตอร์ และนำแสดงในงาน ด้วยภาพที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถ่าย ผู้ถูกถ่าย และผู้ชม รวมทั้งช่วยเล่นเปิดงานแบบวันแมนด์โชว์ในช่วงที่ยังไม่ค่อยมีคน และช่วยดูแลเสียงกีตาร์ ปรับเครื่องเสียงให้ตลอดเวลาทั้งสองช่วงที่ผมและคณะขึ้นไปบนเวที และลุล่วงไปโดยราบรื่นและดีงามเกินคาด
 
ขอบคุณ
วงสุดสะแนน ที่มีนักดนตรีมาร่วมแจมกันเพื่องานนี้จนเต็มเวที เช่น นายไปรษณีย์ นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อที่มีท่าทีว่าจะมีอนาคตไปไกล อ้ายเปี๊ยกบลู ผู้ขรึมขลังและน่ารัก อาจารย์เปื่อย มือแคนเทวดา ด้วยลีลาชวนเชิญให้แขกที่มากันคับคั่งในงานนี้พร้อมใจกันลุกขึ้นเต้นตามสไตล์อันเร้าใจแบบสุดสะแนน ตอนช่วงปลายของงาน ที่จบลงด้วยความสนุกสนานแบบพอดีๆ
 
ขอบคุณ
อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น กวีพี่ใหญ่ที่มาช่วยเป็นพลังใจแด่น้องๆ และช่วยร้องเพลง พัทยาลาก่อน และ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร มิตรสหายกวีแห่งล้านนาอีกท่านหนึ่ง ที่มาโชว์ลีลาการเต้นแบบไม่เหมือนใคร และมิอาจมีใครมาดแม้นมาเหมือน  
 
ขอบคุณ
น้องแอน ละคร น้องสาวคนเก่งที่น่ารัก คนเล่นละครเวที ที่เอาจริงเอาจังมานานจนพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้กำกับ และกำกับ “ลำนำเถื่อนแห่งโจรป่า” บทกวี ของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ให้เป็นละคร ได้ถึงเนื้อหาและอารมณ์ ทั้งผู้แสดง และผู้อ่านบทกวี โดยเฉพาะ เอก คนที่อ่านบทกวีในฐานะโจรผู้เล่าเรื่องสาเหตุของการ “ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา” น้ำเสียงของเขา ช่างดุร้ายเหี้ยมหาญ เหมาะแก่การเป็นอ้ายมหาโจรโคตรโรม้านซ์ คนนี้เสียจริงๆ (ผู้กำกับแอนอย่าลืมบอกเอกด้วยนะจ๊ะ ละครเลิกแล้วให้เอกลืมบทชั่วๆนี้เสียโดยเร็ว เพราะพี่กลัวเอกจะไปก่อเรื่องติดคุก เพราะสายลมที่เปิดหมวก ให้ข้าเห็นความงามในหน้านาง ทำให้ข้าย่างหยาบชักดาบ...เข้าไปฆ่าผัวของนาง นอกจากคุกตะรางแล้ว เอกเอ๊ย...พวกเฟมินิสต์ทางล้านนาบ้านเรา ล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งและดุๆด้วยกัน อย่าเผลอไปคิดสั้นเพราะอารมณ์วูบเดียวเป็นอันขาด พี่เป็นห่วงว่าเรื่องจะลามมาถึงตัวพี่ว่ะ )
 
ขอบคุณ
สุวิชานนท์ รัตนพิมล ศิลปินรับเชิญ ทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง และร่ายกวีให้แก่ตัวผม
ขอบคุณ ชิ สุวิชาญ นักดนตรีรับเชิญอีกท่านหนึ่ง ที่ช่วยมาบรรเลงเตหน่าสะกดคนฟังให้คนข้างเคียงของเขาอ่านบทกวี และร่วมเล่นกับเพลงบลูของสุวิชานนท์อย่างมีเอกภาพ
 
ขอบคุณ
แขกที่รับเชิญมาอ่านบทกวี
ดร.เพ็ญสุภา สุขตะ ใจอินทร์ กวิณีสาวสวยและสามารถอยู่เสมอจากสันกำแพง ผู้อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ระบบ”
เจี๊ยบ - อรวรรณ ชมพู สาวตาคมผมยาวจากเชียงดาว ผู้อ่านบางบทกวีที่ชื่อว่า “โอ้ชีวิต”
น้องนาย - มาลันชา สาวผิวงามผ่องพรรณจากโชตนา อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ไฟชีวิต”
ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส ผอ.โรงเรียนล้านนาอินเตอร์ ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ไผ่”
กบ - นฤมล พฤกษา ศิลปินอิสระมาดมั่นเกี่ยวกับการละครผู้อ่านบทกวีชื่อ “ท่าที่อีเดือนมันกระโดดลงไป” (ประกอบการแอ็คติ้งแบบละครได้สมจริง จนผ้าถุงเกือบจะหลุด ฮา... และทำให้ชายหนุ่มรูปหล่อแบบเถื่อนๆสองคนต้องรีบควักแบ็งค์ละร้อยให้คนละใบด้วยความประทับใจในลีลาเหลือร้ายของคุณกบในบทของโสเภณี ที่เล่าเรื่องชะตากรรมอันหฤโหดของเพื่อนโสเภณี ที่ชื่อว่า อีเดือน ให้แขกผู้ใช้บริการของเธอฟัง)
น้องแสตมป์ - กมลชนกพรหมจ้อย ผู้อ่านบทกวีเซอร์เรียลิสต์ชื่อ “ถนนสายรุ้ง” และ “กองทัพฝน”
น้องเหมี่ยว - ฟ้าคราม รักตะวัน ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ผู้บินแหวกว่ายอยู่ในค่ำคืน”
น้องเจนนี่ คนข้างเคียงชิ สุวิชาญ อ่านบทกวีชื่อ ความตายของต้นฉำฉา”
ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย นักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย บทความ อาจารย์สอนพิเศษการเขียนวรรณกรรม ม.หอการค้า และคอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรีรายปักษ์ อ่านบทกวีชื่อ “เป็นอย่างที่เธอเป็น”
และอีกหลายท่านที่ขึ้นมาร่ายกวีสดๆในขณะนั้น และขออภัยที่หานามของท่านเพื่อขอบคุณไม่พบ
 
ขอบคุณ
น้อย - อัคนี มูลเมฆ ผู้แปล “ศาสดาขบถ” และ “ปิคัสโซ” นักร้องกิตติมศักดิ์ที่ช่วยร้องเพลง หยาดเพชร คอยลม แม่เนื้ออุ่น อย่างได้อารมณ์ และ ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส อีกครั้งที่ช่วยทั้งอ่านบทกวีและร้องเพลง สายชล ลองรัก ความรักไม่รู้จบ ชะตาชีวิต Tennessee Waltz อย่างยอดเยี่ยมให้แก่กีตาร์และเม้าธ์ออแกนของผม
เช่นเดียวกับ ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย ที่นอกจากจะช่วยอ่านบทกวีแล้ว ยังช่วยร้องเพลงที่ชื่อว่า สายชล ให้เศร้าแต่เป็นสุขกันอีกรอบ และมอบหนังสือ “เหยื่ออธรรม” จาก ทับหนังสือสำนักพิมพ์ ของคุณสุเมธ สุวิทยะเสถียร ที่แปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท หนึ่งชุด 5 เล่ม ราคา 3,500 บาท มอบให้ผม (เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงานวันเกิด ผมเลยได้ของขวัญอันล้ำค่าราคาแพง ฮา...)

