Skip to main content

เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา
“เจียงใหม่” ครั้งกระนั้นเป็นอย่างไร อยากฉายภาพให้คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันได้รับรู้ อยากเล่าเรื่องราวที่ผมได้พบเห็น ได้โลดแล่นบนแผ่นดินนี้ ได้เดินไปมาบนถนน ได้หายใจได้สัมผัส และยังเหลือร่องรอยเค้าเดิม มากบ้างน้อยบ้าง ให้ผู้คนในวันนี้ได้มองเห็นบ้านเรือน ถนนหนทาง สะพานนวรัฐ เจดีย์กิ๋ว เจดีย์หลวง ประตูท่าแพ ดอยสุเทพ ห้วยแก้ว ฯลฯ วัฒนธรรมอันดีงามของคนเมือง ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานกับปัจจุบันได้ โดยสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ สิ่งตีพิมพ์เก่าได้ไม่ยากนัก


มีความจริงประการหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนั้น มันไม่ใช่จะเปลี่ยนไปปุบปับรวดเร็วเหมือนภาพในจอโทรทัศน์ แต่มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างช้าๆ เช่น การสาดน้ำในวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่
13- 15 เมษายน เดิมนั้นจะมีผู้คนเล่นน้ำกันหนาแน่นที่สะพานนวรัฐ หรือที่คนเมืองเรียกว่า “ขัวเหล็ก” แล้ว กระจายยาวตลอดถนนท่าแพ ถนนอื่นๆรอบเมือง มีการเล่นสาดน้ำกันเป็นจุด จุดหนึ่งมีหลายคน รอบๆคูเมืองไม่มีการเล่นน้ำเลย หรือน้อยมากๆ มีเพียงเด็กไม่กี่คนสาดน้ำ บางทีก็ว่ายน้ำในคูเมือง แต่วันนี้มีคนเล่นน้ำรอบคูเมืองกันแน่นหนามากเลย ถนนเต็มไปด้วยผู้คน รถราวิ่งไม่ได้ กลับกลายเป็นถนนคนเดิน ถนนคนเล่นน้ำ...เหตุการณ์ครั้งนั้น ผมยังอยู่ในวัยเด็ก เป็นวัยที่ว่ากันว่า จดจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ดี ปรากฏเป็นภาพชัดเจนในยามนึกถึง ขอเริ่มเลยนะครับ

ในวันเสาร์วันอาทิตย์
เด็กๆอย่างผมจะไปเที่ยวที่ไหน ห้วยแก้ว สวนรุกขชาติ สวนสัตว์ โรงหนัง ไกลออกไปอีกนิดเป็นดอยสุเทพ การไปดูหนังนั้น อายุราว 10-11 ขวบ พ่อแม่จะเป็นผู้พาไปดู โดยย่าจะบอกผมให้ทราบตั้งแต่ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน วันนั้นผมรู้สึกตื่นเต้น โรงเรียนเลิกรีบกลับบ้าน อาบน้ำกินข้าว แล้วย่าจะพาผมเดินออกบ้านตั้งแต่ตอนเย็น ไปถึงโรงหนังย่าจะซื้อตั๋วชั้นหน้าสุด ราคาใบละ 3 บาท ชั้นหน้าสุดมีม้านั่งยาวราว 5 แถว แยกเป็นสองฝั่ง มีทางเดินตรงกลางและสองข้าง ย่าหลานพากันไปนั่งแถวหลังสุด 2 ที่ ย่าล้วงเสื้ออีกตัวที่ซ่อนไว้มาวางที่ว่างระหว่างเราทั้งสอง กะเนื้อที่เท่ากับคนที่นั่งสองคน เป็นการจองที่เผื่อพ่อแม่ที่จะตามมาทีหลัง ย่าชอบดูหนังอินเดีย ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระศิวะ พระนารายณ์ ยักษ์มารทั้งหลาย ย่าบอกว่าเป็นเรื่องที่มีในธรรม

ส่วนแม่จะชอบหนังบู้ประเภทคาวบอยฝรั่ง เช่นเรื่อง “สองสิงห์เมืองเสือ” แสดงนำโดย เบิร์ตแลง คาสเตอร์ แกรี่ คูปเปอร์ “เชน”
(SHANE) แสดงนำโดย อแลน แลดด์ “เจ็ดคู่ชู้ชื่น” “แด่คุณครูด้วยดวงใจ” แสดงนำโดยพระเอกผิวหมึก ซิดนีย์ ปอยเตียร์ “แซมซั่น” เป็นหนังที่พระเอกทรงพลัง ถ้าถูกตัดผมจะหมดแรง มีฉากต่อสู้สิงโตด้วยมือเปล่า น่าดูมากครับ อีกเรื่องที่พระเอกทรงพลังคือ “เฮอร์คิวลิส” มีการแห่รถโฆษณาไปตามถนนต่างๆในเมืองเชียงใหม่ บนหลังรถมีนักกล้ามนุ่งผ้าเตี่ยวเล็กๆ ใส่หนวดเคราปลอมผมปลอม มีโซ่ผูกข้อมือ มีทหารถืออาวุธล้อมรอบ นางเอกนั่งทำตาละห้อยใกล้ๆพระเอก คนยืนดูตามริมถนน เด็กๆวิ่งตามกันเกรียว ฯลฯ


ส่วนพ่อดูได้หมด ไม่ขัดคอใคร จะชอบน้อยชอบมากไม่เคยพูดให้แม่เคือง ผมเลยติดนิสัยพ่อดูได้ทุกประเภท พอโตขึ้นอีกนิด กลางคืนในวันศุกร์วันเสาร์ หากไม่ทราบจะไปไหน ผมกับเพื่อน
4-5 คน เดินไปเที่ยวตามโรงหนังต่างๆ ไปดูรูปภาพหนังเรื่องต่างๆ ที่ติดในกระดานมีกระจกปิดตามหน้าโรง หน้ากระจกจะมีตัวหนังสือบอกว่า ฉายวันนี้ ฉายโปรแกรมหน้า เรียกตามภาษาพวกเราว่า “ดูหนังแผ่น” รวมทั้งดูคนมาเที่ยวและชมแสงสี

พวกเราจะเดินชมตั้งแต่โรงหนังศรีนครพิงค์ ซึ่งอยู่ปลายถนนราชวงค์ ต่อไปเป็นโรงหนังเวียงพิงค์
(เดิมชื่อศรีเวียง) ย่านช้างคลาน ชมหมดแล้วเดินย้อนออกมา เดินคุยกับเพื่อนมาตามถนนท่าแพ เดินมาครู่หนึ่งถึงร้านตันตราภัณฑ์ ตาก็มองดูรถราผู้คนตามถนน จนมาถึงโรงหนังศรีวิศาล (ตงก๊ก) หน้าโรงมีลานกว้างสำหรับฝากรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ เมื่อหนังเริ่มฉาย เสียงเพลงหน้าโรงจะปิดเงียบ ผู้คนจะเปลี่ยนเป็นโหรงเหรง โรงหนังนี้ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด เปิดผ้าม่านเข้าไป กลิ่นปัสสาวะฉุนกึก ผมเคยเข้าไปดูหลายครั้ง ก่อนหนังฉายต้องไปฉี่ ออกมาแทบเวียนหัวกับกลิ่นฉุนรุนแรงของห้องน้ำ ที่นั่งเป็นไม้ที่เป็นแถวยาว เป็นที่นั่งเดียวติดกันตลอดแถว แถวเก้าอี้วางเรียงอยู่สองฝั่งหน้าจอหนัง มีทางเดินตรงกลางและสองข้าง พอเปิดประตูโรงหนังเข้าไป จะเจอพัดลมตัวใหญ่เบ้อเริ่มตั้งบนพื้น ตรงกับทางเดินแถวกลาง ใบพัดลมเป็นสีแดง พัดแรงมากเสียงดังพับๆเมื่อเปิดครั้งแรกแล้วดังหึ่งๆ เมื่อพัดเร็วเต็มที่ ที่นั่งของผู้ชม บางตัวบางแถวจะมีตัวเรือดอาศัยอยู่ตามซอกหลืบของไม้ ดูหนังเพลินๆ มันจะกัดเจ็บจิ๊ดตรงก้น โคนขา บางทีมันเกาะกางเกงหรือกระโปรงไปขยายพันธุ์ที่บ้าน โรงหนังที่มีเรือด ได้แก่ ศรีนครพิงค์ ศรีวิศาล เวียงพิงค์

เมื่อเราดูหนังหมดทุกมุมแล้ว กำลังขาเด็กยังกระฉับกระเฉง ออกจากโรงย้อนมาทางเดิม เลี้ยวซ้ายไปตามถนนท่าแพทางทิศตะวันตก บนถนนรถราเริ่มเบาบาง รถยนต์ไม่มีมากมายนัก รถจักรยานยนต์มีบ้าง ที่มากเป็นจักรยาน รองลงไปเป็นสามล้อปั่น ถนนท่าแพเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางธุรกิจ ห้างตันตราภัณฑ์อยู่ตรงข้ามตรอกเล่าโจ๊ หรือซอยเมรุ โดยมีถนนท่าแพคั่นกลาง
.

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงร้องเพลงดังขึ้นพร้อมกับอิเล็กโทน แต่ยังไม่ปรากฏตัวผู้ร้อง เร้าใจผู้ชมให้อยากเห็นหน้ายิ่งนัก ครู่เดียว   บนเวทีปรากฏร่างผู้ชาย 2 คน หญิง 2 คน เดินออกมาจากหลังเวที คนแรกเดินถือไมค์ร้องนำออกมา แนวเพลง “พรศักดิ์ ส่องแสง” กล่อมผู้ชมด้วยเพลงยอดฮิตในอดีต “เมียเด็ก” เสียงดีพอใช้ได้ทีเดียว เพ่งดูชัดๆเป็นหัวหน้าคณะช่างซอ สิงห์คำนั่นเอง ยังคงสวมชุดเดิม ช่างซออีก 3 คนเต้นเป็นหางเครื่อง สะบัดแข้งขาหมุนตัวพอใช้ได้ ช่างซอหญิงทั้ง 2 คน เปลี่ยนนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อแขนกุดสีสดใส …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านเดินมาหน้าเวที   ยื่นใบแดงให้ฝ่ายชาย 1 ใบ   ฝ่ายหญิงอีก 1 ใบ   ผู้รับก้มไหว้ในท่าที่คิดว่าสวยที่สุด   ยังไม่พอ   ผู้ขับซอทั้ง 4 คน ประกอบด้วย   สิงห์คำ   แจ่มจันทร์   ก้าน   ผ่องพรรณ   คนหลังนี่เนาวรัตน์จ้องดูเธอมากกว่าใคร   เธอสวยทันสมัยถูกใจมาก   ทุกคนช่วยกันขับซออ้อนรายต่อไป   มีรายชื่อในสมองมากมาย   รวมทั้งในกระดาษและที่มีคนกระซิบบอกอีกหลายชื่อ   เป็นช่วงเวลาเป็นเงินเป็นทองของพวกเขา  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใครบ้างไม่ชอบ ความสวยงาม คนสวยคนหล่อ ดวงอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกยอดดอย อาหารอร่อย กาแฟรสเข้ม ทะเลกับหาดทราย สวนดอกไม้นานาพันธุ์   เสียงนกร้อง น้ำตกสาดซัดหินผา    สายลมต้องใบไม้ผะแผ่ว ระฆังชายคาโบสถ์วะแว่ว และเสียงมนุษย์ที่ขับขานเป็นท่วงทำนองเสียงเพลง ผมชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงเมื่อเรียนชั้นประถมศึกษา พอโตก็ร้อง เคยร้องกับวงดนตรีครูดอย ชื่อวง “สนเกี๊ยะ” คนร้องกับดนตรีไปคนละทาง เรียกว่าร้องไม่เป็นสรรพรส ทำให้นักดนตรีวุ่นวายทั้งวง เขาคงกลัวจะเสียชื่อ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ความหนาวเย็นแห่งฤดูหนาว จากไปโดยไม่ล่ำลา ลมร้อนพัดเข้ามาแทน แม้ไม่เชื้อเชิญ ระหว่างรอยต่อปลายกุมภาพันธ์ ได้ยินเสียงนก “ปิ้ดจะลิว”(นกกรงหัวจุก) ส่งเสียง “ปิ้ดจะลิวๆ” ตอนเช้าตรู่ ยังไม่เห็นตัวเสียงมาก่อน นกจี๋เจี๊ยบ(นกกางเขน)ส่งเสียงแหลมสูงเจื้อยแจ้วประชัน จักจั่นเป็นฝูงส่งเสียงแซ่สนั่นที่ต้นสักข้างบ้าน ไม่เห็นตัวอีกเช่นกัน เหมือนนักร้องลูกทุ่งดัง ระดับหัวหน้าวง ต้องร้องอยู่หลังม่านเวทีสักท่อนหนึ่งก่อน แล้วจึงค่อยเดินตัวตรงมาดเท่ในชุดสากล ปรากฏตัวต่อมิตรรักแฟนเพลง น้ำแม่ขานที่คั่นระหว่างบ้านทุ่งแป้ง(อำเภอสันป่าตอง) …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอทราบข่าว ผลการประกวดภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2553 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บิช เมื่อค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2554 ว่า ผู้ได้รับรางวัล ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นสาวน้อยวัย 18 ปี หน้าตาใสๆ น่ารัก ชื่อ “หนูนา” หนึ่งธิดา โสภณ(160 ซ.ม./44 กก.) จากหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” เธอสามารถทำคะแนนนำสาวพลอย เฌอมาลย์ สาวสวยเข้มฝีมือจัดจ้าน ที่แสดงเรื่อง “ ชั่วฟ้าดินสลาย” จากบทประพันธ์ของ “เรียมเอง” หรือ มาลัย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมสูดปากเบาๆ มันแสบตาแทบลืมไม่ขึ้น น้ำตาเริ่มไหล “ลุงขยับหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ให้คางวางบนแผ่นพลาสติก หน้าผากชิด นั่งนิ่งๆนะครับ.” หมอหนุ่มเริ่มหมุนกล้องที่ติดกับส่วนที่ผมวางคาง ปรับกล้องจนผมรู้สึกว่าผิวเลนซ์กล้องมันแทบติดดวงตา แสงไฟสว่างจ้าเข้มลำเล็กพุ่งเข้าดวงตา หมอตรวจทั้งสองข้าง ปากก็พูดพึมพำ “ความดันตาปรกติ” หมอปรับระยะกล้องตรวจใหม่ บอกผมให้วางคางบนแผ่นพลาสติก ส่วนหน้าผากชิดติดกับแผ่นเหล็กข้างหน้า ฝ่ามือผมทั้งคู่วางบนโต๊ะเพื่อทรงตัว หมอส่องกล้องตรวจตาทีละข้างอีกรอบ ให้ผมกลอกตามองข้างบน แล้วมองล่าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล   รอหมอนานๆน่าเบื่อ ส่วนใหญ่นั่งเงียบที่แถวเก้าอี้ หูคอยฟังนางพยาบาลเรียกพบหมอ ส่วนตานั้นจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของนางพยาบาล บางคนฆ่าเวลาด้วยการพูดคุยกับคนข้างเคียง ได้ยินนางพยาบาลที่ประจำห้องตรวจรียกชื่อคนไข้เป็นระยะๆ แล้วผายมือให้นั่งรอคิวที่เก้าอี้ข้างประตูห้องตรวจ นั่งรอหมอนานๆไม่รู้ทำอะไร ผมฆ่าเวลาโดยมองดูสิ่งรอบๆตัวให้สบายตา ดูพยาบาลชุดขาวสะอาด ผิวขาวสะอาดสะอ้าน คนนี้หน้าสวย คนนั้นตาสวย คนนี้พูดเพราะ ทุกคนเคลื่อนไหวตลอด บ้างก้มหน้าพิมพ์ข้อมูลที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันนี้ขับรถยนต์ จากบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตอง เวลา 7.32 น หมอนัดตรวจตา ที่โรงพยาบาลสวนดอก(มหาราช) เชียงใหม่ เป็นช่วงเวลาเร่งรีบของทุกคน บ้างรีบไปทำงาน บ้างรีบไปเรียนหนังสือ ถนนจึงมากมายด้วยรถรา พอวิ่งเข้าเขตตัวอำเภอสันป่าตอง รถเริ่มติด และติดหนาแน่นขึ้นเมื่อวิ่งเข้าเขตอำเภอหางดง เริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ รถจักรยานยนต์วิ่งกันหวาดเสียว วิ่งเร็ว แซงซิกแซกซ้ายขวา รถวิ่งเลียบตามคูเมืองด้านนอก ไปช้าๆ ผ่านหน้าโรงพยาบาลสวนดอกแล้ว เคลื่อนตัวช้ามาก ถนนมีเท่าเดิม รถมากขึ้นทุกๆวัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมขับรถออกจากบ้าน คุณแม่จันทร์สม สายธารา เลี้ยวซ้ายปากซอย มุ่งตรงกลับบ้าน อดนึกถึงคำพูดของ พ่อครูคำผาย นุปิง ศิลปินแห่งชาติ ประเภทเพลงพื้นบ้าน-ขับซอ ปี พ.ศ. 2538 ที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ต หัวข้อ “ ซอพื้นบ้านล้านนา คุณค่าแห่งดนตรีที่ถูกเมิน” “ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของซออีกต่อไป ในอดีตซอได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่บ้านล้านนาไปที่ไหนๆก็มีซอ ซอสมัยก่อนได้เงินหลักร้อย ซึ่งถือว่าสูงมากในเวลานั้น แตกต่างจากตอนนี้ที่มีเด็กรุ่นใหม่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สนใจจะเรียนซอกันอย่างจริงจัง กลุ่มคนฟังในปัจจุบัน …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ลองอ่านความหมาย คำว่า “รัก” ของนักเขียนเอเชียชาวญี่ปุ่น เจ้าของรางวัลโนเบลปี ค.ศ.1968 เขาคือ ยาสึนาริ คาวาบาตะ กล่าวในงานเขียนของเขาชื่อ “เสียงแห่งขุนเขา”