ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากทะเล
ป่าและเขาก็อยู่ไม่ไกล มีคลองส่งน้ำจากเขื่อนผ่านพื้นที่อย่างทั่วถึง ทำนาได้ปีละสองครั้ง ด้านป่าบนติดเขื่อน เขาปลูกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ได้ผลที่มีรสชาติไม่น้อยไปกว่าทางภาคใต้หรือทางภาคตะวันออก แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ ถนัดปลูกผัก เพราะเก็บขายได้ตลอดทั้งปี
แต่ละวันจะมีรถสิบล้อขนผักผลไม้ วันละหลายสิบคันวิ่งจากตำบลต่างๆ ในอำเภอ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ พระประแดง สมุทรปราการ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ฯลฯ พร้อมด้วยผลิตผลทางการเกษตรสารพัดอย่าง ตั้งแต่ของจำเป็นในครัวอย่าง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว พริก หอม กระเทียม ไปจนถึงผักเจ้าประจำบนแผงผักทั้ง กะเพราะ โหระพา สะระแหน่ บวบ ผักกาดขาว ผักกาดหอม คื่นช่าย ผักชี มะระ แมงลัก คะน้า มะเขือ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ฯลฯ และผักพื้นบ้านขาจรอย่าง มะแว้ง ผักหวาน ขี้เหล็ก หัวปลี มะรุม บัวบก ฯลฯ
ชาวบ้านที่ปลูกผักขาย มีงานทำทุกวัน ใครขยันปลูกขยันเก็บก็ได้มาก หรือจะไปหาเก็บผักตามหัวไร่ปลายนามาขาย ก็ยังพอได้ค่ากับข้าว
ใบและดอกขี้เหล็กต้มสุก กิโลกรัมละ 10 บาท
มะแว้ง กิโลกรัมละ 20 บาท
พริกเขียว กิโลกรัมละ 20 บาท,พริกแดงกิโลกรัมละ 25 บาท
มะเขือพวงกิโลกรัมละ 20 บาท
กล้วยน้ำว้าหวีละ 7-10 บาท
ฯลฯ
ทุกหมู่บ้าน จะมีอย่างน้อยหนึ่งคน ที่มีอาชีพเป็นแม่ค้าคนกลาง รับซื้อพืชผักจากชาวบ้านขึ้นรถไปขายที่กรุงเทพฯ
เช้าถึงบ่าย รับซื้อผัก พอตกเย็นก็ขนผักขึ้นรถสิบล้อ ไปถึงตลาดตอนค่ำ นั่งขายไปจนสาย พอของหมดก็กลับมาบ้าน พักคืนหนึ่ง วันต่อมาก็เริ่มรับซื้อผักอีก
ชีวิตเป็นวัฏจักรวันเว้นวัน เงินต่อเงิน
เหนื่อย แต่เงินดี และหยุดพักนานกว่าสองวันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียแผงของตัวเองให้คนอื่นไป
แรกทีเดียว ก็ยังมีอยู่แค่ไม่กี่คน แต่พอคนอื่นเห็นว่าเงินดี ก็เริ่มทำกันบ้าง ซี่งก็เป็นผลดีสำหรับชาวบ้าน เพราะเมื่อมีแม่ค้าหลายเจ้า ก็มีตัวเลือกตามชอบใจ
แม่ค้าบางคน จะซื้อแต่ของดี ราคาแพงหน่อยก็ยอม
แม่ค้าบางคน ให้ราคาถูก แต่ไม่เรื่องมากเรื่องคุณภาพ
แม่ค้าบางคน จ่ายเงินสด มีของมาขาย ก็เอาเงินไปเลย
แม่ค้าบางคน ชอบติดเงินชาวบ้าน ติดหลายหนจนชาวบ้านจำได้ไม่ครบ
แม่ค้าบางคน ชาวบ้านต้องเอาของไปส่งเอง
แม่ค้าบางคน เอารถวิ่งมารับซื้อถึงหน้าบ้าน
แม่ค้าบางคน มาเก็บของเองถึงในบ้าน ไม่ต้องลำบากคนซื้อ แต่ถ้าไม่ระวัง แม่ค้าก็อาจจะมาเก็บแล้วไม่บอก ถ้าไม่ทวง แม่ค้าก็เฉยเสีย
ฯลฯ
ใครใคร่ค้าแบบไหน ก็ตามชอบใจ
ชีวิตแม่ค้า รายได้ดี กลับมาบ้านที นับเงินเป็นฟ่อน แต่ราคาที่ต้องจ่าย คือเวลาที่ให้ครอบครัว
แม่ค้าหลายคน แม้จะมีเงินทองจนปลูกบ้านหลังเบ้อเริ่ม มีรถหกล้อของตัวเอง มีรถเก๋ง รถกระบะอีกอย่างละคัน แต่กลับไม่มีเวลาอยู่บ้าน ไม่มีโอกาสได้ใช้เงิน ไม่มีเวลาได้อยู่กับครอบครัว มีลูกก็ต้องฝากคนอื่นเลี้ยง มีบ้านก็ต้องฝากคนอื่นดูแล จนกระทั่งลูกเกือบจะลืมหน้าพ่อแม่
ในวันที่ได้หยุดพัก
บางคนใช้เวลาหมดไปกับการนั่งจั่วไพ่
บางคนเอาเงินไปใช้จ่ายหาความสุขนอกบ้าน
แต่บางคนไปไหนไม่ได้เพราะเงินทุกบาทต้องเอาไปใช้หนี้
จำนวนไม่น้อยที่ทำงานนอกบ้านเสียจนไม่สนิทกับคนในบ้าน พอกลับมาแล้วรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
แม่ค้า พ่อค้าคนกลาง เงินผ่านมือวันละเป็นหมื่น มีเงินฝากเป็นแสนๆ แต่บางคน ลูกติดยา
ให้ค่าขนมลูกได้วันละหลายร้อย แต่เวลาไม่มีจะให้ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตไฟลัมใหม่(ทันสมัยแบบคนเมือง) : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน
จานรับสัญญาณดาวเทียมจานใหญ่ตั้งโชว์อยู่หน้าบ้าน
จักรยานยนต์รุ่นใหม่ 2-3 คันจอดเรียงกันอยู่ในโรงรถ ข้างรถกระบะป้ายแดง
ชีวิตทุกวันสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยเงิน เงิน และ เงิน
น้ำใจ มีมากไม่ได้ เพราะมันทำให้ได้กำไรลดลง
คนมุ่งเข้าสู่อาชีพแม่ค้า พ่อค้าคนกลาง ด้วยเหตุผลเดียว “เงินมันดี”
กับราคาที่ต้องจ่าย คุ้มหรือไม่ ก็บริหารกันเอาเอง
“น้องรุ่ง” สาวคนขยัน อยู่บ้านช่วยแม่ปลูกผัก ได้เก็บขายวันละหลายตังค์ บางทีก็เอาไปขายเองที่ตลาด อาศัยว่าเจรจาเก่ง จึงเป็นแม่ค้าสมัครเล่นฝีมือดี
วันหนึ่ง น้าอิ่ม แม่ค้าคนกลางในหมู่บ้าน มาชวนไปทำงานด้วยกัน แกจะจ้างให้น้องรุ่งไปช่วยขายของที่กรุงเทพฯ ให้เงินวันละสองร้อย ถ้าผ่านสามเดือนจะให้วันละสองร้อยห้าสิบ
น้องรุ่ง ส่ายหน้าอย่างไม่ต้องคิด
“หนูอยู่บ้านสบายกว่า จะกิน จะนอน ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องอดตาหลับขับตานอนขายของตั้งแต่ค่ำถึงเช้า อยู่บ้านปลูกผักได้วันละร้อยสองร้อยหนูก็พอใจแล้ว ที่สำคัญ...”
น้องรุ่งเว้นวรรคยิ้มอายๆ
“ถ้าไปขายของแล้วหนูจะดูละครทีวีได้ไงละคะ !?”