Skip to main content

ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา


ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย



30_07_01



ฉันจึงรู้สึกว่าวันเข้าพรรษาเหมือนวันของครอบครัวอีกวัน เสียงเครื่องจักรคัดลำไยของข้างบ้านที่กระหึ่มอยู่ทุกวัน ก็เริ่มเงียบลง


เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงทั้งช้าและเร็ว สลับกันไป พร้อมบรรยากาศของการล้อมวงกินข้าว แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสะอาด


เด็กผู้หญิงที่สลัดคราบชุดนักเรียน เดินจูงมือแม่ ดูโตขึ้นเป็นกอง เธอกำลังเป็นเด็กสาวแรกรุ่น เหมือนดอกไม้บานแรกผลิ แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ มัดผมขึ้นสูง เธอสตาร์ทมอเตอร์ไซค์คันใหม่ที่แม่เพิ่งซื้อให้ไว้ไปโรงเรียน หลังจากสอบติดอันดับต้นๆ ของโรงเรียนรัฐบาลมีชื่อ

30_07_02


ดูจะเป็นวันที่มีความสุข เช่นเดียวกับรอยยิ้มของใครอีกคนที่พลัดหลงมาอยู่ในชุมชนของเรา


ฉันไม่รู้จักชื่อเธอหรอก แต่เธอก็ดูจะอยู่วัยเดียวกันกับหญิงสาวข้างบ้าน เธอสวมเสื้อสีฟ้า ซึ่งเป็นเสื้อของพนักงานประจำร้านก๋วยเตี๋ยวใหญ่ของอำเภอแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นร้านเล็กๆ ที่คนมากินกันแน่นร้านแทบทั้งวัน


รอหน่อยนะคะ วันนี้คนเยอะ”

เธอเดินมาบอกฉัน พร้อมถามว่าจะรับน้ำอะไรดี เธอพูดจาสุภาพ แม้จะมีสำเนียงที่ไม่ชัดและบอกว่าเธอไม่ใช่คนไทย


เธอเดินวนเวียนเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว อยู่รอบโต๊ะ สายตามองไปยังครอบครัว คู่รัก เด็กน้อย คุณลุง คุณป้า ที่มากินด้วยกันในวันหยุดด้วยความกระตือรือร้น ฉันอดคิดไม่ได้ว่า วันพระใหญ่แบบนี้ หากเป็นที่บ้านของเธอ เธอจะทำอะไรบ้าง ใส่ชุดอะไรไปทำบุญ และบ้านของเธอจะทำขนมเองไหม



รอหน่อยนะคะ”

เธอเดินมาบอกอีกครั้ง เธอคงต้องทำหน้าที่นี้ ในเมื่อร้านที่คนขายเป็นชายหญิงคู่สามีวัยกลางคนนั้นกำลังทำแทบไม่ทัน หลายคนกำลังรอพร้อมหน้าตาหิวบึงตึง ฉันพยักหน้าและยิ้มให้เธอเพื่อบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ฉันรอได้ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ในเมื่อร้านนี้มีของอร่อยขนาดนี้


ฉันชำเลืองมองไปยังรอบๆ ร้าน อย่างฆ่าเวลา แล้วจึงเหลือบไปเห็นถังน้ำพร้อมดอกไม้ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งหน้าร้าน

ป้ายกระดาษลายมือโย้เย้นั้นเขียนไว้ว่า ดอกเข้าพรรษา”


30_07_03

ดอกเข้าพรรษา ออกดอกในช่วงฤดูฝน และบานสะพรั่งในช่วงเข้าพรรษา




แต่ละกำมัดรวมกันไว้ประมาณ
7-8 ก้าน ดอกไม้สีขาวที่เป็นพวงระย้า ห้อยลงมาก้านละพวง ใบของมันใหญ่เหมือนใบขิงหรือสมุนไพรอื่นๆ กลีบละมุนและบอบบาง จนอดไม่ได้ที่จะเดินไปชมใกล้ๆ


กำละ 20 บาทค่ะ”

หญิงสาวบอก ฉันสำรวจเงินในกระเป๋า อืม ซื้อไว้สักกำ แล้วก็อยากจะซื้อไปฝากพี่สาวอีกด้วย งั้นเอาสองกำก็แล้วกัน

