Skip to main content

20080209 ภาพต้นไม้สีเขียวในป่า

บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์
นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีก

นั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์สายอรัญญวาสี

ซึ่งวัดนี้ เป็นวัดที่ผมมักจะวนเวียนเข้า ๆ ออก ๆ ไปอาศัยซุกหัวนอนและกินข้าวอยู่กับพระที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ หลายกุฏิและหลายองค์ เวลาผมตกงาน ในช่วงวัยหนุ่มที่ผมร่อนเร่พเนจรจากภาคเหนือ ไปแสวงหาความหมายของชีวิตในเมืองหลวงของประเทศในขณะนั้น และเขาเป็นพระเณรองค์หนึ่งที่ผมสนิทสนมด้วย

โอ้ ความหลัง
แม้วันเวลาจะผ่านไปนานแสนนาน เมื่อหวนคิดคะนึงถึง ผมยังจำตัวตนของเขาในขณะนั้นได้อย่างแจ่มชัด สมัยที่เขาเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล นอกจากเขาจะเป็นคนที่แลดูเอาจริงเอาจังในการศึกษาตามหลักสูตรแล้ว เขายังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหนึ่งในการทำหนังสือวารสารของวัด และเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์แบบติดงอมแงม เพราะเขาเป็นคนที่สนใจติดตามอ่านข่าวสารเกี่ยวกับการบ้านการเมือง ถึงขั้นสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นไปต่าง ๆ ให้มิตรสหายรับฟังได้  และเก่งกล้าถึงขนาดเคยเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์การเมืองไปให้หนังสือเกี่ยวกับการเมืองทื่ค่อนข้างใหญ่โตฉบับหนึ่ง และได้รับการตีพิมพ์หลายชิ้น ในขณะที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่

ซึ่งเรื่องนี้ เขาได้เล่าให้ผมฟังด้วยความภาคภูมิใจและนึกขำตัวเองในภายหลังว่า หลังจากเขียนไปได้พักหนึ่ง เขาก็นุ่งห่มจีวรเรียบร้อยไปแสดงตัวกับบก.ถึงสำนักงาน และตั้งแต่นั้นมา พอส่งงานไปก็ไม่ได้ลงอีก เพราะบก.คงจะคาดไม่ถึงและยอมรับไม่ได้ ที่พระหน้าตาเด็ก ๆ องค์หนึ่ง ออกมาเขียนหนังสือวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในขณะนั้น

ผมจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
เมื่อเขาบวชเรียนจบตามหลักสูตร และเลือกสิกขาบทกลับบ้านมาต่อสู้ชีวิตทางโลก เพื่อดูแลแม่และส่งเสียน้องสาวที่กำลังเรียนไล่กันมา เขาจึงไม่ลังเลใจที่จะเดินทางเป็นเส้นตรงจากบ้านเกิด อ.จอมทอง มุ่งตรงเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อสมัครงานเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ซึ่งมีอยู่หลายฉบับในเชียงใหม่ และไม่เคยเปลี่ยนงานหนังสือพิมพ์ไปเป็นอย่างอื่น

พูดได้เลยว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทุกฉบับในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ยุคที่เขาเริ่มต้นเข้าไปทำงานเป็นนักข่าว ตราบจนเท่าทุกวันนี้ แทบไม่มีฉบับใด ที่ไม่มีเขาเข้าไปร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนข่าวสารในท้องถิ่น  นับตั้งแต่ ถิ่นไทย ซึ่งเป็นก้าวแรกของเขา และติดตามมาด้วย นครพิงค์ เชียงใหม่เดลี่ ข่าวสยาม ระมิงค์ ประชากร ไทยนิวส์ ธุรกิจภาคเหนือ ฯลฯ

เขาเริ่มต้น และผ่านมาหมดทุกตำแหน่งงานของคนหนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งในฐานะที่เป็นเจ้าของ เขาก็เป็นมาแล้ว นั่นคือหนังสือ “เม็งราย”รายปักษ์ ที่เขาทำควบคู่กับการเป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์รายวัน ก่อนจะปิดตัว เม็งราย หลังจากทำมานานได้สิบกว่าปี คงเหลือไว้แต่โรงพิมพ์บุณย์ศิริ ที่ยังรับงานพิมพ์อยู่จนถึงปัจจุบันที่ ต. หนองหอย อ.เมือง

แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักรู้จัก บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์ และอีกนามหนึ่งที่เป็นนามปากกา นั่นคือ บุณย์ มหาฤทธิ์ จากคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์รายวัน ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่คอยจับตาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการทำงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับความทุกข์สุขของประชาชนในท้องถิ่น ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และเข้าใจระบบราชการอันซับซ้อนพร้อมด้วยข้อมูลที่แม่นยำ และเป็นปากเสียงให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง...

