Skip to main content

"เธอว่าเราจะไปไหน ?"
ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่น

เงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง

20080604 01

"นั่นสิ จุดหมายอาจจะรออยู่ข้างหน้าก็ได้"
เธอพูดชวนคิด ฉันเออออพยักหน้า จากนั้น เราลัดเลาะไปตามเส้นทางหลังหมู่บ้าน ข้ามสะพานแม่น้ำปิงของเมืองเรา เพื่อไปยังน้ำปิงของเมืองเพื่อนบ้าน เราเลียบไปทางทิศใต้ ไม่นานนักก็เข้าเขตเทศบาลตำบลริมปิงของลำพูน

บ้านเรือนและชีวิตรอบๆ ริมน้ำปิงเส้นเล็กๆ ของที่นี่ ยังคงใช้ชีวิตร่วมกันกับแม่น้ำได้อย่างกลมกลืน ตลิ่งสองฝั่งน้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า พืชน้ำ และการปลูกพืชผักสวนครัวที่งอกงามออกดอกออกผล ชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ ทำสะพานไม้เล็กๆ ข้ามฝั่งไปหากัน บ้านบางหลังทำซุ้มนั่งเล่นอยู่ริมน้ำ มีทั้งเด็กและคนแก่มานั่งพูดคุยสนทนากันยามเย็น บางคนลงไปจับปลา มีกองเชียร์ยืนรออยู่บนฝั่ง

20080604 02

20080604 03

ฉันได้ยินเสียงตะโกนผสมเสียงหัวเราะดังแว่วมาเป็นระยะๆ จนไม่อยากคิดเลย แค่ 15 นาทีที่ออกจากเชียงใหม่มา เหมือนกับได้ย้อนชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
ฉันอดจินตนาการไม่ได้ว่า นี่เป็นเหมือนภาพชีวิตของเชียงใหม่ในอดีตหรือเปล่า

“เธอว่าเขาจะไปไหน?”

ฉันถามเพื่อน เมื่อเห็นลุงคนหนึ่งถือไม้ลักษณะเหมือนมีดกึ่งเคียวด้ามยาวๆ พาดอยู่บนบ่า ในขณะที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย

20080604 04

20080604 05

เราค่อยๆ แซงลุงไป แอบกดภาพเอาไว้อย่างเห็นขำ ลุงคงขับรถเก่งมาก ถึงสามารถแบกมีดไปไหนมาไหนบนท้องถนนได้อย่างสบายใจ เราเสียอีก ที่เว้นระยะออกห่างจากลุงเสียไกล ด้วยเกรงกลัวความคมของมีดยาวๆ อันนั้น
“เดาว่าน่าจะไปสอยอะไรสักอย่างแถวบ้านเพื่อน”
คนข้างหน้าตอบ จุดหมายของลุงคงอยู่ไม่ไกลนัก และเครื่องมือชนิดนี้ก็คงไม่ได้มีอยู่ทุกหลังคาบ้าน

20080604 06

“แล้วป้าคนนี้ล่ะ เธอว่าเขาจะไปไหน”
ฉันเริ่มสนุกกับการถามเล่นๆ ถึงเพื่อนร่วมทาง ป้าคนนี้คงไปไกลกว่าลุงคนตะกี้เป็นแน่แท้ เพราะเธอมีหมวกติดรถมาด้วย หมวกที่เห็นแว่บๆ ว่าทำมาจากไม้ไผ่ กันแดดและฝนได้นิดหน่อย เพียงพอที่จะให้อุ่นใจกับการเดินทางแถวบ้าน จากนั้นฉันก็เหลือบสายตาไปดูพี่สาวอีกคน ที่เดินทางพร้อมหมวกชนิดเดียวกัน แต่ใบของเธอดูใหม่กว่าและแข็งแรงกว่า คนขับของฉันชะลอรถให้แล่นตามหลังเขาอย่างช้าๆ แล้วก็พบว่า พี่สาวเดินทางมาเก็บผลผลิตที่เพาะปลูกไว้บนที่สาธารณะริมน้ำ ใจกลางหมู่บ้านนั่นเอง

ชื่นชมแทนเธอนัก กับต้นถั่วฝักยาวที่กำลังออกผล ตะไคร้พุ่มใหญ่ๆ ต้นหอม ผักชี แม้จะไม่มากพอให้เอาไปขายที่ตลาด แต่ก็มากพอสำหรับอาหารหลายๆ มื้อ