ปลูกเองเหรอคะ”

ค่ะ บ้านเจ๊เขาปลูก ช่วยตัดมาขาย”

ฉันยิ้มกว้าง อยากเห็นต้นของมันจังเลย หากนับดูในถังใบนั้น น่าจะมีดอกเข้าพรรษาอยู่สัก 20 กำได้ แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ในร้านยังมีกำที่แช่น้ำเอาไว้รอขายอีกไม่ต่ำกว่า 20 กำ


โห มีเยอะจัง มันขึ้นเยอะเลยเหรอคะ”

ใช่ค่ะ มีเต็มเลย กำลังบานสะพรั่ง ออกดอกเฉพาะช่วงนี้ เดี๋ยวก็หมดแล้ว”

เธอช่วยอธิบาย ฉันไม่รีรอที่จะจ่ายเงิน พร้อมปล่อยให้เธอจัดแจงห่อใส่กระดาษ มัดด้วยหนังยาง พร้อมแนะนำฉันว่า



30_07_04




หมั่นเปลี่ยนน้ำนะคะ อยู่ได้เป็นเดือนทีเดียวค่ะ”

ฉันยิ้มขอบคุณ ฉันคงทำตามที่เธอบอกแน่นอน แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันอยากเอาต้นมาปลูกที่บ้านเสียเลยด้วยซ้ำ


กำลังจะอ้าปากถามไถ่ถึงต้นกล้า ว่าจะพอมีขายบ้างไหม เสียงตะโกนของคนในร้านก็เรียกเธอให้ไปเสิร์ฟน้ำ ส่วนฉันกลับไปนั่งที่โต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวของเรามาเสริ์ฟแล้ว แต่น้ำดื่มยังมาไม่ถึง ฉันค่อยๆ ปรุงรสในชามตัวเองอย่างช้าๆ แม้จะรู้สึกหิวแค่ไหน แต่ฉันยังตื่นเต้นกับดอกไม้อยู่ ซึ่งอีกไม่นานนัก หากเธอมัดใส่ห่อเสร็จแล้วก็จะนำมาให้ที่โต๊ะ



แต่แล้ว แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป

ด้วยว่าดอกไม้ที่เธอหยิบมาให้ เดินชนกับคนในร้านที่รีบผลุนผลันออกไปด้วยความโมโหหิว เขายังไม่ได้ก๋วยเตี๋ยวของเขา และเวลานี้ก็น่าจะใกล้บ่ายแล้ว


เด็กสาวทำหน้าจ๋อย แต่เธอไม่บ่น ไม่นึกต่อว่าใครนอกจากตัวเธอเอง

ขอโทษด้วยค่ะ ดอกไม้มันช้ำไปแล้ว พี่จะเปลี่ยนช่อใหม่ไหม”

ฉันเลิกคิ้ว มองไปยังดอกไม้กำนั้น ไม่เป็นไรหรอก แม้จะเปลี่ยนช่อใหม่ กว่าจะกลับถึงบ้านฉัน ดอกไม้ก็อาจจะช้ำกว่านี้ เพราะดอกเข้าพรรษากลีบบางและช้ำง่าย ไม่เหมือนดอกไม้ชนิดอื่น



ฝนยังตกโปรยปรายไม่หยุด เมื่อเดินออกจากร้านมา
เด็กสาวเดินตามมาเอ่ยขอโทษอีกครั้ง เธอดูผูกพันกับดอกไม้เหลือเกิน เธออาจจะอยากหอบกลับไปบ้าน หรือไม่ก็ปลูกมันเอาไว้แล้วก็เป็นได้


แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิด ดอกไม้ช้ำกว่าเดิม กว่าจะฝ่าฝันแรงลมและฝนบนมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้าน

ฉันแกะใส่แจกันเอาไว้ ใส่น้ำและเกลืออย่างที่เธอบอก อดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้

พร้อมกับความรู้สึกลึกๆ ในคืนวันฉ่ำฝนนั้นว่า


30_07_05


ไม่เป็นไรหรอก ถ้าดอกไม้จะช้ำลงไปบ้าง เพราะมีบางอย่างผลิบานและงอกงาม ไม่ช้ำ ไม่โรยรา

แต่ฉันไม่รู้จะหาคำนิยามเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าอย่างไร เท่านั้นเอง.


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
1.อากาศยามเช้าหนาวไอเย็นแผ่วเบา พัดมาจากภูเขาสูงผ่านทางไกล ใกล้รุ่งฝ่าหมอกคลุ้งสีเทา-เทา
วาดวลี
ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว “เธออยากกินเหรอ”ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล “ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้…
วาดวลี
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า กำลังถูกประทับด้วยตราปั๊มสีแดงเพื่อบอก “อนุญาต” ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังพม่า ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพัน ต่อแถวกันอยู่ที่ท่าขี้เหล็กในเขตแม่สายด้วยใบหน้ารอคอย ตั้งแต่ขั้นตอนการทำบัตร ชำระเงิน ตรวจเอกสาร จนกระทั่งพวกเขาจะได้ข้ามพ้นประตูด่านของเจ้าหน้าที่เมื่อนั้น ใบหน้าที่บึ้งตึงก็จะเปลี่ยนเป็น “โล่งอก”ฉันและเพื่อนยืนรออยู่ที่ทำบัตรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ขณะที่เพื่อนกำลังวาดฝันว่าเขาจะซื้ออะไรบ้างจากฝั่งพม่า ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดว่า “เกาะกันไว้นะเดี๋ยวหลง” เพราะคนเยอะขนาดจนมีประกาศหาคนตลอดเวลา ไม่ทันไรฉันก็ถูกดันจากคนข้างหลังให้ขยับเข้าไปข้างหน้า ทั้งที่แถวมันเต็มแล้ว…
วาดวลี
1ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา2“หนาวมากไหม”เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้ ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ …
วาดวลี
1. ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกันวางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง “รกจะตาย” เธอว่า…
วาดวลี
ฤดูหนาวยามสาย แสงตะวันทอดผ่านเรือนร่างของผู้คนและตกกระทบเป็นผืนเงา อยู่ตรงนั้นตรงนี้บนถนน ชักชวนให้นักท่องเที่ยวบางคนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเงาตัวเองเอาไว้ดูเล่น ฉันเองก็เช่นกัน ย้ายระดับสายตาไปอยู่บนผืนดิน แสงเงาจากผู้คนมากมาย มุ่งหน้าไปยังพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยิ้มสรวลหยอกล้อ ขอถ่ายรูปคู่กับบันได ประตู ป้าย และร้านค้า ดูเหมือนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ตื่นเต้นและความสุข ปนเปื้อนเศษเสี้ยวของความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏบนใบหน้าของแม่ค้าหลายคน เงินสดถูกเก็บเข้ากระเป๋า ถุงพลาสติกถูกดึงขึ้น ใส่ของ ดึงขึ้นและใส่ของ…
วาดวลี
“หนาวไหมครับ”ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ขณะหย่อนตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ เราสองคนอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าของใครสักคนหนึ่ง ฉันอยากเรียกแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสถานีรถโดยสารที่จะเดินทางจากตัวเมืองลำปางไปยังแจ้ซ้อนขณะรถเข็นคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ฉันตอบผู้ชายคนนั้นสั้นๆว่า “หนาวนะ” เขาอมยิ้ม กระชับเสื้อให้แน่นขึ้นแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ฉันไม่สนใจเขานัก เอาแต่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพื่อจะหยิบมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้คือกี่โมงแล้ว แต่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาขนาดใหญ่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนจะเป็นต้นมะขาม มันสูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นอย่างดีแก่ท่ารถแห่งนี้…
วาดวลี
ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า  พระจันทร์ดวงกลมโตอวดแสงนวลอยู่บนนั้น แม้คืนนี้มองไม่เห็นดาว  แต่พระจันทร์คงไม่เหงา  ก็บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงไฟสีส้มนับร้อย นับพันดวง วาววับ จนไม่อาจนับจำนวนได้ โคมไฟ หรือ ว่าวไฟ ในเทศกาลลอยกระทง ต่างลอยขึ้นไปตามแรงลม และความร้อนจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างท้าย แม้คนจุดจะมีทั้งชาวเมืองเชียงใหม่ หรือนักท่องเที่ยวจากเมืองอื่น แต่สิ่งที่ฉันได้รู้ในวันนี้ก็คือ สำหรับคนบางคนแล้ว ดาวสีส้มบางดวงนั้นขึ้นไปตามแรงศรัทธาและความเชื่อที่สั่งสมมาตลอดชีวิต“ได้เวลาจุดไฟกันแล้วนะ” ชายชราคนหนึ่งคนตะโกนบอกหลานชาย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
วาดวลี
“พ่อเคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม?”ฉันเคยเอ่ยถามชายชราไว้นานแล้ว ไม่จริงจังในคำพูด และไม่มีประเด็นอะไรมากนัก ฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในวันรื้อถอนบ้านเก่าที่ผุพังเพราะน้ำท่วม จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ ............ที่ดินของเราเป็นผืนยาวติดแม่น้ำเล็กๆ ซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่ ราคาไม่กี่พันบาท ฉันย้ายมาอยู่ในตอนที่อายุ 7 ขวบ  เวลาต่อมา คืนหนึ่งแม่ก็เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตายจากไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างกายถูกเผากลางแดดด้วยฟืนกองโต จำได้ว่าหลังจากคืนเผาศพแม่ไม่นานนัก บ้านทั้งหลังเงียบสงบ…
วาดวลี
ผู้หญิงคนนั้นกำลังฉุน ส่วนหญิงสาวอีกคนในชุดกระโปรงสีชมพู มีท่าทางไม่สบายใจอารมณ์ขุ่นเคืองปะทุในแดดระอุของยามบ่าย  ขณะนั้น  ฉันฝ่าไอร้อนมาจอดรถหน้าร้านค้าของนวลเมื่อวานนี้ฉันขอให้เธอช่วยรื้อลังเก่าๆ ใบใหญ่ๆ ไว้ให้  เพื่อซื้อไปใส่ของขนย้ายบ้านนวลกำลังยุ่ง ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ก็ยังมีแก่ใจกระซิบบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นเคย“รอหน่อยนะ แม่กำลังหาลังใบใหญ่ให้ ไม่ได้ลืม เดี๋ยวคงเอาลงมา”“แม่เหรอ?”ฉันทวนคำ นวลกำลังพูดถึงใครกันนะ ก็เธอจากบ้านมาไกลจากพม่า มาทำงานในร้านขายของชำ ทุกทีนวลเรียกเจ้าของร้านผู้ชายว่า เฮีย และเรียกพี่ผู้หญิงว่า เจ๊ ฉันยังไม่ได้ถาม แต่เธอคงจะดูแววตาออก…
วาดวลี
เพิงผักสดหน้าวัดในตอนเช้า กำลังแปรสภาพเป็นร้านเหล้าในยามค่ำ ตะวันยังไม่แตะดินดี เคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ก็มีลูกค้ามารอแล้วเกือบเต็มร้านชายวัยกลางคนกระดกเหล้าขาวจากแก้วทรงเหลี่ยมอยู่หน้าเพิงป้าแดง  ไม่ยี่หระต่อสายตาเมียที่ยืนค้อนอยู่ด้านหลังเธอยืนเท้าสะเอวเหมือนแม่บ้านในการ์ตูน มองสามีเงียบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงห้วนสั้น“กระดกเข้าไป บอกว่าให้กินข้าวรองท้องก่อน ป้าแดงเอาแกงอ่อมมาถ้วยหนึ่ง”เธอไม่ได้สั่งกลับบ้าน แต่สั่งให้สามี ป้าแดงตักแกงจากหม้อใส่ชาม วางไว้บนเคาน์เตอร์ไม้ แล้วรับเงินจากผู้เป็นภรรยา เธอจากไปพร้อมผักกาดกำใหญ่ในมือ“เดี๋ยวข้ากลับไปกินข้าว” “อือ”สามีภรรยาตอบกันห้วนสั้น…
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน  ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน  ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก…