Skip to main content

 

 

ผมสอบถามเรื่องราว

จากลูกของป้า ซึ่งย้ายมาปลูกบ้านหลังสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.. 2500 เล่าว่า ราวปี พ.. 2503-2504 มีละครสัตว์มาแสดงในงานฤดูหนาวเชียงใหม่ 2 ปีติดต่อกัน ละครสัตว์คณะนี้เป็นชาวภารตะ ละครสัตว์น่าดูและน่าตื่นเต้นมาก หลังคาโรงละครสัตว์เป็นรูปโดมสูง ภายในมีอัฒจันทร์คนดูเรียงรายเป็นวงกลม


ผมซื้อบัตรเข้าชม เสือ 3 ตัว สิงโต 1 ตัวอยู่ในกรง เป็นตาข่ายโปร่ง คนดูนั่งดูบนอัฒจันทร์รอบๆกรง ในกรงมีผู้ชาย 2 คนผู้หญิง 1 คน เธอแต่งตัวด้วยชุดหนังสีดำทะมัดทะแมง สวมรองเท้ายาวหุ้มถึงหน้าแข้ง มือถือแส้ไฟฟ้าสีดำยาวเหยียด จากมือที่ถือตัวแส้ทอดลงสู่พื้นคดเคี้ยวเหมือนหางงู กรงขังเสือถูกเปิดออก เธอและชายสองคนที่เป็นผู้ช่วย สั่งให้เสือออกจากกรง มันอิดออด เธอสั่งเสียงแหลมสูงพร้อมสะบัดแส้ดังควับ เสือจึงคอยเดินออกมาด้วยท่าทางหวาดเกรง ชายสองคนถือไม้ยาวราว 1 เมตร ออกคำสั่งชี้ไม้ให้มันมานั่งหมอบด้านข้าง ชายคนหนึ่งคุมเสือตัวที่ปล่อยไว้ อีกคนมาช่วยผู้หญิงชุดดำ ต้อนเสือที่เหลือพร้อมสิงโตอีก 1 ตัว ออกกรงขังมานอนหมอบเรียงกัน เสือและสิงโตนอนแยกเขี้ยวขาวเป็นพักๆ

เสือตัวแรกถูกสั่งให้กระโดดจากโต๊ะสูง ที่มีเนื้อที่แคบ จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง บางทีมันก็ขัดขืน พอผู้แสดงเป็นผู้หญิงสะบัดแส้ไฟฟ้าควับ เสียงก้อง
2-3 ครั้ง มันก็กระโดดไปอีกโต๊ะจนครบสามโต๊ะ เสือที่เหลือกับสิงโต แสดงเช่นเดียวกัน คนดูเงียบกริบ นั่งดูอย่างตื่นเต้น การแสดงชุดต่อไป เป็นการกระโดดลอดบ่วงบ้าง ยืนสองขาบ้าง บางทีก็สั่งให้มันเลี้ยงตัวบนถังกลมคล้ายถังยางมะตอย ให้มันใช้เท้าดันถังหมุนไปข้างหน้าและข้างหลัง มันทำได้ดี เสียงปรบมือของคนดูดังทุกครั้งที่แสดงแต่ละจุดสิ้นสุดลง คนดูนั่งชมแทบไม่หายใจ บางคนกอดลูกเล็กๆแน่น อดนึกไม่ได้ว่า ถ้ามันหลุดจากกรงใหญ่ออกมา มันจะเป็นอย่างไร จะโกลาหลขนาดไหน

 

การแสดงชุดต่อไป

เป็นการแสดงกายกรรมเหินหาวเวหา หลังการแสดงละครสัตว์จบลง ต่อไปเป็นการแสดงห้อยโหนบนบาร์กลางอากาศ บาร์คือไม้สำหรับจับห้อยโหน หรือแกว่งตัวไปมา เป็นไม้กลมขนาดพอมือจับได้พอดี ยาวเกือบเมตร ผูกเชือกแน่นหนาหัวท้ายของไม้ เชือกที่ผูกหัวท้าย ถูกผูกติดกับเพดานข้างบน มันแกว่งไปมาคล้ายชิงช้า เพียงแต่ที่นั่งของมันเป็นไม้กลม ไม้ผูกเชือกห้อยโหนมี 2 ชุด ผูกแขวนห่างกันโดยอยู่คนละฝั่งของหลังคารูปโดม ใกล้กับบาร์สำหรับจับห้อยโหนทั้งสองฝั่ง จะมีที่ยืนของผู้แสดง สูงจากพื้นมาก ด้านล่างของบาร์ห้อยโหน มีตาข่ายนิรภัยคอยรองรับกรณี ผู้แสดงพลาดพลั้งหล่นลงมา ผู้แสดงแต่งตัวรัดกุมสวยงาม ฝั่งหนึ่งเป็นผู้ชาย 2 คนหญิงสาว 1 คน อีกฝั่งหนึ่งเป็นผู้ชาย 1 คน


การแสดงเริ่มแล้ว

ท่ามกลางสายตาผู้คน ที่จ้องมองด้วยใจระทึกตื่นเต้น ฝั่งผู้ชายคนเดียว เอื้อมมือไปจับบาร์ข้างหน้า แล้วทิ้งตัวไปกับบาร์ แกว่งไปมาแล้วกลับมาหยุดนิ่งที่จุดเริ่มต้น อีกฝั่งก็ทำเช่นกัน เป็นการทดลองดูความเรียบร้อยและอบอุ่นร่างกาย ครางนี้คงแสดงจริง ฝั่งชายคนเดียวจับบาร์ แล้วทิ้งตัวแกว่งไกวไปในอากาศ เขาเหวี่ยงตัวให้แรงและเร็วขึ้น แล้วยกขาทั้งคู่ชี้ขึ้นข้างบนข้ามบาร์ สอดพับบาร์ไว้ด้วยข้อพับตรงหลังเข่าแล้วปล่อยมือทั้งสอง ขาที่หนีบพาตัวเขาแกว่งไกวไปมา ผู้แสดงชายอีกฝั่ง จับบาร์ทิ้งตัวแกว่งไกวตามบ้าง วินาทีหวาดเสียวที่สุดมาถึง เมื่อบาร์ทั้งคู่แกว่งไกวมาใกล้กันครั้งที่สอง ผู้แสดงคนที่สองปล่อยมือจากบาร์ ลอยกลางอากาศเข้าหาผู้แสดง ที่ห้อยหัวแกว่งตัวรออยู่ คนดูเงียบกริบ แหงนมองเขม็งภาพที่เพดานโดมแสดง ประสาททุกส่วนเขม็งเกลียวตึงแทบขาด เอาใจช่วยเต็มที่ เพียงมือทั้งคู่ถึงกัน ก็จับกันอย่างมั่นคง แกว่งตัวไปมาอย่างสวยงาม คนดูปรบมือสนั่นหวั่นไหว โล่งใจไปด้วย ทั้งคู่ยังแกว่งไกวต่อไป แรงและเร็วขึ้น ผู้หญิงอีกฝั่งจับบาร์ของผู้แสดงคนที่สอง แล้วเหวี่ยงให้แรงขึ้น.




บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงร้องเพลงดังขึ้นพร้อมกับอิเล็กโทน แต่ยังไม่ปรากฏตัวผู้ร้อง เร้าใจผู้ชมให้อยากเห็นหน้ายิ่งนัก ครู่เดียว   บนเวทีปรากฏร่างผู้ชาย 2 คน หญิง 2 คน เดินออกมาจากหลังเวที คนแรกเดินถือไมค์ร้องนำออกมา แนวเพลง “พรศักดิ์ ส่องแสง” กล่อมผู้ชมด้วยเพลงยอดฮิตในอดีต “เมียเด็ก” เสียงดีพอใช้ได้ทีเดียว เพ่งดูชัดๆเป็นหัวหน้าคณะช่างซอ สิงห์คำนั่นเอง ยังคงสวมชุดเดิม ช่างซออีก 3 คนเต้นเป็นหางเครื่อง สะบัดแข้งขาหมุนตัวพอใช้ได้ ช่างซอหญิงทั้ง 2 คน เปลี่ยนนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อแขนกุดสีสดใส …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านเดินมาหน้าเวที   ยื่นใบแดงให้ฝ่ายชาย 1 ใบ   ฝ่ายหญิงอีก 1 ใบ   ผู้รับก้มไหว้ในท่าที่คิดว่าสวยที่สุด   ยังไม่พอ   ผู้ขับซอทั้ง 4 คน ประกอบด้วย   สิงห์คำ   แจ่มจันทร์   ก้าน   ผ่องพรรณ   คนหลังนี่เนาวรัตน์จ้องดูเธอมากกว่าใคร   เธอสวยทันสมัยถูกใจมาก   ทุกคนช่วยกันขับซออ้อนรายต่อไป   มีรายชื่อในสมองมากมาย   รวมทั้งในกระดาษและที่มีคนกระซิบบอกอีกหลายชื่อ   เป็นช่วงเวลาเป็นเงินเป็นทองของพวกเขา  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใครบ้างไม่ชอบ ความสวยงาม คนสวยคนหล่อ ดวงอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกยอดดอย อาหารอร่อย กาแฟรสเข้ม ทะเลกับหาดทราย สวนดอกไม้นานาพันธุ์   เสียงนกร้อง น้ำตกสาดซัดหินผา    สายลมต้องใบไม้ผะแผ่ว ระฆังชายคาโบสถ์วะแว่ว และเสียงมนุษย์ที่ขับขานเป็นท่วงทำนองเสียงเพลง ผมชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงเมื่อเรียนชั้นประถมศึกษา พอโตก็ร้อง เคยร้องกับวงดนตรีครูดอย ชื่อวง “สนเกี๊ยะ” คนร้องกับดนตรีไปคนละทาง เรียกว่าร้องไม่เป็นสรรพรส ทำให้นักดนตรีวุ่นวายทั้งวง เขาคงกลัวจะเสียชื่อ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ความหนาวเย็นแห่งฤดูหนาว จากไปโดยไม่ล่ำลา ลมร้อนพัดเข้ามาแทน แม้ไม่เชื้อเชิญ ระหว่างรอยต่อปลายกุมภาพันธ์ ได้ยินเสียงนก “ปิ้ดจะลิว”(นกกรงหัวจุก) ส่งเสียง “ปิ้ดจะลิวๆ” ตอนเช้าตรู่ ยังไม่เห็นตัวเสียงมาก่อน นกจี๋เจี๊ยบ(นกกางเขน)ส่งเสียงแหลมสูงเจื้อยแจ้วประชัน จักจั่นเป็นฝูงส่งเสียงแซ่สนั่นที่ต้นสักข้างบ้าน ไม่เห็นตัวอีกเช่นกัน เหมือนนักร้องลูกทุ่งดัง ระดับหัวหน้าวง ต้องร้องอยู่หลังม่านเวทีสักท่อนหนึ่งก่อน แล้วจึงค่อยเดินตัวตรงมาดเท่ในชุดสากล ปรากฏตัวต่อมิตรรักแฟนเพลง น้ำแม่ขานที่คั่นระหว่างบ้านทุ่งแป้ง(อำเภอสันป่าตอง) …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอทราบข่าว ผลการประกวดภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2553 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บิช เมื่อค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2554 ว่า ผู้ได้รับรางวัล ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นสาวน้อยวัย 18 ปี หน้าตาใสๆ น่ารัก ชื่อ “หนูนา” หนึ่งธิดา โสภณ(160 ซ.ม./44 กก.) จากหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” เธอสามารถทำคะแนนนำสาวพลอย เฌอมาลย์ สาวสวยเข้มฝีมือจัดจ้าน ที่แสดงเรื่อง “ ชั่วฟ้าดินสลาย” จากบทประพันธ์ของ “เรียมเอง” หรือ มาลัย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมสูดปากเบาๆ มันแสบตาแทบลืมไม่ขึ้น น้ำตาเริ่มไหล “ลุงขยับหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ให้คางวางบนแผ่นพลาสติก หน้าผากชิด นั่งนิ่งๆนะครับ.” หมอหนุ่มเริ่มหมุนกล้องที่ติดกับส่วนที่ผมวางคาง ปรับกล้องจนผมรู้สึกว่าผิวเลนซ์กล้องมันแทบติดดวงตา แสงไฟสว่างจ้าเข้มลำเล็กพุ่งเข้าดวงตา หมอตรวจทั้งสองข้าง ปากก็พูดพึมพำ “ความดันตาปรกติ” หมอปรับระยะกล้องตรวจใหม่ บอกผมให้วางคางบนแผ่นพลาสติก ส่วนหน้าผากชิดติดกับแผ่นเหล็กข้างหน้า ฝ่ามือผมทั้งคู่วางบนโต๊ะเพื่อทรงตัว หมอส่องกล้องตรวจตาทีละข้างอีกรอบ ให้ผมกลอกตามองข้างบน แล้วมองล่าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล   รอหมอนานๆน่าเบื่อ ส่วนใหญ่นั่งเงียบที่แถวเก้าอี้ หูคอยฟังนางพยาบาลเรียกพบหมอ ส่วนตานั้นจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของนางพยาบาล บางคนฆ่าเวลาด้วยการพูดคุยกับคนข้างเคียง ได้ยินนางพยาบาลที่ประจำห้องตรวจรียกชื่อคนไข้เป็นระยะๆ แล้วผายมือให้นั่งรอคิวที่เก้าอี้ข้างประตูห้องตรวจ นั่งรอหมอนานๆไม่รู้ทำอะไร ผมฆ่าเวลาโดยมองดูสิ่งรอบๆตัวให้สบายตา ดูพยาบาลชุดขาวสะอาด ผิวขาวสะอาดสะอ้าน คนนี้หน้าสวย คนนั้นตาสวย คนนี้พูดเพราะ ทุกคนเคลื่อนไหวตลอด บ้างก้มหน้าพิมพ์ข้อมูลที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันนี้ขับรถยนต์ จากบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตอง เวลา 7.32 น หมอนัดตรวจตา ที่โรงพยาบาลสวนดอก(มหาราช) เชียงใหม่ เป็นช่วงเวลาเร่งรีบของทุกคน บ้างรีบไปทำงาน บ้างรีบไปเรียนหนังสือ ถนนจึงมากมายด้วยรถรา พอวิ่งเข้าเขตตัวอำเภอสันป่าตอง รถเริ่มติด และติดหนาแน่นขึ้นเมื่อวิ่งเข้าเขตอำเภอหางดง เริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ รถจักรยานยนต์วิ่งกันหวาดเสียว วิ่งเร็ว แซงซิกแซกซ้ายขวา รถวิ่งเลียบตามคูเมืองด้านนอก ไปช้าๆ ผ่านหน้าโรงพยาบาลสวนดอกแล้ว เคลื่อนตัวช้ามาก ถนนมีเท่าเดิม รถมากขึ้นทุกๆวัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมขับรถออกจากบ้าน คุณแม่จันทร์สม สายธารา เลี้ยวซ้ายปากซอย มุ่งตรงกลับบ้าน อดนึกถึงคำพูดของ พ่อครูคำผาย นุปิง ศิลปินแห่งชาติ ประเภทเพลงพื้นบ้าน-ขับซอ ปี พ.ศ. 2538 ที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ต หัวข้อ “ ซอพื้นบ้านล้านนา คุณค่าแห่งดนตรีที่ถูกเมิน” “ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของซออีกต่อไป ในอดีตซอได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่บ้านล้านนาไปที่ไหนๆก็มีซอ ซอสมัยก่อนได้เงินหลักร้อย ซึ่งถือว่าสูงมากในเวลานั้น แตกต่างจากตอนนี้ที่มีเด็กรุ่นใหม่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สนใจจะเรียนซอกันอย่างจริงจัง กลุ่มคนฟังในปัจจุบัน …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ลองอ่านความหมาย คำว่า “รัก” ของนักเขียนเอเชียชาวญี่ปุ่น เจ้าของรางวัลโนเบลปี ค.ศ.1968 เขาคือ ยาสึนาริ คาวาบาตะ กล่าวในงานเขียนของเขาชื่อ “เสียงแห่งขุนเขา”