Skip to main content

ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา

13_8_01



แต่คุณลุงข้างบ้านของฉันอาจจะไม่รู้สึกอย่างนั้น แกบ่นบ่อยๆ เรื่องฝนตก ฉันเห็นใจแกเหลือเกิน ที่ต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 วันไหนหลับไม่สนิท เราจะได้ยินเสียงประตูรั้วของเขาขยับ เอี๊ยดอ๊าด นั่นบอกว่าลุงพร้อมแล้ว ที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าไปเฝ้าสวน แกนุ่งผ้าเหมือนๆ เดิม เสื้อเชิ้ตเก่าคร่ำคร่า กางเกงขาสั้น และรองเท้าบู๊ธ มีมีดดายหญ้าเหน็บเอวไว้ บางครั้งที่นอนไม่หลับ ฉันนอนคิดถึงลุง ว่าแกออกไปไหนกันแน่ และทำไมจะต้องไปเช้ามืดขนาดนั้นด้วย

เราเป็นเพื่อนบ้านที่เกรงอกเกรงใจกันเหลือเกิน แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้ ฉันได้แต่ยิ้ม แกก็ได้แต่ยิ้ม ผ่านไปตั้งหลายเดือน เราเพิ่งได้ทักทายกันในวันลอยกระทง เมื่อแกออกมาประดับประดารั้วบ้าน เช่นเดียวกันฉัน และมาอีกครั้ง เมื่อฉันเริ่มถางดอกหญ้าหน้าบ้านทิ้ง มันรกและโตเร็ว แม้ดอกจะสวยก็เถอะ แกทักอย่างอารมณ์ดีในทำนองแซวว่า ไม่อยากได้ดอกไม้ไว้แล้วเหรอ


ส่วนคุณป้า ฉันมักจะเจอแกในตอนเย็น เวลาที่แกกลับบ้าน เหมือนเดิมทุกวันคือห้าโมงกว่าๆ ทั้งสองคนนุ่งเสื้อผ้าเก่าๆ แต่บ้านของเขามีหลังใหญ่ไม่น้อย เรือนไม้กึ่งสมัยใหม่กึ่งโบราณ ข้างล่างเป็นปูน มีห้องจำนวนหลายหลัง มีสนามหญ้าบ้านหน้า มีที่นั่งเล่น และที่จอดรถ ฉันจึงเดาเอาว่า บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านสำหรับสองสามีภรรยาเท่านั้น แต่เป็นบ้านที่เคยมีสมาชิกหลายคน และก็ใช่ ที่มีอยู่บ้างบางวัน ฉันจะเห็นคนแวะมาเยี่ยมเยือนทานข้าวด้วย แต่มาไม่นานนัก เขาก็กลับออกไป


ฉันคิดถึงตัวเอง ยามไปเยี่ยมพ่อ นานเหลือเกินแล้ว ที่ไม่ได้ไปอยู่ร่วมอาศัย ไม่ได้ไปค้างแรม นอนดูดาว พูดคุยกันเหมือนแต่ก่อน เราต่างมีชีวิตที่โตขึ้นและแยกย้ายกันไปต่อสู้ ลูกๆ ของลุงป้าก็คงจะเป็นแบบนั้นกระมัง ทุกคนต่างมีหนทางของตัวเอง


13_8_02


ฝนตกอีกแล้วเนอะ เฮ้อ...”

ลุงบอกฉัน เงยหน้าไปมองเม็ดฝนเล็กๆ ที่พรมมาตั้งแต่เช้า เย็นวันนี้ เราสวนกันแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง ฉันทำอาการเดียวกัน เงยหน้ามองฟ้า แล้วค่อยกลับมามองดิน มองบริเวณรอบๆ ที่บ้านรกๆ ของฉันค่อยดูดีขึ้นมาด้วย จากหยาดเหงื่อครึ่งค่อนวัน ที่เพียรถางด้วยจอบอันเล็กๆ เท่าที่หาได้


แต่บ้านตรงข้ามกันสิ หญ้าที่เคยโล่งเตียนกลับยิ่งสูงขึ้น โรงรถที่ปราศจากรถ ดูโล่งกว้าง แสงไฟวอมแวมจากหลังบ้านเริ่มต้นขึ้น ดูเหมือนลุงจะหยุดดูกิ่งไม้ที่พันเกี่ยวรั้ว ปกคลุมจนลุกลามไปเกาะเกี่ยวต้นไม้งามที่ปลูกไว้

หน้าฝนนี่ไม่ดีเลยจริงๆ” ลุงว่า ฉันเอาแต่ยิ้ม แลกเปลี่ยนกับแกบ้างเรื่องหญ้ารกๆ และงูเงี้ยวเขี้ยวขอที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ

13_8_03

 
หนูเอาปูนขาวมาโรยๆ แต่มันก็ละลายไปกับน้ำหมดเลยค่ะ เมื่อคืนก็เจอตะขาบ...”

ฉันพูดแบบปนขำ ลุงยิ้มตอบอย่างเอ็นดู แต่สุดท้าย แววตานั้นก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรนักกับหญ้าและสัตว์ มันคงเป็นแค่ความเป็นไปเล็กๆ ในฤดูฝน ในชีวิตชาวสวนของลุง

แต่นอกเหนือจากนั้นต่างหาก ลุงรำพึงเบาๆ ว่า

หน้าฝนนี่ไปไหนมาไหนไม่สะดวก ลูกสาวเลยไม่ได้กลับมาเยี่ยมเป็นเดือนๆ เลย เดี๋ยวหมดฝนแล้วลุงจะปรับปรุงสวนใหม่”

ลุงเล่าแผนการทิ้งไว้ แล้วก็ขอตัวไปทานข้าว มีเสียงคุณป้าเรียกเบาๆ มาจากหลังบ้าน

ฝนยังพรมสาย ความมืดค่อยๆ โรยลงตัว ชายชราจูงมอเตอร์ไซค์คันเก่า เข้าไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เดินมาปิดปะตูรั้ว

บ้านทั้งหลังดูเงียบเชียบ อยู่ในสายฝน ฉันเพิ่งได้เข้าใจ ว่าฤดูฝนไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆ ในชีวิตยากขึ้นเท่านั้น

แต่บางครั้ง มันมีความเหงาเป็นรูปธรรมในชีวิตของคนบางคน และมันทำให้ฉันกำลังคิดว่า

ถ้าไม่ไปเยี่ยมพ่อปลายเดือนนี้ ก็ไม่แน่ว่า จะหาเวลาพูดคุยกับคนบ้านตรงข้ามบ่อยๆ

อย่างน้อยก็จนกว่าจะหมดฤดูฝน น่าจะดี
: )

13_8_04


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
วาดวลี
ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
วาดวลี
นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า
วาดวลี
 “รักของพี่กับเขาเริ่มตรงนี้”ตรงที่พี่ชายพูด มันคือถนนเส้นหนึ่ง ที่ตัดผ่านกลางระหว่างคูเมืองด้านในของเชียงใหม่ ไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง รอบๆ ถนนมีอาหารพื้นเมืองขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรวง บริษัท รวมทั้งวัดเก่าแก่สวยงาม   ฉันก้มลงไปมองตามนิ้วชี้ของเขา ที่ตรงนั้น คือฝาท่อกลมๆ เก่าๆ ปิดรอยโหว่ขี้เหร่ของถนนเอาไว้“ตรงนี้น่ะหรือ จุดเริ่มต้นของความรัก”ฉันทำหน้าไม่อยากเชื่อ พี่ชายยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้า “มีอยู่วันหนึ่ง พี่มาก้มๆ เงยๆ ผูกเชือกรองเท้าตรงนี้ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างหน้านั่น ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา ผมยาว ผิวขาว หน้าตาก็ไม่สวยมาก…
วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
วาดวลี
 ๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน 
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 
วาดวลี
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว“ดีใจนะที่ปลอดภัย”จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ…
วาดวลี
"เธอว่าเราจะไปไหน ?"ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่นเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง
วาดวลี
ท้องฟ้าในเมืองของเรายังสวยเสมอ โดยเฉพาะยามที่เพื่อนเก่าของฉันรีบจอดจักรยานไว้ข้างตลาด แล้วเดินเข้ามาจับมือ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางทิศตะวันตก ก้อนเมฆพวกนั้นเลื้อยตัวมากอดภูเขาเอาไว้ มองไกลๆ เหมือนใครเอาผ้าขนหนูสีขาวนุ่มๆ ไปพันทิ้งไว้(เมืองเล็กๆ ของเราหลังฝนตก)
วาดวลี
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันและแม่มีกฎร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หากไปเยี่ยมบ้านใครแล้วเขาให้ขนมกิน ก็ให้ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องรับไปเสียทั้งหมด แม่เคยเปรยๆ ว่า ถึงครอบครัวเราจะยากจนแต่แม่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ให้กินได้ทุกมื้อ อีกอย่างก็คือบางคนเขาไม่ได้ตั้งใจทำเผื่อเราหรอก แต่เป็นการให้โดยมารยาทเท่านั้น หากรับไว้เสียหมดก็กลายเป็นการรบกวนเขาไปก็เป็นได้แม้แม่จะบอกแบบนี้ แต่ฉันและแม่ก็รู้ดีว่า ผู้คนรอบตัวที่ใจดีมีน้ำใจกับเรานั้นมีมากมายเพียงใด พ่อเล่าว่าฉันเป็นเด็กอ้วนแก้มยุ้ย ใครเห็นก็เอ็นดู มักเรียกให้ไปกินขนมอยู่ร่ำไป ดังนั้นข้อตกลงของฉันกับแม่ จึงกลายเป็นว่า หากมีคนยื่นให้…
วาดวลี
ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่