โดยส่วนตัวผมแล้ว
ผมเชื่อว่า ภาพบทบาทของนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาพนี้ของเขา เป็นภาพที่เป็นรูปธรรมที่แจ่มชัดและโดดเด่นที่สุด ทั้งในสายตาของผมและคนทั่ว ๆ ไปในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเขายืนหยัดทำหน้าที่นี้ให้กับสังคมมานานเกินกว่า 20 ปี และผมคิดว่าเขาคงไม่เปลี่ยนไปเป็นอื่น...

แต่แล้วเขาก็ทำให้ผมแปลกใจ เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ว.ใน 2544 วันหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ฝากข่าวกับน้องชายของผมที่เป็นนายดาบตำรวจมาบอกว่า เลือกตั้ง ส.ว.คราวนี้เขาลงสมัครด้วยนะ และหลังจากตรวจสอบข่าวด้วยตัวเองจนแน่ใจ ผมก็บอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าเขาจะเอ่ยปากให้ช่วยเหลือหรือไม่ ผมก็ยินดีที่จะสนับสนุนเขาตามอัตภาพ และไม่รู้สึกกระดากใจที่จะให้เครดิตเขากับสังคมอย่างเปิดเผย

แต่เขาก็ไม่ผ่าน อย่างที่ผมแอบคาดหมายเอาไว้ เพราะการเมืองในท้องถิ่นที่ระบบสังคมแบบอุปถัมภ์ยังแข็งแกร่งอยู่ มันยากแสนยากที่จะเปิดช่องทางให้คนใหม่ ๆ ที่ขาดอำนาจเงิน ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ในโลกนี้ ผ่านเข้าไปได้...

ผมรู้ผลแล้ว ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า บุญญฤทธิ์ ไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน เพราะภาพของคนที่เป็นนักหนังสือพิมพ์อันยาวนานของเขา เป็นภาพที่ได้รับความเชื่อถือและงดงามอยู่แล้ว บางที...ความโชคดีทางการเมือง ถ้าหากเขาได้รับ มันอาจจะกลายเป็นความเสี่ยงต่อความสูญเสียชื่อเสียง และเกียรติภูมิของนักหนังสือพิมพ์ ที่เขาสั่งสมมาตลอดชีวิตในภายหลังก็ได้

และผมคิดว่าเขาคงเลิกสนใจมันแล้ว...
    
ผ่านมาจนกระทั่งถึงปี 2551 ปีนี้
หลังการเลือกตั้ง ส.ส และการจัดตั้งรัฐบาลที่เราต้องทำใจยอมรับ ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และถึงฤดูกาลเลือกตั้ง ส.ว.อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 2 มีนาคม ที่กำลังจะมาถึงภายในไม่กี่อาทิตย์ เมื่อวานนี้ ขณะผมกำลังอยู่เพียงลำพังในกระท่อมทุ่งเสี้ยว น้องชายของผมที่เคยมาบอกข่าวการลง ส.ว.ของเขาเมื่อปี 2544 ก็ขับรถเข้ามาตะโกนบอกผมว่า

“พี่ ๆ บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์ มิตรสหายของพี่ลง ส.ว.อีกแล้ว”
ก่อนจะลงจากรถ นำใบปลิวหาเสียงแผ่นขนาดฝ่ามือผู้ใหญ่ ซึ่งมีรูปครึ่งตัวของเขาใส่สูทและผูกเน็คไทร์เรียบร้อย พร้อมหมายเลขเบอร์ที่เขาลงสมัครพิมพ์อยู่ด้านหน้า และด้านหลังเป็นประวัติย่อ ยื่นให้ผมปึกหนึ่ง

ครับ เมื่อเขายังยืนยันที่จะเดินไปบนวิถีทางนี้ ผมจึงยังย่อมควรเอาใจช่วยเขา ถึงแม้โดยใจจริงของผมแล้ว ผมอยากจะเห็นภาพของ บุญญฤทธิ์ เป็นนักหนังสือพิมพ์อย่างที่เขาเป็นตลอดไปจนชั่วชีวิต แต่เมื่อหันหลังกลับไปมองจากมุมมองของส่วนรวม ผมก็ได้คิดขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งว่า ถ้าสังคมในท้องถิ่นของเรา ไม่ว่าจะเป็นที่นี่...หรือ ณ ที่แห่งใดในประเทศนี้ ได้นักการเมืองสักคนหนึ่งจากนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ที่ทำงานด้วยจิตสำนึกเพื่อสาธารณะชนมาโดยตลอด ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่ามิใช่หรือ

ถ้าหากสังคมในวันนี้ ยังพอจะมีช่องทาง เปิดโอกาสให้คนที่เหมาะสมอย่างยิ่งคนหนึ่งเช่นเขา     ก้าวเข้าไปพิสูจน์ตัวเองสักครั้ง     

พื่ขอเอาใจช่วย บุญญฤทธิ์ คนดี.
            
7 กุมภาพันธ์ 2551
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ภาพของสุภาพสตรีสาวสวยสองคน กลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาล ณ ท่ามแสงตะวันสีทองชวนฝันทั้งสองภาพนี้ เป็นภาพของ คุณเจี๊ยบ - อรวรรณ ชมพู (คนซ้ายมือ)ที่สวยแบบคมเข้ม และ คุณนาย - มาลานชา (คนขวามือ) ที่ผมเคยนำภาพ Portrait ขาวดำที่สวยแบบหวานคลาสสิกของเธอ มาลงเป็นภาพประกอบเรื่อง “ความอ่อนแอ” ในตอนก่อน เป็นภาพถ่ายจากฝีมือการถ่ายของ Tou paycheck ซึ่งคนเดียวกันกับที่ถ่ายภาพ portrait ขาวดำของเธอ ในวันที่คุณมาลานชาและคุณ Tou paycheck อดีตเพื่อนร่วมชั้นมัธยมจากดาราวิทยาลัย ได้ชักชวนกันเดินทางไปให้กำลังใจคุณอรวรรณที่กำลังจะเปิดร้านกาแฟชื่อ ชมพู แบบเป็นทางการที่บ้านแม่ข้อน ตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm;…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ครับ จั่วหัวเรื่องข้างบนนี่ คือชื่องานคอนเสิร์ต ของคุณ กฤตน ชัยแก้ว หรือที่เพื่อนฝูงนักดนตรีและแฟนเพลงในเชียงใหม่ให้ฉายากันว่า MAEW.Mp3 ตามชื่อเล่นว่า แมว ที่เขาเดาะเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้เท่กันเล่นๆ ส่วนคำว่า Mp3 ที่ต่อท้ายเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่สามารถเล่นกีตาร์และร้องได้แทบทุกแนว ตั้งแต่เพลงไทยสากล เพลงลูกทุ่ง เพลงคำเมือง เพลงเพื่อชีวิต เพลงสากล ฯลฯ ทั้งเก่าและใหม่ ประมาณว่าถ้าเขาเล่นดนตรีประจำอยู่ในร้านไหน ไม่ว่าแขกจะขอเพลงอะไร ยากนักที่จะผิดหวัง  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมรู้จักสุดสะแนน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  โคลสใบหน้า ถนอม ไชยวงษ์แก้ว บนเวทีคืนนั้น ภาพโดย บัณรส บัวคลี่ Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    ผมต้องขออภัย ที่เงียบหายไปค่อนข้างนานจนผิดปกติโดยมิได้บอกกล่าว เรื่องของเรื่องก็คือ ช่วงเวลาที่ผมเงียบหายไปจนถึงบัดนี้ ผมกำลังตกอยู่ในภาวะที่มีแต่เรื่องที่ต้องหมกมุ่นกับตัวเอง ตอนนี้หลายๆเรื่องกำลังคลี่คลายและพ้นผ่านไปแล้ว  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมรู้จักแซมมานานหลายปี ตั้งแต่ผมทำงานเล่นดนตรีอยู่ที่ร้านสายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ ที่ตั้งอยู่ริมถนนวงแหวน 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปลายๆ โดยการแนะนำของน้อย อัคนี มูลเมฆ มิตรสหายของเขาที่เคยร่วมทำงานข่าวชายแดนและสารคดีด้วยกันมาหลายครั้ง ซึ่งต่อมาเขาได้กลายเป็นแขกประจำร้าน ที่ผมมักจะเชิญให้ขึ้นมาร้องเพลงรักเก่าๆที่หาฟังได้ยาก หาคนร้องได้ยาก ที่เขาชอบและร้องได้ดี เข้าถึงอารมณ์เพลงได้อย่างลึกซึ้ง และมีความสุขจนเราสัมผัสได้ และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน เพราะเขาร้องมันออกมาจากหัวใจนั่นเอง  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง คือพลังคีตการอันหวานไหว คือจิตวิญญาณล้านนาไทย คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บางครั้ง ชีวิตคนก็ถูกต้อนมาถึงมุมอับ ที่ซึ่งไม่มีทางไปต่อ และไร้หนทางถอยหนี ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เมื่อพูดถึงคำว่า“เสรีภาพ” คำ คำนี้ช่างมีพลังอย่างแปลกประหลาด ทำให้รู้สึกดึงดูดเย้ายวนใจสำหรับคนบางคน พอๆกับที่ก่อให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวกับคนบางคน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนปรารถนาเสรีภาพ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ เรียกร้องอยากจะได้มา และก็กลัวที่จะได้มันมาจริงๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
"นางแบบภาพประกอบ สุธาทิพย์ โมราลาย คอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรี ถ่ายโดยผู้เขียน" เงินตรา ย่อมเป็นวัตถุที่ก่อความชื่นชมแก่มนุษย์โดยทั่วหน้า เป็นศุภนิมิตอันดีเลิศแก่วัฒนธรรมในสากลโลก เป็นหลักประกันแก่สังคม แก่จิตใจมนุษย์ชาติ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Normal 0 false false false MicrosoftInternetExplorer4 /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;}   สองสามวันก่อน ผมได้รับเมลจาก ขจรฤทธิ์ รักษา…