Skip to main content

"พี่จะไปเวียดนามครั้งแรก มีอะไรแนะนำมั่ง" เพื่อนคนหนึ่งเขียนมาถามอย่างนั้นพร้อมส่งโปรแกรมการเดินทางที่กลุ่มเขาจะเดินทางด้วยมาให้ดู ผมเลยตอบไปคร่าวๆ ข้างล่างนี้ เพื่อนยุให้นำมาเผยแพร่ต่อที่นี่ ยุมาก็จัดไปครับ เผื่อเป็นไอเดียสำหรับใครที่จะไปเวียดนามเหนือช่วงนี้

"ที่พี่ส่งมาก็เป็นโปรแกรมมาตรฐานสำหรับการไปเวียดนามครั้งแรกน่ะพี่ ไปแล้วกลับมาคนถามว่าไปที่เหล่านี้หรือเปล่า แล้วพอตอบ "ไม่ได้ไปอ่ะ เพราะ 'จารย์... แนะนำให้ไป... ... ..." คนไทยทั่วไปเขาก็จะว่า "ยี้ ไปทั้งทีทำไมไม่ไป ... ... ... (ตามโปรแกรมเค้าน่ะ)"...

"แต่เท่าที่ดูนี่ นอกจากแถวสุสานลุงโฮแล้ว ก็ไม่มีไปพิพิธภัณฑ์อื่นเลยนะ คือพิพิธภัณฑ์เวียดนามนี่ ฝรั่งมากนะพี่ เขาทำไว้เพื่อการศึกษาจริงๆ ไม่ใช่แบบบ้านเรา ผมว่าอันนี้น่าเสียดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิพิธภัณฑ์ชาติพันธ์ุวิทยานี่ ควรไป แต่หากเวลาน้อย ก็เลือกเอาเถอะ...

"ที่จริงตรงกันข้ามกับสุสานลุงโฮเป๊ะเลย คือวังเก่าสมัยค.ศ. 15 และก่อนหน้านั้น เพิ่งขุดพบเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง อันนี้ก็เดินเข้าได้นะ แทนที่จะไปรอต่อคิวเป็นชั่วโมงเพื่อเข้าไปโฉบดูศพลุงแกนอนขาวซีดตัวบวมอย่างน่าเวทนาอยู่ในห้องเย็นภายในสิบห้าวินาที...

"เดือนนี้เป็นเดือนที่ผมอิจฉาคนได้ไปฮานอยมาก มันเจ๋งมากสำหรับการนั่งจิบเบียร์เหงาๆ เบียร์เวียดนามมีไม่กี่ยี่ห้อหรอก มันจืดสนิท ฮานอยมีเบียร์ฮานอย หาซื้อเบียร์ไซ่ง่อนกินก็พอมี รสก็ไม่ต่างกันนัก มีเบียร์ฮาลิดาของเช็คหรือยังไงเนี่ย กับเบียร์ 333 ภาษาเวียดเรียก "บาบาบา" แปลว่า สามๆๆ นั่นแหละ...

"แต่โลกของเบียร์ในฮานอยจริงๆ ที่มีเฉพาะฮานอยน่ะ คือ bia hơi อ่านว่าเบียเฮย ดูเหมือนเบียเอยดีเน๊าะ มันคือเบียร์สด เฉพาะที่ฮานอยเท่านั้นที่มีโรงเบียร์แบบนี้ มีอยู่สัก 2-3 ยี่ห้อ แต่ที่ดังคือเบียเฮยฮานอย หากินยากเหมือนกัน เมื่อก่อนในเขตเมือง ในเขตถนน 36 สายน่ะเยอะมาก แต่ตอนนี้ลดน้อยลง ต้องเดินๆ หาหน่อย เจอยี่ห้ออะไรก็กินเถอะ สังเกตได้จากถังเบียร์สดน่ะ ถ้าร้านเล็กๆ จะตั้งไว้เลย ถ้าร้านใหญ่จะมีผู้ชายนั่งเยอะๆ เก้าอี้เตี้ยๆ...

"ผมน่ะมีร้านประจำอยู่ร้านนึง เพื่อนพาไปกินประจำ อยู่ริมทะเลสาบ Hồ Tây โห่เต็ย ชื่อร้าน Bia Hơi Cường Hói เบียเฮยเกื่องหอย แปลว่า เบียร์สดตาเกื่องหัวล้าน เข้าใจว่าตั้งตามหัวเจ้าของร้าน ร้านนี้ไม่ไกลจากถนน 36 สายนัก คนเยอะมาก อาหารอร่อยมาก ปลาหม้อไฟนี่อร่อยมาก มีไก่พอกดินแล้วเผา กุ้งในทะเลสาปตัวจิ๋วๆเผากรอบเกรียม เต้าหู้ทอด หมูหัน ฯลฯ อะไรก็อร่อย กินกับเบียร์อร่อยเฮย อูยยยยย...

"เรื่องอาหารนี่ ที่จริงพี่ควรหาโอกาสชิมอาหารฮานอยอย่างน้อยตอนกลางวัน กินกับทัวร์น่ะ ไม่อยากบอก อาหารฮานอยที่หากินที่ไหนไม่ได้มีเยอะมาก กลางวันๆ จะได้กลิ่นหมูย่างไปทั่วเมือง เรียก bún chả บู๋นจ่า เป็นขนมจีนกินกับหมูย่างที่ลอยมาในซุปเปรี้ยวหวานใสๆ เย็นๆมี bánh cuốn แบ๋ญก๋วน หรือปากหม้อแผ่นใหญ่ๆ โรยหน้าด้วยหอมเจียว แนมกับหมูยอชนิดนึง (หมูยอมีหลายชนิดมาก) กินกับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานใสๆ และ ฯลฯ...

"ซาปานี่ ควรไปเป็นอย่างยิ่ง เรื่องอาหารการกินผมไม่มีอะไรประทับใจ แต่ต้องกินยอดฟักแม้วผัด (ขออภัยที่ใช้คำว่าแม้ว) อากาศแบบนี้ที่นั่นน่าจะหนาวมากแล้ว เตรียมตัวให้ดีล่ะพี่ มันหนาวจริง อาจเลขตัวเดียวได้ หนาวๆแบบนี้น่าจะกินเหล้ากับ lẩu เหลิ่ว คือสุกี้แบบเวียดๆอร่อยนะ เวียดนามชอบใส่ผักกาดดองในน้ำสุกี้ บางทีมีผักอร่อยๆเยอะ...

"แต่ที่เด็ดมากของซาปาคือเหล้าชนิดหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้สักที (หาเจอแล้ว เรียก rượi Sán Lùng เสี่ยวสานหลุ่ง เหล้าสามมังกร เป็นเหล้าชาวเย้า) มันเป็นเหล้าสีออกเหลืองๆ คือเหล้าเวียดนามทั่วไปมันจะสีใสๆ แต่นี่สีเหลืองๆ ลองดมดูจะมีกลิ่นเปลือกข้าว กลิ่นแกลบนั่นแหละพี่ หอมมาก หาร้านที่ดูไว้ใจได้แต่ไม่ต้องดูหรูอะไรนะ ดื่มนี่ตอนอากาศเย็นๆนะ โหย เดิมทีมีร้านนึงที่ผมรู้จัก เป็นร้านเล็กๆ เจ้าของร้านเป็นคนเวียดอพยพไปอยู่ที่นั่น แกแก่แล้ว ไม่รู้ตายรึยัง ทำเหล้าเยอะมาก แต่ไม่รู้จะบอกทางพี่ยังไง ซาปาไม่ใหญ่ แต่บอกทางยากอยู่...

"ตลาดคนม้งนั่นก็ควรไป ผมยังไม่เคยไปเลย เป็นตลาดนัด เข้าใจว่าเขาคงจัดให้ไปตรงกับวันนัดตลาดพอดี ที่ผมเคยไปเป็นอีกที่นึง ผมเลี่ยงไปอีกที่เพราะไม่อยากเจอนักท่องเที่ยวเยอะ ที่ผมไปชื่อตลาด Mường Khương เหมื่องเคือง เป็นเมืองของคนไตกลุ่มหนึ่ง แต่มีคนหลายกลุ่มมาตลาดนัดนี้ในวันอาทิตย์เยอะมาก แต่ไม่ใหญ่เท่าบั๊คห่า (Bắc Hà) ที่พี่จะไปหรอก...

"กลางเมืองฮานอยมีร้านเบียร์เยอรมันสดอยู่ร้านนึง นั่งสบาย อยู่ริมทะเลสาป Hồ Hoàn Kiếm โห่หว่านเกี๋ยม ด้านทิศเหนือ มีอาคารข้ามถนนไปจากบริเวณริมทะเลสาบ อาคารสูง 3-4 ชั้น ชั้นสองเป็นร้านเบียร์ชื่อ Legend Beer อาหารก็โออยู่ แต่ผมไปกินแต่เบียร์ อากาศดีๆอย่างนี้นะ นั่งจิบเบียร์ได้ไม่เบื่อ เบียร์ไม่แพง อร่อย...

"มีถนนหลายสายที่ควรเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อย แต่ถ้าไปกันหลายๆ คนก็ระวังคนล้วงกระเป๋าหน่อยก็แล้วกัน ในถนน 36 สายคนล้วงกระเป๋าเยอะ...

"มีถนนนึง ตั้งชื่อตามกวีในปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นราชวงศ์เหงวียน กวีชื่อ Nguyễn Du เหงวียนซู ชื่อถนนตั้งตามชื่อแกเลย ผมชอบถนนสายนี้มาก เขาปลูกต้นตีนเป็ด (ภาษาเวียดเรียก Hoa Sữa ดอกน้ำนม) อายุมากแล้ว สูงมาก เดือนนี้กำลังมีดอกเลย เดินบนถนนนี้แล้วคิดถึงผลงานอมตะเหงวียนซูแล้วได้อารมณ์ดีจัง...

"ผมเขียนไปได้เรื่อยๆ แหละพี่ ยังไงพี่ไปเที่ยวนี้ดูแล้วกัน แล้วหากมีโอกาสไปพร้อมกันค่อยว่ากัน."

บล็อกของ ยุกติ มุกดาวิจิตร

ยุกติ มุกดาวิจิตร
เมื่อวาน (4 ตุลาคม 2560) นิสิตมหาวิทยาลัยหนึ่งโทรศัพท์มาสัมภาษณ์เรื่องการพิมพ์คำ "คะ" "ค่ะ" ผิดๆ ในโซเชียลมีเดียและการส่งข้อความต่างๆ บอกว่าจะเอาไปลงวารสารของคณะเธอ เธอถามว่าการใช้คำผิดแบบนี้มีนัยทางสังคมอย่างไร
ยุกติ มุกดาวิจิตร
เมื่อคืนวาน (30 กันยายน 2560) นักศึกษาปริญญาโทชั้นเรียนมานุษยวิยาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เขียนบทละครเรื่อง "The Dark Fairy Tales นิทานเรื่องนี้ไม่เคยเล่า" ชวนไปดูและร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นหลังละครจบ ช่วยให้คิดอะไรเกี่ยวกับการอ่านนิทานได้อีกมากทีเดียวจึงอยากบันทึกไว้
ยุกติ มุกดาวิจิตร
การสนทนาอย่างออกรสไม่ได้จะต้องอยู่ในบรรยากาศเคร่งขรึมในห้องเรียน ห้องสัมมนาเสมอไป ด้วยเหตุนี้ผมจึงเชื่อว่า การใช้เวลานอกห้องเรียน นอกห้องสัมมนาวิชาการ สำคัญไม่น้อยไปกว่าการใช้เวลาในห้องสี่เหลี่ยมที่มีระเบียบต่างๆ ควบคุมการสนทนาอย่างเคร่งครัดเกินไป
ยุกติ มุกดาวิจิตร
จากเหตุการณ์เข้ามาคุกคามพื้นที่ทางวิชาการของคณะทหารในการประชุมไทยศึกษานานาชาติครั้งที่ 13 ที่เชียงใหม่ จนทำให้นักวิชาการที่มาร่วมประชุมกลุ่มหนึ่งแสดงออกด้วยการชูป้าย "เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร" แล้วท้ายสุดมีนักวิชาการ 5 คนถูกตั้งข้อหาว่าเป็นคนนอกเข้ามายุยงให้ต่อต้านรัฐบาล
ยุกติ มุกดาวิจิตร
วันแม่นำความกระอักกระอ่วนใจมาให้ผมตั้งแต่ยังเด็ก เพราะแม่ในเพลง "ค่าน้ำนม" ที่เด็กในกรุงเทพฯ รุ่นผมถูกให้หัดร้องตามจนแทบจะจำเนื้อได้ทั้งเพลงมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ตรงกับแม่ในชีวิตจริงของผม
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ผมไม่อาจยอมรับการกระทำของอาจารย์ต่อนิสิตด้วยความรุนแรงดังที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติแห่งหนึ่งได้ 
ยุกติ มุกดาวิจิตร
วันนี้เกิดความผิดพลาดบางอย่างทำให้บทแนะนำอาจารย์แคทเธอรีน บาววี องค์ปาฐกคนหนึ่งของงานประชุมไทยศึกษาปีนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้ถูกนำเสนอในงานประชุม ในเมื่อผมเตรียมไปพูดแล้วแต่ไม่ได้พูด ก็ขอนำบันทึกที่ร่างไว้นี้มาเผยแพร่ในที่นี้แทนก็แล้วกัน 
ยุกติ มุกดาวิจิตร
"ฟ้าข้างในนี้กว้างกว่าข้างนอก ฟ้าในนี้กว้างจนแทบจะเห็นขอบฟ้า"
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ช่วงนี้คงเป็นช่วงเขียนรายงาน เขียนวิทยานิพนธ์ของหลายๆ คน ผมเองช่วงนี้เป็นช่วงต้องอ่านงานนักศึกษามากมาย ที่สาหัสที่สุดคืองานวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโทและเอก 
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ผมอ่านงานจิตรครั้งแรกๆ ก็ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรี ตอนนั้นเมื่อออกจากโลกโรงเรียนก็รู้สึกว่า โลกหนังสือของห้องสมุดธรรมศาสตร์ช่างกว้างใหญ่มาก กว้างใหญ่กว่าห้องสมุดแห่งชาติที่สมัยเรียนมัธยมผมชอบไปสิงอยู่มากนัก นี่กล่าวเฉพาะหนังสือที่น่าอ่านเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม ปรัชญา และศาสนา
ยุกติ มุกดาวิจิตร
วันนี้ (3 พค. 60) ผมไปวิจารณ์งานนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยซึ่งคณะราษฎรมีส่วนก่อตั้งเช่นกัน แต่สำคัญผิดกันไปว่าผู้อื่นมีบุญคุณมากกว่า
ยุกติ มุกดาวิจิตร
บางทีนามสกุลกับบทบาทความเป็นครูของครูฉลบชลัยย์ พลางกูร คงไม่ทำให้คนสนใจครูฉลบเกินบทบาทไปกว่าการเป็นภรรยาของนายจำกัด พลางกูร และเป็นผู้ให้กำเนิดโรงเรียนดรุโณทยาน