Skip to main content

หลายปีก่อน หญิงสาวรูปร่างบางตาคมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นน้อง เอ่ยกับฉันว่า

การหอบสัมภาระเพื่อย้ายจาก “บ้านเช่า” ไป “บ้านใหม่” ที่เธอเป็นเจ้าของนั้น ต้องเก็บไปให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระของคนมาทีหลัง
“อะไรเอาไปได้ก็เอาไป ยกเว้นก็แต่ต้นไม้ มันโตจนเกินกว่าที่จะขุดขึ้นมา”

ฉันไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเธอเลยในหลายปีมานี้ แต่พอจะรับรู้ได้ว่า คนรักต้นไม้แบบเธอนั้นเพียรพยายามปลูกสารพัดต้นไม้เท่าที่ผืนดินจะอำนวย นอกจากต้นโมก ดอกแก้ว หรือพลูด่างแล้วเธอยังมีพืชสวนครัว เช่น ตะไคร้ พริก โหระพา เพื่อเอาไว้ทำกับข้าว แต่ฉันเดาเอาว่าเธอคงปลูกทั้งต้นมะม่วง จำปี กระทั่งฝรั่งหรือขนุน

ด้วยหัวอกคนพเนจรต้องเช่าบ้านอยู่เหมือนกัน เราได้คุยเรื่องนี้กันบ่อยครั้ง
สุดท้ายเธอก็ให้คำตอบว่า
“เขาว่าเราบ้านะ มาปลูกต้นไม้ให้เขา กล้าก็ซื้อมา แล้วเอาไปด้วยไม่ได้”
“ถือว่ายกเป็นสมบัติของผืนดินไปละกัน”

เราสรุปกันแบบนี้ เมื่อนานมาแล้ว จนวันนี้ฉันรับรู้ว่าเธอมีที่ดินของเธอเองแล้ว และกำลังทำสวนอยู่นอกเมืองปทุมธานี เธอขุดร่องน้ำเอาไว้รดน้ำต้นไม้ และยังปลูกสมุนไพรแซมระหว่างต้นไม้ใหญ่พวกนั้น ฟังแล้วฉันก็มีความสุข และหวังว่าสักวันจะได้ทำแบบเธอบ้าง

ขณะเดียวกัน ต้นไม้ที่ใกล้ตายหลายต้นของฉัน กำลังพลิกฟื้นเติบโตเช่นกันเมื่อเราย้ายมาเช่าบ้านที่มีบริเวณที่ดินกว้างขวาง มีแม่น้ำเล็กๆ ไหลผ่านหลังบ้าน ขณะที่ชื่นชมกับชีวิตใหม่เหล่านั้น เช้าวันหนึ่ง เพื่อนบ้านก็เดินข้ามรั้วมาทักทายด้วยความหวังดี
“ใบไม้พวกนี้ ไม่เก็บรวมๆ กันแล้วเผาบ้างล่ะหนู”

หันไปทางหลังบ้าน เขากำลังทำแบบนั้นเช่นกัน ไม่เพียงแต่ใบไม้แห้งและเศษหญ้า ขยะที่เขาเผายังมีทั้งถุงพลาสติก ขยะเปียกและของเหลือใช้อื่นๆ

เขามองมายังถุงดำจำนวนหลาย ใบที่ฉันเก็บขยะเอาไว้ เมื่อรวบรวมได้ 1-2 สัปดาห์ ฉันจะหอบไปทิ้งที่เขตเทศบาลซึ่งมีถังใบใหญ่จัดวางไว้ให้ทิ้ง หรือไม่คนที่ฉันอยู่ด้วย ก็จะเพียรหิ้วใส่รถตอนออกไปทำงานตอนเช้า เพื่อไปทิ้งยังจุดวางขยะหน้าบริษัท
“จริงๆ ติดต่อที่เขตไว้แล้วค่ะ ว่าอยากให้เขาเข้ามาเก็บหน้าบ้าน”
“เขาไม่มาหรอก เพราะแถวนี้ไม่มีใช้บริการ และไม่อยากเสียเงิน”


ราคาของการจ่ายคือ ค่าถัง ค่าถุงดำ และค่าเก็บขยะรายสัปดาห์หรือรายเดือน ฉันคิดว่ามันคงไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครในชุมชนอยากจะจ่ายให้กับสิ่งเหล่านี้ พวกเขาทำกันอย่างง่ายๆ สุมขยะไว้ แล้วก็เผา ควันสีขาวคุกรุ่นต่อเนื่องกันวันเว้นวัน จากบ้านหัวซอยไปยังท้ายซอย

อย่าว่าแต่การอธิบายให้เข้าใจถึงปัญหาของคนที่เป็นภูมิแพ้เลย ว่าจะต้องอยู่อย่างลำบากอย่างไร การพูดถึงภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ สารเคมีปนเปื้อน นั้นยิ่งดูห่างไกลเกินไปอีก เพื่อนบ้านมองฉันอย่างนึกห่วง เธอหวังดีมาก ด้วยการบอกว่า
“ถ้าไม่อยากเผาเองก็ยกไปรวมของพี่ก็ได้นะ พี่จะเผาให้”
“ตอนนี้เขาประกาศไม่ให้เผาขยะนะคะพี่ มันทำลายสิ่งแวดล้อม และถือเป็นความผิดด้วย”

ฉันพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง
เขาอมยิ้ม แล้วตอบว่า
“อะไรๆ ก็ผิดกฎทั้งนั้นแหละ แน่จริงก็มาเก็บขยะให้ฟรีสิ แล้วเราจะไม่เผา”
ฉันนิ่งเงียบไป ก็ดูจะเป็นข้อเสนอที่ควรมีใครได้ยินอยู่เหมือนกัน

เช้าวันนั้น หลังจากจัดแจงกวาดใบไม้และไปกองไว้ในหลุมเพื่อให้มันย่อยสลายเองแล้ว ฉันก็หิ้วถุงขยะมากองรวมไว้ ก่อนเดินทางไกลนับร้อยกิโลเมตร ฉันคงจะได้แวะที่เขตเทศบาลและหย่อนขยะไว้ในที่ถูกต้องเสียก่อน

ขับรถออกจากหมู่บ้านมา ขณะที่เบื้องหลังมีกลุ่มควันสีขาว ลอยเป็นช่วงๆ พร้อมอาการแสบตาและหายใจติดขัด ใช้เวลาจากนั้นเกือบชั่วโมงถึงจะรู้สึกดีขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่รถเริ่มแล่นเข้าสู่ถนนบนภูเขา

สีน้ำตาลของใบไม้แห้ง รอยต้นไม้ที่ถูกตัด ท่อนไม้ขนาดใหญ่ริมข้างทาง ไฟป่า และภูเขาหัวโล้น ทั้งหมดคือความแห้งแล้งที่อยู่ในสายตา พาให้ฉันจ่อมจมอยู่ในภวังค์

และวูบหนึ่งนั้น
มือเล็กๆ ของหญิงสาวร่างบางที่เธอกำลังปลูกต้นไม้อยู่อีกมุมหนึ่งของประเทศ
ฉันคิดถึงนัก.

20080319 ภาพประกอบ (1)

 20080319 ภาพประกอบ (2)

20080319 ภาพประกอบ (3)

20080319 ภาพประกอบ (4)

20080319 ภาพประกอบ (5)

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"