ศาสนาเจริญที่ใจ
กระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาเป็นข่าวมาสักพัก
และก็เงียบหายไปพร้อมกับคลื่นลมที่ซัดกระหน่ำเป็นระยะๆ
ทว่าการปรากฏขึ้นของข่าวสารการปฏิรูปพระพุทธศาสนาก็เป็นเรื่องสำคัญ
ที่พวกเราทุกคนควรนำมาพินิจพิจารณาและไตร่ตรองว่า
ควรจะใช้ชีวิตอย่างไรในสังคมพุทธทุกวันนี้?
นับแต่มีข่าวพระเดินธุดงค์กลางกรุง ไปจนถึงตรวจสอบการเงินของวัดต่างๆ
การเรียกร้องให้ปฏิรูปมหาเถรสมาคม และกฏหมายเกี่ยวกับพุทธศาสนา
ข้าพเจ้าไม่ได้มีความร้อนใจใดๆ เลย เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
พุทธศาสนาย่อมต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทของสังคมนั้นๆ
ในแต่ละยุคแต่ละสมัย และเอื้อต่อการดำรงไว้ซึ่งพระสัทธรรมคำสอนอย่างแท้จริง
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะมีกฏหมายหรือนโยบายใดๆ ออกมา
ก็ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
ทว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ากลับมองว่า ถ้าหากเราปรารถนาจะดำรงค้ำจุนไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาจริงๆแล้ว
เราควรจะต้องหันกลับมาเริ่มต้นที่ข้างในตนเอง
กลับมาสืบทอดและค้นหาสัจธรรมความจริงข้างในใจ
เพราะคำว่า "ศาสนา" มันก็เป็นสมมติหนึ่ง ที่บัญญัติขึ้นมา
แต่ความจริงแท้แล้ว พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงเรื่องทุกข์และความดับทุกข์
ดังนั้นความจริงแล้ว ความทุกข์และความพ้นจากกองทุกข์ต่างหาก
คือความจริงแท้ของจิตพุทธะที่สามารถจะสืบสานต่อได้จากตัวเราทุกๆ คน
เพราะไม่ว่าศาสนาอันบัญญัติกันมา จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
กฏหมาย นโยบายบ้านเมือง จะออกมาหน้าตาแบบไหน
แต่สัจธรรมความจริง อันได้แก่ ความทุกข์และความดับทุกข์
ก็คือสิ่งที่ดำรงอยู่ไม่แปรผันไปกับสมมติโลก
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตระหนักว่า หากเราทุกคนเกิดมาไม่ว่าจะมีศาสนาใดให้นับถือ
ก็เป็นเรื่องเปลือก เรื่องสมมติ ที่ต้องว่ากันไปตามวิถีโลก
แต่ความจริงแท้คือเรื่องข้างในใจต่างหาก ที่เป็นเรื่องสากล เป็นความจริง
การที่เรามีชีวิตหลงไปตามอารมณ์โลภโกรธหลง มันก็เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกดวงจิต
และการที่เราจะสามารถปล่อยวางความโลภโกรธหลง มันก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกดวงจิตเช่นกัน
ดังนั้น สัจธรรมนี้เอง ที่มันเป็นความจริงแท้อันประเสริฐ
ที่เราทุกคนสามารถเริ่มต้นได้จากตนเอง
ไม่จำเป็นต้องให้รัฐ หรือใครๆ มาออกกฏหมาย นโยบาย
แต่มันคือจิตสำนึกขั้นพื้นฐาน
เป็นเรื่องพื้นฐานของทุกชีวิต
ที่สามารถเข้าถึง เข้าใจ และเรียนรู้สัจธรรม ความจริง ได้จากภายในใจตน
และเมื่อเข้าใจประจักษ์ด้วยตนแล้ว มันย่อมเป็นความเจริญของธรรมในใจ
หรือจะพูดแบบสมมติว่า ศาสนาเจริญในใจ ก็ย่อมก้าวได้ในนัยยะสมมติตรงนี้
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า หนึ่งคนเปลี่ยน หนึ่งคนเปลี่ยน เริ่มเปลี่ยนแปลงจากตนเอง
มันจะก่อเป็นพลวัฒน์ของสังคม ที่ทุกคนประจักษ์แก่ใจตนและขยายๆออกไปสู่คนรอบข้างๆ
แม้เรื่องนี้จะมีรายละเอียดให้กล่าวถึงอยู่อีกมาก
แต่ก็ขอชวนคิดพิจารณาดูแค่นี้แหละว่า
จะสร้างความเจริญศาสนาข้างในใจได้อย่างไร?