20080604 07

เมื่อรถของเราแล่นออกไปอีกครั้ง เรามีเพื่อนร่วมทางอีกคนเป็นคุณลุงกับรถที่เก่ากว่าเรา เสียงของมันดังมาแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวของลุงด้วยซ้ำ

คิดว่าเขาจะไปไหน ? คำนี้แล่นเข้ามาอีกแล้วในห้วงคิด รถของลุงไม่มีป้ายทะเบียน แต่ผูกไว้ด้วยแผ่นซีดีเพื่อให้สะท้อนแสง รวมถึงใส่หมวกกันน็อคอย่างปลอดภัย

“ลุงคงเดินทางไกล” ฉันคิด ขณะที่รถของเราแล่นเข้าใกล้ลุงเรื่อยๆ ลุงมีน้ำใจให้รถคันอื่นแล่นแซงไปหมด ด้วยการหลบไปชิดขอบในให้มากที่สุด และแม้ว่าเราจะขับรถช้าเพียงใด เราก็ต้องแซงลุงไปอยู่ดี วูบนั้นฉันหันหลังกลับมา พบว่าลุงยิ้มให้พลางขยับถุงกับข้าวหน้ารถที่พลาสติกปลิวตามแรงลม เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการทักทายแบบมีไมตรีสำหรับคนแปลกหน้าให้กับฉัน

เลยเขตริมแม่น้ำมาแล้ว ถนนสายนั้นยังคงร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ริมทาง ถนนที่เรียบลื่นชวนให้คนอยากขับรถเร็ว แต่แล้วก็พบเพื่อนร่วมทางบนจักรยานสีชมพูสดใส

20080604 08

พี่สาวคนนี้สวมหมวกผ้าน่ารัก มีลายดอกไม้เล็กๆ นอกนั้นยังมีถุงผ้าสะพายเอาไว้อย่างมั่นคง จุดหมายของเขาคงไม่ไกลนัก และคงไม่มีอะไรต้องเร่งด่วน ฉันยิ้มอย่างดีใจ ที่ถนนเส้นนี้มีรถจักรยานผ่านไปมาหลายคัน บางคนจอดทิ้งไว้เดินไปทักทายเพื่อนบ้าน โดยที่ไม่ต้องกลัวรถจักรยานจะหาย

20080604 09

ตะวันบอกเวลาใกล้ค่ำแล้ว พี่ผู้หญิงผู้ชายหลายคนแซงเราไปด้วยความเร็ว บางคนที่ต้องทำงานในวันหยุด คงคิดถึงบ้านเหลือเกินแล้ว สุนัขหลายๆ ตัว นอนเล่นริมถนนเมื่อเราเริ่มเข้าสู่เขตเมือง มันหันซ้ายมองไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีจุดหมายที่จะไปบ้างไหม ฉันและเพื่อนเลี้ยวรถแยกเข้าไปในย่านตลาด

“หาอะไรกินไหม?”

คนข้างกายถาม ฉันหัวเราะเบาๆ
“ตกลงนี่เป็นจุดหมายของเราหรอกหรือ”

เขาตอบว่าไม่ใช่ เราไม่ได้มาเพื่อกินหรอก ก็แค่เป็นเวลาของมื้ออาหารเท่านั้นเอง ฉันจึงอิดออดด้วยการชวนขับรถรอบเมืองดูก่อน แต่แล้วไม่ทันที่เราจะได้แวะจอดอีกสักครั้ง บนท้องฟ้านั้น เมฆฝนก็เคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็ว

คนขับทำหน้านิ่งๆ คำนวณทิศทางลมและฝน
“ถ้าแวะมีหวังติดอยู่นานแน่ ฝนแบบนี้มาหนักและยาวนาน ทางที่ดีรีบกลับกันดีกว่า”
ฉันเคารพในน้ำเสียงนั้น จึงรีบพยักหน้า เก็บกล้องใส่กระเป๋าแล้วกอดไว้กับตัว คิดถึงถุงพสาสติกที่เหน็บไว้ใต้เบาะ ยามฉุกเฉินก็คงช่วยป้องกันสิ่งของของเราได้

20080604 10

แล้ววันนั้น จุดหมายปลายทางของเราก็คือการกลับที่เดิมให้เร็วที่สุดนั่นเอง

“สรุปว่าไปมาแบบไม่มีจุดหมายไงล่ะ” อีกคนแซวเล่นแล้วหัวเราะ ส่วนฉันยิ้มแป้น แล้วตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่ฝนเทลงมาอย่างพอดิบพอดีว่า
“การไม่มีจุดหมายของเรานั่นแหละ อาจเป็นจุดหมายอย่างหนึ่ง”
ฉันตอบไปอย่างนั้นจริงๆ เหมือนที่ใครเคยว่าไว้ว่าระหว่างทางบางครั้งสำคัญกว่าที่จะไปถึง ขณะที่ยังคิดถึงผู้คนมากมายกับจุดหมายของพวกเขาบนถนนเส้นนั้น

ที่ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ ว่าจะมีใครที่มีจุดหมาย คล้ายกันบ้างหรือเปล่า.

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
1.อากาศยามเช้าหนาวไอเย็นแผ่วเบา พัดมาจากภูเขาสูงผ่านทางไกล ใกล้รุ่งฝ่าหมอกคลุ้งสีเทา-เทา
วาดวลี
ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว “เธออยากกินเหรอ”ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล “ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้…
วาดวลี
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า กำลังถูกประทับด้วยตราปั๊มสีแดงเพื่อบอก “อนุญาต” ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังพม่า ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพัน ต่อแถวกันอยู่ที่ท่าขี้เหล็กในเขตแม่สายด้วยใบหน้ารอคอย ตั้งแต่ขั้นตอนการทำบัตร ชำระเงิน ตรวจเอกสาร จนกระทั่งพวกเขาจะได้ข้ามพ้นประตูด่านของเจ้าหน้าที่เมื่อนั้น ใบหน้าที่บึ้งตึงก็จะเปลี่ยนเป็น “โล่งอก”ฉันและเพื่อนยืนรออยู่ที่ทำบัตรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ขณะที่เพื่อนกำลังวาดฝันว่าเขาจะซื้ออะไรบ้างจากฝั่งพม่า ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดว่า “เกาะกันไว้นะเดี๋ยวหลง” เพราะคนเยอะขนาดจนมีประกาศหาคนตลอดเวลา ไม่ทันไรฉันก็ถูกดันจากคนข้างหลังให้ขยับเข้าไปข้างหน้า ทั้งที่แถวมันเต็มแล้ว…
วาดวลี
1ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา2“หนาวมากไหม”เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้ ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ …
วาดวลี
1. ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกันวางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง “รกจะตาย” เธอว่า…
วาดวลี
ฤดูหนาวยามสาย แสงตะวันทอดผ่านเรือนร่างของผู้คนและตกกระทบเป็นผืนเงา อยู่ตรงนั้นตรงนี้บนถนน ชักชวนให้นักท่องเที่ยวบางคนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเงาตัวเองเอาไว้ดูเล่น ฉันเองก็เช่นกัน ย้ายระดับสายตาไปอยู่บนผืนดิน แสงเงาจากผู้คนมากมาย มุ่งหน้าไปยังพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยิ้มสรวลหยอกล้อ ขอถ่ายรูปคู่กับบันได ประตู ป้าย และร้านค้า ดูเหมือนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ตื่นเต้นและความสุข ปนเปื้อนเศษเสี้ยวของความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏบนใบหน้าของแม่ค้าหลายคน เงินสดถูกเก็บเข้ากระเป๋า ถุงพลาสติกถูกดึงขึ้น ใส่ของ ดึงขึ้นและใส่ของ…
วาดวลี
“หนาวไหมครับ”ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ขณะหย่อนตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ เราสองคนอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าของใครสักคนหนึ่ง ฉันอยากเรียกแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสถานีรถโดยสารที่จะเดินทางจากตัวเมืองลำปางไปยังแจ้ซ้อนขณะรถเข็นคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ฉันตอบผู้ชายคนนั้นสั้นๆว่า “หนาวนะ” เขาอมยิ้ม กระชับเสื้อให้แน่นขึ้นแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ฉันไม่สนใจเขานัก เอาแต่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพื่อจะหยิบมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้คือกี่โมงแล้ว แต่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาขนาดใหญ่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนจะเป็นต้นมะขาม มันสูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นอย่างดีแก่ท่ารถแห่งนี้…
วาดวลี
ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า  พระจันทร์ดวงกลมโตอวดแสงนวลอยู่บนนั้น แม้คืนนี้มองไม่เห็นดาว  แต่พระจันทร์คงไม่เหงา  ก็บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงไฟสีส้มนับร้อย นับพันดวง วาววับ จนไม่อาจนับจำนวนได้ โคมไฟ หรือ ว่าวไฟ ในเทศกาลลอยกระทง ต่างลอยขึ้นไปตามแรงลม และความร้อนจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างท้าย แม้คนจุดจะมีทั้งชาวเมืองเชียงใหม่ หรือนักท่องเที่ยวจากเมืองอื่น แต่สิ่งที่ฉันได้รู้ในวันนี้ก็คือ สำหรับคนบางคนแล้ว ดาวสีส้มบางดวงนั้นขึ้นไปตามแรงศรัทธาและความเชื่อที่สั่งสมมาตลอดชีวิต“ได้เวลาจุดไฟกันแล้วนะ” ชายชราคนหนึ่งคนตะโกนบอกหลานชาย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
วาดวลี
“พ่อเคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม?”ฉันเคยเอ่ยถามชายชราไว้นานแล้ว ไม่จริงจังในคำพูด และไม่มีประเด็นอะไรมากนัก ฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในวันรื้อถอนบ้านเก่าที่ผุพังเพราะน้ำท่วม จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ ............ที่ดินของเราเป็นผืนยาวติดแม่น้ำเล็กๆ ซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่ ราคาไม่กี่พันบาท ฉันย้ายมาอยู่ในตอนที่อายุ 7 ขวบ  เวลาต่อมา คืนหนึ่งแม่ก็เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตายจากไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างกายถูกเผากลางแดดด้วยฟืนกองโต จำได้ว่าหลังจากคืนเผาศพแม่ไม่นานนัก บ้านทั้งหลังเงียบสงบ…
วาดวลี
ผู้หญิงคนนั้นกำลังฉุน ส่วนหญิงสาวอีกคนในชุดกระโปรงสีชมพู มีท่าทางไม่สบายใจอารมณ์ขุ่นเคืองปะทุในแดดระอุของยามบ่าย  ขณะนั้น  ฉันฝ่าไอร้อนมาจอดรถหน้าร้านค้าของนวลเมื่อวานนี้ฉันขอให้เธอช่วยรื้อลังเก่าๆ ใบใหญ่ๆ ไว้ให้  เพื่อซื้อไปใส่ของขนย้ายบ้านนวลกำลังยุ่ง ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ก็ยังมีแก่ใจกระซิบบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นเคย“รอหน่อยนะ แม่กำลังหาลังใบใหญ่ให้ ไม่ได้ลืม เดี๋ยวคงเอาลงมา”“แม่เหรอ?”ฉันทวนคำ นวลกำลังพูดถึงใครกันนะ ก็เธอจากบ้านมาไกลจากพม่า มาทำงานในร้านขายของชำ ทุกทีนวลเรียกเจ้าของร้านผู้ชายว่า เฮีย และเรียกพี่ผู้หญิงว่า เจ๊ ฉันยังไม่ได้ถาม แต่เธอคงจะดูแววตาออก…
วาดวลี
เพิงผักสดหน้าวัดในตอนเช้า กำลังแปรสภาพเป็นร้านเหล้าในยามค่ำ ตะวันยังไม่แตะดินดี เคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ก็มีลูกค้ามารอแล้วเกือบเต็มร้านชายวัยกลางคนกระดกเหล้าขาวจากแก้วทรงเหลี่ยมอยู่หน้าเพิงป้าแดง  ไม่ยี่หระต่อสายตาเมียที่ยืนค้อนอยู่ด้านหลังเธอยืนเท้าสะเอวเหมือนแม่บ้านในการ์ตูน มองสามีเงียบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงห้วนสั้น“กระดกเข้าไป บอกว่าให้กินข้าวรองท้องก่อน ป้าแดงเอาแกงอ่อมมาถ้วยหนึ่ง”เธอไม่ได้สั่งกลับบ้าน แต่สั่งให้สามี ป้าแดงตักแกงจากหม้อใส่ชาม วางไว้บนเคาน์เตอร์ไม้ แล้วรับเงินจากผู้เป็นภรรยา เธอจากไปพร้อมผักกาดกำใหญ่ในมือ“เดี๋ยวข้ากลับไปกินข้าว” “อือ”สามีภรรยาตอบกันห้วนสั้น…
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน  ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน  ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก…