Skip to main content

20080514 001

ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่

20080514 002
ยายปลีสาละวนกับการคล้องเส้นด้ายเพื่อผูกให้เป็นมัด

“มันอยู่กับยายมาก็หลายสิบปี แต่เราซื้อต่อจากเขา สมัยนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว”
ยายปลีบอกกับฉันแบบนี้ ก่อนจะหยิบเอาผลิตภัณฑ์ที่แกทำด้วยตัวเองออกมาให้ดู

20080514 004
เครื่องทอด้ายของยายปลี ทำจากไม้ ซื้อต่อมาในราคา 100 บาท เมื่อหลายสิบปีก่อน

มันเป็นเส้นด้ายที่ถักทอมาจากใยของต้นนุ่น ยายเป็นคนปลูกต้นไม้เหล่านี้เอง มีอยู่เพียงไม่กี่ต้นหลังบ้าน จนไม่อยากเชื่อว่า มันจะมากพอให้ยายทอออกมาเป็นกำๆ วางกองรวมกัน ซึ่งเรียกว่า “ไจ” ภายในหนึ่งไจ นั้น มีรวมกัน 12 มัดเล็ก แต่ละมัดเล็ก ใช้เวลาทำอยู่เกือบชั่วโมง
“วันหนึ่ง ถ้าทำเต็มที่แต่เช้ายันเย็นนะ ก็ได้สัก 3 ไจ”
“ยายขายไจละเท่าไหร่จ้ะ”


ฉันถามด้วยอยากรู้เหลือคณา ด้วยสำหรับฉันแล้ว เส้นด้ายเหล่านี้วนเวียนอยู่ในชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ จำได้ว่าที่บ้านไม่เคยจะมีวันไหนที่ขาดเส้นด้าย พ่อของฉันใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ไม่ว่าจะผูกข้อมือให้ตอนวันขึ้นปีใหม่ วันเกิด รับขวัญตอนกลับบ้าน ยามไม่สบาย ไม่ใช่เฉพาะแต่คนในครอบครัวเท่านั้น แต่พ่อผูกข้อมือให้กับคนอื่นๆ ที่แวะเวียนมาหาด้วย

20080514 005
จากต้นนุ่น กลายเป็นวัตถุดิบ

เส้นด้ายสีขาวเหล่านี้ บางครั้งถูกแปรไปเป็น “สายสิญจน์” ยามเมื่อใครสักคนในหมู่บ้านมีอาการป่วยไข้ไม่ทราบสาเหตุ เขาจะทำสะตวง หรือกระทงต้นกล้วยพร้อมอาหารไปไหว้ผี ในนั้นก็มีเส้นด้ายที่ผ่านการทำพิธีแล้วนำมาผูกให้กับเจ้าชะตา และในบางโอกาส เส้นด้ายก็กลายไปเป็นไส้เทียน นอนเรียงกันเพื่อให้กระดาษที่เต็มไปด้วยคาถาภาษาบาลีพันรอบตัว จากนั้นก็ไปอยู่ในแผ่นขี้ผึ้ง เมื่อพันให้ขึ้นรูปเป็นเทียน ตัดหัวท้ายแล้ว เราก็ได้ “เทียนบูชา” ที่เป็นสิริมงคลในวาระต่างๆ

ฉันเห็นภาพเหล่านี้จนชินตาในตอนเด็กๆ แต่กลับไม่เคยมีโอกาสได้เห็นการทำด้ายแบบสดๆ ร้อนๆ แบบเช่นวันนี้

ยายปลีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่า
“อันละ 25 บาทนะ แพงไปไหม แต่ขายแพงกว่านี้จะไม่มีคนซื้อ”
“แปลว่าวันหนึ่งยายขายได้ 3 อัน ก็ 75 บาทใช่ไหมจ้ะ”
ฉันคำนวณเล่น
“ฮื่อ แต่นั่นคือวันที่มากที่สุดนะ วันอื่นๆ ยายก็ทำอันเดียวก็มี หรือไม่ทำเลยก็มี”

ยายหัวเราะอีกครั้ง ฉันอมยิ้ม
“ทำไมคะยาย”
“ยายเจ็บเข่า แก่ตัวไปนั่งนานๆ แล้วพาลจะเดินไม่ได้”