และ คุณกาญจนา สุทธิพูน สาวมาดมั่นเกินร้อยมือเชลโลสมัครเล่นจากหมู่บ้านขวัญเวียง ที่มาร่วมช่วยเล่นเชลโลให้แก่ดนตรีโฟล์กของผมให้มีสีสันงดงามขึ้น พร้อมกับอาหาร
1 รายการ
และที่ลืมไม่ได้เลยอีกท่านหนึ่ง ก็คือ โก้ อภิชาต  ภานุวงศ์ หนุ่มหล่อมาดเซอร์คนเขียนรูปจากแกลลอลี่ บราวน์เฮาส์ บ้านถวายที่ช่วยมาเล่นเพอคัสชั่นให้ดนตรีของเรา บรรเลงไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยสมาธิอันดีเยี่ยม
 
 

สาวใหญ่ชุดดำสวยคลาสสิก และหนุ่มใหญ่มาดนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียน (ใครและใครเอ่ย...) ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
 
 
ขอบคุณ
อุ๋มอิ๋ม - วดีลดา เพียงศิริ นักเขียนหญิงชื่อดังที่ใจกว้างเหมือนแม่น้ำจากอนุบาลคิตตี้แบร์ ถึงแม้จะไม่ได้มางานนี้ แต่ก็ยังช่วยอุปการะเครื่องดื่มที่ใช้ต้อนรับแขก
 
ขอบคุณ
น้องบี จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคยทำร่วมงานกิจกรรมสังคมด้วยกันมาตั้งแต่บียังเรียนปริญญาโท จนกระทั่งเรียนจบเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน มช. ที่ยังอุตส่าห์สละเวลามาช่วยเป็นพิธีกร ร่วมกับ แอน ละคร ที่ต้องขอบคุณอีกครั้งในฐานะที่ช่วยเป็นพิธีกรที่กระชับและฉับไวร่วมกับบี นอกเหนือจากบทบาทผู้กำกับละครในงานนี้
 
ขอบคุณ
ป๋อ - อังคาร กล่ำคลัง สถาปนิกมาดสุภาพบุรุษเจ้าสำราญขนานแท้ น้องชายที่น่ารักและหวานใจ จากร้าน ยิปซี หน้าวงเวียนพืชสวนโลก ที่มาให้กำลังใจ และเลี้ยงเหล้าใครต่อใครที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่อั้นในคืนวันอันสวยสดนี้ รวมทั้ง ตุ๊ - ช่ออัญชัญ สาวมาดเข้ม ที่อุตส่าห์ปลีกเวลามาทั้งๆที่เพิ่งเหน็ดเหนื่อยมาจากแม่ฟ้าหลวง ปลื้มใจที่ตุ๊ชอบเพลง ที่รัก รวมทั้ง ตู่ - นพดล ไชยคุณา แม้ไม่มีเก๋คนข้างเคียงมาดูแลในคืนนี้ แต่ก็สามารถเมาได้ตามฟอร์มโดยไม่ตกหล่น สมกับที่เป็นมืออาชีพจริงๆครับท่าน
 
ขอบคุณ
โจ้ - รังสรรค์ ราศีดิบ เจ้าของรางวัลสีสันอวอร์ดเพลงอินดี้จากอัลบั้มชุด “การเดินทางของตระกร้า” เมื่อสี่ห้าปีก่อน ที่ให้เกียรติเข้านั่งพินิจงานอย่างสบายๆ
 
ขอบคุณ
กรรณิการ์ เพ็ชรแก้ว จากประชาชาติธุรกิจ ผู้มาในชุดดำสวยคลาสสิก ที่เข้ามาช่วยอุดหนุนบาร์เหล้าและไวน์ของสุดสะแนน และช่วยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของอ้ายไพฑูรย์มิให้เงียบเหงา
 
ขอบคุณ
บรรณรส บัวคลี่ จากผู้จัดการภาคเหนือ ที่ให้เกียรติงานนี้เป็นที่ทดลองใช้กล้องถ่ายรูปใหม่ที่เพิ่งซื้อออกจากห้างมาอย่างสดๆร้อนๆ (ผมชอบภาพที่คุณโคลสใบหน้าผมขณะเป่าเม้าธ์ออแกน และภาพใบหน้า ชวด สุดสะแนน กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แลดูเป็นธรรมชาติดีครับท่าน)
 
ขอบคุณ
พี่เกษตร มือเขียนรูปสมัครเล่นจากสำนักวัดอุโมงค์ ที่เข้ามาเขียนดรออิ้งค์ภาพใบหน้าใครต่อใครมากมายหลายคนในงานนี้แบบฉับพลัน และทำให้สาวๆกรี๊ดกันหลายคน
 
ขอบคุณ
แพร จารุ คนข้างเคียงที่ช่วยทำคั่วกลิ้ง และช่วยประสานงานร่วมกับปาน - ชลธี และต้อนรับแขกอย่างแข็งขัน
 
ขอบคุณ
คุณยุพา งามสมจิตร บรรณาธิการอาวุโสนิตยสาร กุลสตรีรายปักษ์ ที่เอื้อเฟื้อมอบหนังสือกุลสตรี ฉบับปักษ์หลัง พฤศจิกายน 2553 ที่มีงานเขียนชื่อ “เงินทำให้คนนับถือ” ของผม ตีพิมพ์ในฐานะนักเขียนรับเชิญมาจับเบอร์แจกในงานจำนวน 40 เล่ม ท่านผู้ใดจับเบอร์ได้ เชิญไปรับได้ที่ร้านสุดสะแนนได้เลยครับ
 
และสุดท้าย ขอขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามารับชมและเสพงานนี้ ทั้งที่โดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ และหวังว่าทุกท่านคงจะได้สาระและความเพลิดเพลินกันไปบ้างไม่มากก็น้อย หากมีข้อบกพร่องและผิดพลาดๆใด ก็ขออภัยแทนน้องๆที่ช่วยกันจัดงานแสดงนี้ด้วยครับ.
 
 

บรรยากาศภายในงาน ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
 

หมายเหตุ
; งานนี้เป็นงานแสดงดนตรีและบทกวีของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว เท่านั้น มิใช่งานวันเกิด มิใช่งานแซยิด หรืองานต่ออายุ ฮา... อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด (เช่น อ.สุธาทิพย์ โมราลาย) เพราะผมไม่เคยคิดจะยินยอมให้ใครมาจัดงานอะไรซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีประโยชน์อะไรแก่สังคม แถมยังทำให้คนอื่นเขาต้องพลอยมาวุ่นวายด้วย
 
โดยเฉพาะงานวันเกิดที่ล่วงเลยไปแล้ว หรือแซยิดที่ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขำมาก หากมีใครอุตริมาคิดจัดงานนี้ให้ผม ซึ่งมิใช่คนที่ดีเด่อะไรในทางจริยธรรม และแทบไม่เคยทำคุณประโยชน์ใดๆให้แก่ครอบครัวและสังคม หรือแม้แต่ตัวเอง (ฮา) ถ้าใครเขาจะจัดงาน ที่เราไม่ควรให้คนอื่นจัดให้ตัวเอง เขาก็คงจะจัดให้ผม คนที่พอจะรู้จักตัวดีว่าเป็นอย่างไร และแค่ไหน เขาคงจะจัดกัน...เพื่อบอกผมแบบแดกดันว่า  มึงนะแก่และใกล้ตายแล้วนะโว้ย... นั่นแหละมากกว่า ถ้าหากผมเป็นคนหลงตัวเอง และเผลอไปตกหลุมพรางนี้
 
ครับ นี่เป็นเพียงงานเล็กๆที่น้องๆเขาศรัทธางานเล็กๆของผม เพื่อแสดงงานของผมนักเขียนและนักดนตรีเล็กๆคนหนึ่งที่พอจะมีคนรู้จักเท่านั้นเอง หวังว่าท่านที่เข้าใจผิด คงเข้าใจถูกต้องตามข้อเท็จจริงนี้นะครับ สวัสดี.  
 
ขอบคุณและขอบคุณครับ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
24 พฤศจิกายน 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่  
 
 
 
 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
"นางแบบภาพประกอบ สุธาทิพย์ โมราลาย คอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรี ถ่ายโดยผู้เขียน" สมัยหนึ่ง ขงจื๊อกับศิษยานุศิษย์เดินทางไปรัฐชี้ เส้นทางผ่านป่าใหญ่เชิงภูเขาไท้ซัว ได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรีนางหนึ่งแว่วมาแต่ไกล ขงจื๊อหยุดม้า นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เสียงร้องไห้ฟังโหยหวนน่าเวทนานัก หญิงผู้นั้นคงได้รับทุกข์แสนสาหัสเป็นแน่” จื๊อกุงศิษย์ผู้ใกล้ชิดรับอาสาไปถามเหตุ หญิงนั้นกล่าวแก่จื๊อกุงว่า “น้าชายของฉันถูกเสือขบตายไม่นานมานี้ ต่อมาสามีของฉันก็ถูกเสือกินอีก บัดนี้เจ้าวายร้ายก็คาบเอาลูกชายตัวเล็กๆของฉันไปอีก” จื๊อกุงถามว่า “ทำไมท่านไม่ย้ายไปอยู่เสียที่อื่นเล่า” เธอตอบสะอื้น “ฉันย้ายไม่ได้ดอก” “…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้มาแบบวันต่อวัน ตั้งแต่นปช.คนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพมาเผชิญหน้ากับรัฐบาลเมื่อกลางเดือนมีนา และเป็นเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งในหน้าบล็อกกาซีนของเว็บประชาไท ที่คอยประสานเสียงกับผู้คนอีกมากมายหลายฝ่ายในสังคม ที่พยายามตะโกนบอกทั้งฝ่ายคนเสื้อแดงและรัฐบาลให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ที่จะทำให้ผู้คนล้มลงตายและบาดเจ็บ เพราะเชื่อกันว่า ยังมีทางเลือกที่สามารถตกลงกันได้ โดยไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน... จนกระทั่งเว็บถูกฝ่ายควบคุมสื่อมวลชนของรัฐเข้ามาบล็อกเว็บ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากการเจรจากัน เรื่องการยุบสภาระหว่างรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กลุ่ม นปช. - คนเสื้อแดง ที่ขัดแย้งกันเพราะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องเงื่อนไขของเวลา ที่ฝ่ายคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะต้องยุบสภาภายในเวลา 15 วัน และฝ่ายรัฐบาลบอกว่ายุบสภาก็ได้แต่ต้องรออีก 9 เดือน ผ่านไปสองครั้ง และยังไม่สามารถตกลงกันได้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ การชุมนุมเรียกร้องของมวลชนคนเสื้อแดง ที่พยายามกดดันเรียกร้องให้รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 53 เรื่อยมาจนถึงวันนี้ (24 มีนา 53) ซึ่งทีแรก หลังจากที่รัฐบาลถูกราดเลือดตอบโต้คำปฏิเสธแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีทีท่าว่า จะหันหน้ามาเจรจาตกลงกันด้วยสันติ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ล้มเหลว เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถจะยอมรับกันได้ ด้วยเหตุผลที่เป็นหลักใหญ่ที่ขัดแย้งอย่างสุดๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ใช่หรือมิใช่ นอกจากอำนาจนิติรัฐ และอำนาจจากกองทัพทหารตำรวจ ที่คอยแวดล้อมปกป้องครองรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีอำนาจที่น่ากลัวอีกอำนาจหนึ่ง ที่สามารถกำหนดชัยชนะและความพ่ายแพ้ของมวลชนคนเสื้อแดง นั่นคือ อำนาจ ของสื่อมวลชนกระแสหลัก ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เราไม่รู้ว่า รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดผิดหรือคิดถูก ที่ใช้อำนาจนิติรัฐสั่งยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังหมายมาดจะใช้อำนาจนี้ ขย้ำขยี้ด้วยคดีอาญาอีกมายหลายคดี เพื่อทำลาย ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิด ราวกับว่ารัฐบาลนี้จะยึดกุมอำนาจการบริหารประเทศแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้อง ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อ่าน ดู และฟัง เรื่องราว ของ ทักษิณ ชินวัตร จากมุมมอง คนรัก ทักษิณ ชินวัตร สื่อสาร อ่าน ดู และฟังแล้ว ก็น่าเชื่อถือว่าเป็นความจริง ตามที่เขาว่า ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นคนโกง แต่ถูกเขากลั่นแกล้งทำลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  26 ก.พ. 53 พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ของ ทักษิณ ชินวัตร คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ของ ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้อำนาจศาลสถิตยุติธรรมของสังคมไทย ว่าเขาจะถูกศาลพิพากษาตัดสินอย่างไร ถูกยึดเอาทรัพย์ทั้งหมด ถูกยึดเอามากเหลือไว้แต่น้อย ถูกยึดเอาไปเพียงบางส่วน หรือไม่ถูกยึดเลยแม้แต่สลึงเดียว... คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  “ความเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะตัว” ใครคนหนึ่งนิยามในเชิงสรุปเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ หลังจากนั่งพูดคุยกันมามากมายหลายเรื่อง แล้วมาลงเอยที่เรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิต ที่เราซึ่งต่างโตเป็นผู้ใหญ่ ต่างก็ได้ประสบกันมาคนละมิใช่น้อย จากประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต เช่น ความรัก ความหวัง ความฝัน ความทะเยอทะยาน หน้าที่การงาน อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย ความเจ็บไข้ได้ป่วย หนี้สิน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวบางเรื่อง ที่ทำให้เราขัดแย้งกับตัวเอง ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมจำได้ว่า ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ซึ่งเป็นเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ตามหลักของพุทธศาสนาในระดับศีลธรรม ด้วยความเชื่อว่ามันเป็นสัจธรรมของชีวิต แล้วมีผู้แย้งมาในทำนองที่ว่า ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นกฎอันเฉียบขาดของโลกและชีวิตมนุษย์ เพราะบ่อยครั้งที่เขาทำดี...แล้วไม่เห็นได้ดี จนเขานึกท้อที่จะทำความดี
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  คุณค่าผลงานวรรณกรรม 'รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนักเขียนที่มีผลงานหลากหลายประเภท นับตั้งแต่ข้อเขียนบรรยายภาพ คอลัมน์ในนิตยสาร เรื่องสั้น นวนิยาย และงานเขียนปกิณกะอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีงานร้อยแก้วที่มีลักษณะลีลาของร้อยกรองปลอดฉันทลักษณ์ หรือร้อยกรองรูปแบบอิสระปรากฏอยู่ เป็นช่วงสั้นๆในนวนิยายบางเรื่องด้วย ผลงานหลากประเภทดังกล่าวมีจำนวนมากมาย เฉพาะงานเขียนที่รวมเล่มแล้วมีจำนวนประมาณ 100 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้น บทความ และข้อเขียนจากคอลัมน์ต่างๆ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมนึกแปลกใจ ที่งานเขียนนวนิยายหลายเล่มของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นนักอ่าน นักเขียน นักวิเคราะห์วรรณกรรม หรือแม้กระทั่งคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่ประกาศยกย่องเชิดชูให้เขาเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรม ปี 2538 ต่างมีความเห็นตรงกันว่า นวนิยายที่เป็นงานโดดเด่น หรือที่ภาษาทางศิลปะเรียกกันว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ คือ นวนิยายเรื่องสนิมสร้อย ใต้ถุนป่าคอนกรีท เสเพลบอยชาวไร่ ผู้มียี่เกในหัวใจ ฯลฯ โดยเฉพาะสนิมสร้อยนั้น ดูเหมือนจะถูกยกย่องไว้สูง จนไม่มีเรื่องใดมาเทียบได้ และหลงลืมหรืออาจจะจงใจหลงลืม นวนิยายเรื่องหนึ่งของเขาที่ชื่อว่า “คืนรัก”