ภาพของสุภาพสตรีสาวสวยสองคน
กลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาล ณ ท่ามแสงตะวันสีทองชวนฝันทั้งสองภาพนี้ เป็นภาพของ คุณเจี๊ยบ - อรวรรณ ชมพู (คนซ้ายมือ)ที่สวยแบบคมเข้ม และ คุณนาย - มาลานชา (คนขวามือ) ที่ผมเคยนำภาพ Portrait ขาวดำที่สวยแบบหวานคลาสสิกของเธอ มาลงเป็นภาพประกอบเรื่อง “ความอ่อนแอ” ในตอนก่อน เป็นภาพถ่ายจากฝีมือการถ่ายของ Tou paycheck ซึ่งคนเดียวกันกับที่ถ่ายภาพ portrait ขาวดำของเธอ ในวันที่คุณมาลานชาและคุณ Tou paycheck อดีตเพื่อนร่วมชั้นมัธยมจากดาราวิทยาลัย ได้ชักชวนกันเดินทางไปให้กำลังใจคุณอรวรรณที่กำลังจะเปิดร้านกาแฟชื่อ ชมพู แบบเป็นทางการที่บ้านแม่ข้อน ตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว ที่บ้านเกิดของเธอ เมื่อสองสามวันก่อน
สุภาพสตรีทั้งสองท่านนี้
ต่างรู้จักและสนิทสนมกับผมมานานหลายปี เคยร่วมทำงานกิจกรรมทางสังคมเกี่ยวกับเรื่องศิลปวัฒนธรรมมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง และที่มากกว่างานกิจกรรมที่ว่า...จนนับครั้งไม่ถ้วนในสมัยที่ผมเล่นดนตรีอยู่ในเมือง และยังพำนักอยู่มาใกล้ไม่ไกลกัน ก็คืองานร่วมดื่มเฮฮาปาร์ตี้ด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลและข้ออ้าง...ทั้งนอกบ้านและในบ้าน (ฮา)
เมื่อครั้งที่ร้าน สุดสะแนน จัดงานคอนเสิร์ตและอ่านบทกวีของผมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 ทั้งสองคนนี้ก็อาสาสมัครมาอ่านบทกวีของผมร่วมกับสุภาพสตรีอีกมากมายหลายท่าน ผมจำได้อย่างแม่นยำ งานคอนเสิร์ตและอ่านบทกวีในค่ำคืนวันนั้นที่ร้านสุดสะแนน คุณเจี๊ยบ เธอเลือกอ่านบางส่วนจากบทกวีขนาดยาวที่ชื่อว่า มาจากไหน จะไปไหน ของผมที่เธอบอกว่าชอบมากๆ 4 บท ที่ผมเขียนแสดงทัศนะเกี่ยวกับชีวิตในมุมมองของผมที่เขียนในปี พ.ศ. 2544 เอาไว้ว่า
โอ้ ชีวิตคิดไปไร้สาระ
เห็นสัจจะรูปรอยการคล้อยเคลื่อน
แห่งชีวิตแห่งวิถีแห่งปีเดือน
มันไหลเลื่อนเป็นวงวัฏสัมพัทธ์กัน
อยู่ในโลกทำความดีมีคุณค่า
บางเวลาก็ขืนขัดอึดอัดอั้น
กับความดีที่น่าเบื่อ...ในบางวัน
ต้องอดกลั้นอดอยากต้องตรากตรำ
อยากจะทำความชั่วก็กลัวบาป
กลัวถูกสาปถูกเสียบถูกเหยียบย่ำ
แต่ความชั่วบางอย่างช่างงามล้ำ
จึงแอบทำบ้างด้วยรักสมัครใจ
ความเป็นคนของเราก็เท่านี้
ทำดีมั่งชั่วมั่งสั่งสมไว้
เมื่อถึงคราวผลบุญบาปมาคาบไป
ต้องชดใช้ตามราคาค่ากรรมเวร
ส่วนคุณ มาลานชา อ่านบทกวีที่ชื่อว่า ไฟชีวิต ซึ่งภายหลังเธอมาบอกผมว่า เธอไม่ได้ชอบงานชิ้นนี้ของผมที่จัดให้เธอเลย เพราะแลดูค่อนข้างเป็นปรัชญาไปสักหน่อย แต่ก็ปรับเปลี่ยนให้ไม่ทัน เพราะเธอมาบอกในนาทีสุดท้ายที่ในงาน
ต่อมา
ผมได้รับเชิญจากชมรมสถาปนิกล้านนาไปเล่นดนตรีพร้อมกับทีมอ่านบทกวีที่คุ้มเจ้าบุรีรัตน์สี่แยกกลางเวียงเชียงใหม่อีกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2554 ผมก็เชิญทั้งคุณอรวรรณและคุณมาลานชาอีก ปรากฏว่าได้แต่ตัวคุณมาลานชา เนื่องจากคุณอรวรรณติดงานตกแต่งร้านกาแฟที่เชียงดาว งานนี้คุณมาลานชาจึงมีเวลาได้เลือกบทกวีของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ที่ชื่อว่า เธอ ที่เธอบอกว่าชอบมากที่สุด...ไปอ่านในงานที่น่ารักของชมรมสถาปนิกล้านนาอย่างสมใจ ดังนี้
เธอคือดวงแก้วมณี
ประดับชีวีแห่งฉัน
เธอคือพลังชีวัน
ผลักชีวิตฉันเจิดจ้า
มีเธอยืนอยู่เคียงใกล้
ใจสู้ฉันดังหินผา
แข็งแกร่งด้วยรักศรัทธา
ทุกวันเวลาใกล้ไกล
หวังเธอจะอยู่เคียงฉัน
ตราบจนชีวันหาไม่
วันนี้พรุ่งนี้ตลอดไป
ในโลกแห่งความหลอกลวง
เธอคือคนรักของฉัน
รักกันด้วยความห่วงหวง
ด้วยใจต่อใจทั้งปวง
เธอคือดวงแก้วมณี
ร้านกาแฟ ชมพู ของคุณอรวรรณ ที่กำลังจะเปิดตั้งอยู่ริมถนนสายที่จะนำไปสู่อำเภอเวียงแหงที่อยู่ติดกับเขตชายแดนพม่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังอุดมไปธรรมชาติทุ่งนา ป่าเขา แม่น้ำ ลำคลอง และโบราณสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ความจริงร้านกาแฟของคุณอรวรรณที่กำลังจะเปิดนี้ เป็นการขยายตัวและตกแต่งเพิ่มเติมจากร้านเก่าที่เธอเปิดเป็นร้านเล็กๆหน้าบ้านของคุณแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขายเสื้อผ้า กางเกง กระโปรง ผ้าซิ่น ถุงย่าม กระเป๋าเงิน กระเป๋าถือ ที่ทำด้วยมือโดยนำผ้าที่มีลวดลายและสีสันสดใสจากชาวเขาเผ่าต่างๆมาออกแบบและตัดเย็บใหม่ผสมผสานกับผ้าฝ้ายและผ้าทั่วๆไป รวมทั้งเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ กำไลมือ ต่างหู ฯลฯ ที่เธอทำมานาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างดี และเป็นที่รู้จักจากปากต่อปาก
ประมาณว่าใครแวะเข้าไปไปร้านของเธอ ไม่ว่าโดยจงใจหรือบังเอิญเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ ยากนักที่จะอดใจไม่อยากได้อะไรสักอย่างติดไม้ติดมือออกมา เพราะงานของเธอที่ทำออกมาแต่ละชิ้นจะเลือกใช้แต่วัสดุที่ดีและคงทน และค่อยๆทำออกมาด้วยฝีมือที่ประณีตและงดงามน่าทึ่ง ตามอุปนิสัยของเธอที่เป็นคนรักสวยรักงามและละเอียดอ่อน
ผมมาดมั่นเอาไว้ว่า
หลังจากร้านกาแฟของเธอเปิดแล้ว ผมจะหาเวลาไปถ่ายรูปและเขียนถึงร้านของเธอแบบละเอียด เผื่อท่านที่เดินทางไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในอำเภอเชียงดาว เช่น ถ้ำเชียงดาว ดอยหลวงเชียงดาว สำนักสงฆ์หลวงปู่สิมถ้ำวัดผาบ่อง สถูปอนุสาวรีย์พระนเรศวรบ้านเมืองงาม โรงละครชุมชนมะขามป้อม หุบเขาผาแดง ของ ภูเชียงดาว นักเขียนหนุ่มเจ้าเสน่ห์เลือดคนเมืองเชียงดาวเต็มร้อย ฯลฯ จะได้แวะเวียนไปพักในร้านอันร่มรื่นเพื่อดื่มน้ำชากาแฟ และซื้อของที่ระลึกฝีมือคุณอรวรรณ ผู้หญิงที่คุณได้พบปะแล้วคุณจะรู้สึกสบายใจ เพราะนอกจากเธอจะมีอุปนิสัยเป็นคนรักสวยรักงามแล้ว เธอยังมีธรรมชาติของคนที่ชอบต้อนรับและบริการให้ความสะดวกสบายแก่ผู้คนที่ไปเยี่ยมเยือนแบบกันเอง
ถ้าหากคุณไม่โชคร้ายไปในวันที่เธอไม่เปิดร้าน
เนื่องจากเมื่อคืน...
คุณเจี๊ยบแกเผลอดื่มมากไปหน่อยเลยโงหัวลุกไม่ขึ้น
ก็ต้องตัวใครตัวมันนั่นแหละครับท่านผู้ชม.
13 กุมภาพันธ์ 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อผมได้อ่าน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แด่...คนเล็กๆทุกๆคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง ฯลฯ หรือมิได้เป็นคนเสื้อสีใดๆ
ที่ตกเป็นเหยื่อกฎหมายหมิ่นฯ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจพิเศษกับคนเล็กๆ ที่ขาดอำนาจต่อรองที่เข้มแข็งในการปกป้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้
แม้แต่รัฐบาลที่พวกเขาหลายคนได้เลือกเข้าไป นั่งอยู่ในรัฐสภา.
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
พุทธภาษิตที่กล่าวว่า
“ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม”
และ “อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก”
ประการแรกยังน่าสงสัยว่าเป็นความจริงโดยหรือไม่
แต่ประการที่สองที่กล่าวว่า อำนาจย่อมเป็นใหญ่ในโลก
เป็นความจริงตามพุทธภาษิตได้กล่าวเอาไว้อย่างแน่แท้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อำนาจ
ไม่ว่าอำนาจนั้น
จะเป็นอำนาจที่ชอบธรรมหรือไม่
ตราบใดที่อำนาจนั้นยังมีอำนาจอยู่
อำนาจนั้น
ย่อมมีอำนาจในการบังคับผู้อยู่ภายใต้อำนาจ
ให้เชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยามเช้า
โอ้ ยามเช้าอันมืดมนของข้า
ยามเช้าที่ข้ามองไม่เห็นหนทางใดๆ
ที่จะนำชีวิตลุล่วงผ่านพ้นวันนี้ไปได้
เพราะข้าได้ใช้ตัวช่วยชีวิตทุกตัว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
จวนจะ 5 โมงเย็น