20080514 006
จากวัตถุดิบ กลายเป็นเส้นด้าย

ฉันเห็นยายใช้มือนวดๆ บริเวณน่อง มาเข่าและไปยังขา แกอายุ 70 กว่าปีแล้ว แต่หญิงชรายังมีสีหน้าและแววตาขี้เล่น เมื่อยกกล้องขึ้นถ่ายรูป ยังมีแก่ใจหยิบเส้นด้ายที่ทอแล้วกับที่ยังไม่ได้ทำมาวางเรียงกัน

 

20080514 007
ยายปลีช่วยจัดวางนุ่นกับด้ายไว้ด้วยกัน บนเศษกระดาษโฆษณา เก็บไว้ใช้ห่อเมื่อทำเสร็จ


“ต้องถ่ายคู่กันแบบนี้ คนดูจะได้รู้ไงว่า ทำแล้วหน้าตาเป็นยังไง”
ยายช่วยจัดให้ประกอบคู่กัน แถมยังชวนฉันไปถ่ายที่ต้นนุ่น ติดเสียว่าฝนยังตกอยู่ เราก็เลยไม่ได้ไปชมสวนของยายในวันนี้

“หนูนึกว่าสั่งซื้อจากในเมืองกันหมดแล้วค่ะ ไม่นึกว่ายังมีคนทำอยู่” ฉันรำพึงเบาๆ
“มีเหลือไม่กี่คนหรอก เดี๋ยวนี้ต้นนุ่นบางคนยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย อีกไม่นาน ยายก็ว่าจะเลิกทำแล้วเหมือนกัน”
“อ้าว ทำไมละคะ”

ฉันเผลออุทานออกไป แม้จะเข้าใจว่ายายอาจจะเบื่อหรือเหนื่อยแล้ว เป็นความรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ไล่สายตาไปยังเครื่องทอมือที่มีลักษณะวงกลมเหมือนกงล้อ ยายค่อยๆ จับมันอย่างทะนุถนอม

“นั่นสิ ยายจะเลิกไปทำไมนะ ก็ไม่มีอะไรจะทำกันพอดี แก่ขนาดนี้ออกไปทำนาไม่ไหวแล้ว”
ยายให้คำตอบกับฉันและตัวยายเอง ว่าแล้วแกก็ดึงเอาเส้นด้ายที่ทำเอาไว้นั้น แยกออกมา แล้วชวนฉันเดินไปบนห้องโถงของบ้าน

“มานี่ มาผูกข้อมือ”
ผลิตผลเล็กๆ ของยาย แปรสภาพไปอีกแล้ว ยายพันข้อมือเอาไว้สามรอบ พร้อมด้วยการกล่าวให้พร แบบเดียวกับที่ผู้ใหญ่ให้เด็กๆ ในวันสงกรานต์ ฉันมาช้าไปหน่อย ยายก็ดูไม่ถือสา บอกว่า เวลาไหนก็ได้คือเวลามงคลของเราเสมอ

ผูกข้อมือเสร็จ ยายก็เป่าเพี้ยงลงไปอีกที ฉันพนมมือแล้วยกขึ้นไหว้ขอบคุณ มองดูเส้นด้ายเหล่านั้นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย มีกำลังใจ ราวกับมันจะช่วยคุ้มครองชีวิตของเราได้มากขึ้นไปอีก

20080514 008

“ไว้มาคราวหน้า ยายทำเผื่อด้วยนะจ้ะ จะซื้อไปให้พ่อ”
ยายพยักหน้า แถมยังโม้ว่า ตอนนี้มีต้นนุ่นอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทอ รับรองว่ามีพอใช้แน่นอน ฉันก้มลงกราบลายายช้าๆ ทั้งในฐานะของผู้ใหญ่ที่เคารพ

และในฐานะของผู้สร้างเส้นด้าย ด้ายที่ไม่ได้หนาหรือเหนียวอะไรมากนัก แต่เกี่ยวพันบางสิ่งบางอย่างให้แข็งแรงอยู่ในหมู่บ้าน ได้จนกระทั่งถึงวันนี้.

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"