Skip to main content
วาดวลี
เมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำ เขายิ้มให้กับชีวิตพลางบอกลูกเมียว่า อยากกินปลามื้อไหนขอให้บอก จะเอาตัวเล็กตัวใหญ่ แค่คว้าแห คว้าไซ เบ็ดตกปลา หรือเดินดุ่มลงไปยกยอ ไม่เกิน 15 เท่านั้น ก็จะมีปลามาแกงได้ทั้งหม้อน้ำแม่โก๋นข้างบ้านพ่อชุม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
1ตี 5 ครึ่งของวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2549 ท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว ชาวจิตอาสา (เกือบ) 20 ชีวิต นัดรวมพลกันหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บทเริ่มต้นของการเดินทางรวมใจสร้างห้องสมุดดิน (25-27 ส.ค.49) กับกลุ่มรักษ์เขาชะเมา จ.ระยอง คนกวาดถนน รถเก็บขยะและแม่ค้าขายผัก นักเรียน พนักงานห้างและพนักงานออฟฟิศ ผู้บริหาร ครู-อาจารย์และนักการเมือง คือ ลมหายใจของกรุงเทพฯ (มหานครของเรา) กับการเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ผมไปถึงที่นัดหมาย 06.00 น. (ฮา)
วาดวลี
๑.นอนพักเถิด มวลมิตร ที่ชิดใกล้เก็บแรงไว้คุ้ยหาเศษอาหารฟ้าสวยสวย พื้นที่กว้าง ที่กลางลานคือสวรรค์สถาน ของผองเราอย่าไปเครียด จริงจัง เลยวันพรุ่งเดี๋ยวก็รุ่ง เดี๋ยวก็ค่ำ เหมือนวันเก่ารู้วิถี ตัวตน บนทางเราอย่าเกะกะใครเขาก็เท่านั้นเราเป็นชนกลุ่มน้อยด้อยในโลกจะส่งซึ่ง ภาษาโศก ภาษาขันก็หามีใครฟังเจ้าทั้งนั้นคนอื่นล้วน สื่อสารกัน ภาษาเขา
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ไม่มีของฟรีในโลก ออกจะเป็นวลีที่คุ้นเคยสำหรับคนในโลกยุคนี้ ยิ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันแตะเพดานที่ 35 บาท (คาดการณ์ว่าน่าจะเร็วๆ นี้) ทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ ขสมก. เรือคลองแสนแสบ เรียกว่า ขนส่งมวลชนแทบทุกประเภท ขยับแข้งขาขอขึ้นราคาค่าตัวกันถ้วนหน้ายุคข้าวยากหมากแพง คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการให้งานการให้ในสวน สวนกระแสคำพูดข้างต้น .....ดอกไม้งามในสวนแห่งการให้ถูกจัดขึ้นบริเวณอุทยานเบญจสิริ ภายใต้นิยามที่ว่า “แล้วงานศิลปะแห่งการให้จะกลายเป็นดอกไม้ในสวน” ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม 2551 (mormor.org) เน้นการสร้างสรรค์แนวงานผ่านวิธีคิดของบุคคลในแวดวงแห่งการให้และศิลปินอาสา มากกว่า 100 คนที่รู้จักกันดี คือ ติช นัท ฮันห์ พระชาวเวียดนามแห่งหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส พระไพศาล วิสาโล แห่งวัดป่าสุคะโต ศาสตราจารย์ระพี สาคริก อาจารย์แห่งวงการเกษตรธรรมชาติวันเปิดตัว 14 กุมภาพันธ์ คล้ายกับมีความหมายในฐานะของวันวาเลนไทน์ เน้นถึง การให้ อันหมายถึงความรักที่แท้ (true love) อย่างที่ภิษุณีนิรามิสา จากหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส เขียนถึงการให้ในชื่อ การให้ทำไมมีว่า เราต้องลบความรู้สึกที่ต้องมีผู้ให้กับผู้รับ ถ้าเราไม่ลบตรงนี้ออก ยังมีความรู้สึกว่า “ฉันเป็นผู้ให้ เธอเป็นผู้รับ” มันจะไปสู่หนทางที่ทำให้เรามีอีโก้มากขึ้น มีอัตตามากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเราทำไปนานๆ เราจะเสียความอ่อนน้อมถ่อมตน จะกลายเป็นคิดว่าตัวเองเป็นผู้มาช่วยปลดความทุกข์ ช่วยชีวิตคน เราเป็นผู้ให้แล้วก็มีคนที่เป็นผู้รับ...หมิง ปุณปิยาภา ปานนพธารา ทำงานแห่งการให้ของเธออย่างขมักขเม้น จากโจทย์หลักที่ต้องพูดถึงการให้อย่างไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นโจทย์ที่กว้างและเป็นนามธรรมอย่างสิ้นเชิง เธอคิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งชื่อบิ๊ก ทรี เป็นเรื่องของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งกับเด็กชายคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เด็กชายไปหาต้นไม้ เขาจะขอบางส่วนของต้นไม้ วัยเด็กขอผลไม้ วัยรุ่นขอดอก ขอใบ ขอกิ่ง ขอก้าน วัยหนุ่มขอลำต้นเพื่อไปสร้างบ้านหมิง คิดมันออกมาเป็นภาพ 3 ภาพ ..ต้นอ่อนต้นโต    ตอไม้เธอบอกว่า ต้นไม้ ให้(โลก)โดยไม่หวังผลตอบแทน...ใครบอกว่าขอฟรีไม่มีในโลก ตะโกนมันออกไปให้เต็มหัวใจไร้ซึ่งการให้ ไร้ซึ่งการรับ
วาดวลี
“เขาขนทรายกันตรงไหนคะ”ฉันเอ่ยถามเสียงเบาๆ หากจะให้เดาก็คงเป็นที่วัด แต่วัดในบริเวณนี้มีตั้งหลายแห่ง และก็ไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำแบบวัดใหญ่ของอีกฝั่งฟากถนน วัดใหญ่นั้น ตีเขตไปเป็นอีกตำบล อีกอำเภอหนึ่ง ซึ่งเดาได้ว่า คนในหมู่บ้านฉัน คงไม่ได้ไปทำบุญกันที่นั่น พี่สาวใจดีข้างบ้าน บอกฉันทุกเรื่อง ในสิ่งที่ฉันสงสัย จะว่าไป มีเพียงครอบครัวเดียวที่ฉันรู้จักมักคุ้น แม้จะย้ายบ้านมาได้หลายเดือนแล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ ออกไปใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน เราเจอกันยามค่ำ ก็ยิ้มให้กันไปมา แล้วต่างแยกย้ายกันไป แค่เวลา 2 ทุ่มกว่า ทั้งหมู่บ้านก็เงียบสนิท มีเพียงฉันที่เปิดไฟทำงานจนถึงดึกดื่นจะสงกรานต์แล้ว ฉันตั้งใจนักหนาว่า จะออกไปทำบุญ ดำเนินตามประเพณีที่สืบกันมา แบบที่เราไม่ค่อยได้ทำ ไปขนทรายที่วัด ปักตุงมงคล ตักบาตร สรงน้ำพระ และการทำความสะอาดบ้านในวันสังขารล่อง ทานแกงขนุนในวันปากปี หรือช่วยบริจาคในการแห่ไม้ค้ำโพธิ์ ส่วนเรื่องการเล่นน้ำนั้นฉันไม่ถนัด เพราะแพ้สิ่งที่มากับน้ำ เคยโดนสาดแล้วก็ผื่นขึ้น ลำบากคนไปด้วย แล้วก็พาลทำให้คนอื่นไม่สนุก “ปีนี้ เราก็ออกไปเล่นสงกรานต์กันแถวนี้ก็ได้ เพราะเป็นเขตชุมชน คงจะน่ารัก ไม่เหมือนในเมือง”คนข้างตัวของฉันชวนไว้ ฉันพยักหน้า จะเป็นไรไป ถ้าจะเปียกบ้าง ภูมิต้านทานร่างกายจะได้ฟื้นฟู อีกอย่าง น้ำแถวนี้ เป็นน้ำบาดาล แบบเดียวกับที่ใช้กิน ใช้อาบ ไม่น่ามีปัญหา ยังไม่ถึงวันสงกรานต์ เด็กๆ เอาน้ำใส่กระป๋องน้อยๆ ไล่สาดกันไปมา เป็นภาพที่น่ารัก เหมือนตอนเด็กๆ ที่ตื่นเต้นกับสงกรานต์ และมีแต่เสียงหัวเราะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้อย่างนั้น พี่ข้างบ้านเดินมาบอกด้วยแววตาสดใส พร้อมทรงผมใหม่ ขณะที่บ้านของเขากำลังฉลองการซื้อรถกระบะคันใหญ่ “เขาไปขนทรายมาจากแม่น้ำปิงน้อย” “หือ ที่อยู่ใกล้ชลประทานเหรอคะ”ฉันทำตาโต คำนวณระยะทางจากน้ำปิงน้อยไปยังวัดของหมู่บ้านแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร จำได้ว่าตอนเด็กๆ ฉันขนทรายไม่ต่ำกว่า 5 รอบ เพราะมันไม่พอจะใส่ให้ครบกอง แต่นี่ นับว่าเป็นระยะที่ไกลพอสมควร“อ๋อ ไม่มีใครไปขนตรงโน้นแล้ว เดี๋ยวนี้เขามีรถไปขุดมา แล้วเราก็เอาเงินไปจ่ายเท่านั้นเอง”“อ้อ..” ฉันรับทราบ จากนั้น พี่คนนี้ก็ชักชวนอย่างเป็นทางการ ถึงงานบุญประเพณีของหมู่บ้านเรา“เดี๋ยวจะมีแห่ขบวนไม้ค้ำโพธิ์นะ ตั้งขบวนตรงหน้าบ้านเราเลย รวมตัวกันแล้วเดินทางไปสมทบกับหมู่อื่น เพื่อไปยังวัด”“เอ่อ ค่ะ...”ฉันอ้ำอึ้ง สองจิตสองใจระหว่างการเคลียร์งานให้ลงตัว กับการไปร่วมขบวนศรัทธา วันนั้น ฉันได้ยินเสียงพ่อหลวงประกาศ ขบวนจะไม่เป็นขบวน หากไม่มีการร่วมใจ ฉันอมยิ้มให้กับความสามัคคีของที่นี่ คงต้องเร่งทำงานให้เสร็จ ด้วยหวังว่าเผื่อว่าจะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง แต่แล้วเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น คนนอนดึกอย่างฉันก็มีอันต้องสะดุ้งตื่น เมื่อยังไม่ 8 โมงเช้าดีนัก แต่เสียงเพลงก็ดังแว่วมา บ้านตรงข้ามจัดแจงทำเวทีเล็กๆ พร้อมติดตั้งลำโพงขนาดใหญ่มหึมา เพลงที่เขาเปิดมีทั้งเพลงลูกทุ่ง สลับกับเพื่อชีวิตในภาคเช้า พอเที่ยงหน่อยก็เดินเครื่องด้วยเพลงจังหวะเร็ว แล้วปิดท้ายด้วยเพลงเทคโนแดนซ์แบบที่ได้ยินกับตามผับ และมันก็ดังมากเสียจนแก้วหูแทบจะระเบิดหนุ่มสาวมาชุมนุมกัน ใครอยากสาดน้ำก็สาด ถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกง เหล่าผู้ชายโชว์รอยสักเต็มแผ่นหลัง กอดขวดเบียร์ไว้แนบอก ยิ่งนานเข้า คนก็ยิ่งมากขึ้น เสียงโห่ฮิ้วมาเป็นจังหวะฉันเปลี่ยนความคิดที่จะไปร่วมขบวน เขาเริ่มฟ้อนกันแล้ว กล้าๆ กลัวๆ หยิบเงินในซองกระดาษสีขาว ปิดผนึก แล้วย่องแย่งออกมาจากบ้าน ฝ่าวงล้อมเข้าไป ทั้งน้ำ ทั้งดนตรี ทั้งเสียงโห่และอาการมึนเมาของผู้คนทั้งหลาย ฉันยื่นซองให้อย่างเงียบๆ“ร่วมทำบุญค่ะ”“สาธุ” คนรับยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ ฉันไหว้กลับแทบไม่ทัน เขายื่นปากกาเคมีสีน้ำเงินให้“เขียนชื่อใส่ไม้ไว้ด้วย”“อ๋อ ค่ะๆ” เปิดหัวปากกาค่อยๆ ลากเส้นเข้าไป จะเขียนอะไรดี ชื่อเราหรือ วาดรูปได้ไหม แล้วทำไมต้องเขียน ความคิดไร้สาระมากมายแล่นอยู่ในสมอง แล้วก็จบด้วยการเขียนชื่อเล่นเอาไว้สั้นๆ“ไม่ออกไปเที่ยวหรือ” เขาถาม ฉันเงี่ยหูฟังเสียงที่ตะโกนแข่งกับเพลง แล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก“ค่ะ ก็ว่าจะไป”“ไปหน้าวัดเลย สนุก มันส์มาก เขาต่อน้ำสายยางใหญ่ยักษ์ ม่อล่อกม่อแลก สะใจสุดๆ”“เอ่อ..”“แล้วเดี๋ยวคืนนี้จะมีดนตรี ไปรำวงกัน” หนุ่มวัยรุ่นชวน ไม่มีใครอยากใส่เสื้อเอาเสียเลย เสื้อผ้าคงเปียกกันหมด เขาอาจจะถอดแล้วผึ่งที่ไหนสักแห่งฉันได้แต่ยิ้ม แล้วค่อยๆ ย่องจากมา ผลุบหายเข้าไปในบ้าน คนข้างกายแต่งตัวเสร็จแล้ว เรามองหน้ากัน “หาอะไรกินกันที่เซเว่นไหม” เขาหัวเราะเบาๆ ฉันจึงบอกว่า“เธอลงจากรถแล้ววิ่งไปซื้อนะ เราไม่อยากเปียก...เราเป็นวันนั้นของเดือน”“หา!”เขาอุทาน แล้วก็หัวเราะเบาๆ“กะว่าจะให้เป็นคนลงไปนะเนี่ย เราน่ะเปียกได้ แต่ไม่ใช่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบคนข้างนอก”มองหน้ากันไปมา ฟ้าข้างนอกก็ดูสว่างดี เราไม่ได้ไปไหนหรอก ขนทราย สรงน้ำพระ หรือว่าปักตุงมงคล พากันต้มมาม่าต้อนรับวันสงกรานต์ แล้วก็นั่งฟังเสียงเพลงจากลำโพงมหึมาเหล่านั้นจนหมดอัลบั้ม มองไปยังขบวนแห่ที่ยังไม่เคลื่อนไปสักทีแม้ว่าฟ้าจะเริ่มมืดแล้ว“สงสัยเขาจะไปวันอื่น” ฉันตอบงงๆ และสงสัยว่าตัวเองจะจำวันผิด จึงได้แต่พากันสรงน้ำให้พระองค์น้อยๆ ในบ้าน ทำความสะอาด แล้วก็ทาแป้งตรางูนั่งอยู่กับพัดลม “ตกลงสงกรานต์ในฝันของเรามันไม่มีแล้วใช่ไหม?” ฉันถามเบาๆ โดยไม่มีเสียงตอบใดๆ ให้ได้ยินเลยแม้สักนิด.         
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แถบม่วงของกระหล่ำสีกลีบหยักของกล้วยไม้บางดอกดูแปลกตาดี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เสาร์วันหนึ่งกลางสวนรถไฟ กรุงเทพมหานคร ติดตลาดนัดสวนจตุจักรที่คนกรุงคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะกลางเมืองใหญ่เช่นนี้จะมีสักกี่สถานที่ที่จะมีสีเขียวให้ได้สูดลมหายใจได้เต็มปอดกิ่งใบสีเขียวแก่จัดของต้นก้ามปูใหญ่ยื่นยาวแตกกิ่งก้านสาขาร่มครึ้มอยู่กลางสวน ดอกตะแบกสีม่วงร่วงเกลื่อนพื้นตัดกับสนามหญ้าสีเขียว เด็กผู้พิการทางสายตาจากโรงเรียนสอนคนตาบอด อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถีส่งเสียงเจี๊ยว รอเวลาที่จะได้ เฮละโลกลุ่มกิจกรรมอิสระเล็กในชื่อกลุ่ม Pay Forward นำเด็กที่มองไม่เห็นมาทำกิจกรรม แรลลี่เพื่อเด็กพิการทางสายตา เด็กๆ จำนวน 24 คน จะมีพี่เลี้ยงเป็นเสมือนดวงตาเข้าสู่กิจกรรมในฐานปฏิบัติการต่างๆ เช่น คณิตคิดเร็ว ช่วยลดร้อนให้โลกหรือให้พี่เลี้ยงจำนวนหนึ่ง ปิดตา ร่วมกิจกรรมเด็กหนึ่งคนต่อพี่เลี้ยงหนึ่งคน จะปั่นจักรยานไปตามฐานต่างๆ เหนื่อยและสนุก หากสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือ โอกาส ..“คุณเคยเดินปิดตาไหม”หากคุณอยากรู้ว่าในโลกสัมผัสของเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นอย่างไร คุณลองปิดตาสิติดต่อกลุ่ม Pay Forward เพื่อเข้าร่วมหรือสนับสนุนกิจกรรมได้ที่คุณหมู 081 634 1121 โรงเรียนสอนผู้พิการทางสายตา อนุเสาวรีย์ชัย
วาดวลี
“ฝนกำลังตกซิๆ”เสียงตามสายโทรศัพท์จากเพื่อนหนุ่มที่ฉันเคยเขียนถึงเมื่อตอนที่แล้ว เอ่ยบอกเล่าเบาๆ ถึงสิ่งที่กำลังอยู่ในชีวิตเขาของในเช้าวันนี้คนทางนี้เรียกสายฝนด้วยคำนั้น “ฝนตกซิๆ” บางครั้ง ฉันก็ชอบลักษณะฝนอย่างว่า ด้วยเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการได้นั่งดูสายฝนที่ไม่มีลมแรงๆ ให้ต้องหวาดกลัว อากาศเย็นสบาย จิบชาอุ่นๆ แล้วนั่งทำงาน แต่ก็อดเห็นใจไม่ได้ ถึงคนที่กำลังเดินทาง หรือคนทำมาค้าขาย  อาการฝนตกซิๆ นั่นคือเรื่องรำคาญใจ และรบกวนการทำงานอย่างยิ่ง วูบนั้น ฉันก็นึกไปถึง ป้ายสุภาษิตหน้าวัดต้นปิน ซึ่งเขียนไว้บนแผ่นไม้ติดผนังวัดว่า “ฝนตกซิๆ นานเอื้อน หมาขี้เรื้อน นานต๋าย” มันเป็นประโยคเตือนสติให้ยอมรับว่าบางครั้ง สิ่งที่น่ารำคาญในชีวิตคนเรา กลับเป็นเรื่องที่จบได้ยาก“อ้าว ทำไรอยู่ เงียบไป” เพื่อนหนุ่มทักท้วงมา อาจพอรู้ได้ว่าฉันปล่อยความคิดไปไกลเกินไป เขาดึงฉันกลับมาด้วยเหตุการณ์น่าระทึกขวัญพอสมควร เกี่ยวกับกลับบ้านเที่ยวนี้“พ่อผมโดนรถชน ขาหักสามท่อน ตอนนี้ยัดเหล็กเข้าไป แล้วนอนอยู่โรงพยาบาล”“ตายจริง” ฉันอุทานออกมา คราวนี้สติกลับมาอยู่ครบถ้วน นึกไปยังใบหน้าเรียวเล็กของเขา กลับแววตาเลื่อนลอยครั้งหลังสุดก่อนจะย้ายกลับไป“ผมว่ามันเป็นชะตากรรมนะ จำได้ไหม ผมบอกว่าผมควรจะกลับบ้าน อย่างน้อยก็กลับมาตั้งหลัก ว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต ผมได้กลับมาทันดูแลพ่อ”“แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง”“ตอนนี้เขาก็รู้สึกตัวอยู่บ้าง แต่ขยับร่างกายไม่ได้ ก็ต้องมานอนเฝ้า เช้ามาปล่อยให้เขาอึ เขาฉี่ เราก็คอยเช็ด คอยเก็บ แล้วก็ป้อนข้าว เช็ดเนื้อตัว พอบ่ายๆ ก็ถึงเวลานอน ผมก็จะมีเวลาส่วนตัวแบบนี้มาโทรศัพท์”“แล้วหมอว่ายังไงบ้าง ต้องรักษาตัวนานไหม” ฉันถามอย่างเป็นห่วง เรื่องราวของพ่อเขาซึ่งรับรู้มาเรื่อยๆ พ่อกับแม่นั้นแยกทางกันนานแล้ว แต่ก่อนอาศัยอยู่กับน้องชาย แต่ตอนนี้น้องชายเขาแต่งงานย้ายครอบครัวออกไปแล้ว เท่ากับว่าพ่อเองก็ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังนั้น“หมอบอกว่าคงต้องรักษาตัว 2-3 เดือน แต่ไม่รู้เขาจะให้เราอยู่โรงพยาบาลนานหรือเปล่า ดีขึ้นก็อาจต้องไปรักษาตัวที่บ้าน”“อืม ค่าใช้จ่ายคงเยอะเนอะ” ฉันอดรำพึงไม่ได้ แต่เพื่อนหนุ่มกลับหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องกังวลหรอก ญาติพี่น้องพอมีช่วยเหลือกันได้อยู่ ตอนแรกกะว่าทุนรอนที่พอมี จะลองทำสวนดูสักตั้ง ว่าจะปลูกสมุนไพร”“อ๋อๆ ที่เคยเล่าไว้ใช่ไหม แล้วจะทำยังไงต่อ”“ก็คงต้องใช้รักษาพ่อเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน เพราะยังไงที่ดินให้คนอื่นเช่าอีกหลายเดือนกว่าจะหมดสัญญา”ฉันไม่อยากคิดว่า ในระหว่างที่เหมือนจะมีเรื่องร้ายๆ แต่บางอย่างก็กลับลงตัว ในเมื่อที่ดินยังไม่ได้คืน ทุนรอนก็ยังไม่พอ และพ่อก็ยังต้องรักษาตัวอยู่ ทุกอย่างถูกจัดวางราวกับกำหนดไว้แล้ว แน่นอนว่า เขายังเริ่มต้นความฝันนั้น ยังไม่ได้“ก็คงค่อยเป็นค่อยๆ ไปนะ กลับไปคราวนี้จะได้ไม่ต้องใจร้อนรีบกลับมา”ฉันเอ่ยแซวกึ่งให้กำลังใจ เพื่อนชายหัวเราะออกมาอย่างรู้ทัน“กลัวจะเห็นผมหอบผ้าผ่อนไปอีกน่ะสิ โอ้ยคราวนี้ไม่ต้องห่วง อยู่อีกนานเลยแหละ ถึงพ่อจะถอดเหล็กได้แล้ว ก็ไม่รู้จะเดินได้หรือเปล่า น้องชายก็อยู่คนละบ้าน แวะมาบ้างแต่เขาก็ต้องทำงาน ใครจะไปเฝ้าพ่อได้ทุกวัน”น้ำเสียงนั้นไม่เจือปนความน้อยใจ หรือไม่มีร่อยรอยของการกังวลแม้สักนิด ฉันไม่อยากคิดไปเองว่า น้ำเสียงเหงาๆ และแววตาเหม่อๆ ก่อนเขาจะไปวันก่อนนั้น มันหายไปหมดแล้ว
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
1.ฉันปลูกต้นไม้วางปุ๋ยเคมีหวังหยั่งรากถึงกิ่งแก้ว2.เนิ่นนานมาแล้วที่จิตสำนึกผมสลายแตกดับพร้อมความดีงาม3.คุณอาจไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเมื่อสี่เหลี่ยมรูปหนึ่งตามหาแผ่นดินตาย4.เขาแบ่งปันสีน้ำเงินแก่ผู้ยากไร้หวังลอยสู่ก้อนเมฆ5.ความหวานในทุนนิยมโรยด้วยงาดำตาดำๆ6.ลิ้มรสอำนาจมาหลายสมัยไม่เคยรู้จักพอเพียง คืออะไร7.ผมห่มคลุมแผ่นดินด้วยเงิน บารมีด้วยความชอบธรรม8.ผมไตร่ตรองถึงความซื่อสัตย์และพบเพียงความว่างเปล่าที่ไร้อำนาจ ขอบคุณ ‘โซไรด้า’ น้องที่แสนดี 
วาดวลี
“ผมจะย้ายกลับบ้านเกิดแล้วนะ” อีกครั้ง ที่เพื่อนชายคนเดิม คนที่ฉันเคยช่วยเก็บข้าวของเมื่อปีก่อน บอกกับฉันในต้นปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ถึงเรื่องการย้ายกลับภูมิลำเนาเกิดไปยังอำเภอฝาง บ่ายที่แดดจัดจ้านนั้น ฉันจำได้ดีถึงประกายนัยน์ตามุ่งมั่นของเขา เมื่อหกเดือนที่แล้ว ................  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 1.ดอกไม้มวลชนเดินขบวนเรียกร้องแบบเรียนประชาธิปไตย2.เหตุผลของบางคนหักล้างไม่ได้เมื่อเทียบกับกลีบใบของแผ่นดินที่ร่วงหล่น3.สีชมพูแต้มดวงหน้านกขมิ้นคือ ฝันอันเลือนลางของหนุ่มสาว4.ฉันหวังเห็นแผ่นดินสูงขึ้นด้วยความรักมิใช่ด้วยทรราชย์5.เราเรียกร้องด้วยเสียงเพลงขับไล่ความมืดดำบนถนนแห่งเสรีภาพ  6.ฉันเด็ดใบไม้จากราวป่าเก็บมาฝากสังคมเมือง7.ทุกอย่างเคลื่อนไหวด้วยพลังความดีงาม8.เมื่อฉันลอยตัวให้สูงขึ้นจากทุนนิยมจึงเห็นเวิ้งฟ้าสีฟ้าห่มคลุมเม็ดดิน9.เศษดินคือ บางอย่างที่เหมือนจะไร้ค่าทั้งที่ความจริงฉันก็มาจากสิ่งนี้10.ครุ่นคิดบางอย่างเกี่ยวกับความงอกงามของแผ่นดินจริงหรือที่ทุกอย่างสูงได้ด้วยเม็ดเงินขอบคุณ ‘โซไรด้า’ น้องที่แสนดี 
วาดวลี
อาจด้วยความเมตตาของผืนฟ้า และความปราณีของผืนดิน ที่ยังคงให้เราได้หายใจหายคอได้อยู่  ทั้งที่ “อะไรที่มองไม่เห็นในอากาศ” นั้น กำลังมาบอกอย่างโต้งๆ ว่า โลกไม่ใช่แค่กำลังร้อน แต่มันกำลังเสื่อมสลายและผุกร่อน“ขี่รถไปไหนแสบตามากเลย หายใจไม่ค่อยออก”คนรู้จักของฉันเล่าให้ฟัง ฉันได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะอาการก็ไม่ต่างกัน เมื่อวานนี้ ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์คนที่บ้านขี่เลียบน้ำปิงไปยังเขตเมือง ใบไม้ร่วงกราวจากพายุที่ก่อตัวตั้งเค้ามาในช่วงบ่าย ใบไม้แห้งสีน้ำตาลกรอบกระจายไปถ้วนทั่วท้องถนนและผืนหญ้าบนสวนสาธารณะ บางแห่งพัดปลิวเอาเศษกระดาษ ถุงพลาสติก วนอยู่ในอากาศ ก่อนจะร่วงไปตกลงในลำน้ำปิง เจ้าแม่คงคาจะยังปราณีเราอยู่อีกไหม  หากเราจะโทษเอาแต่แรงของพายุ ?ความจริงฉันตั้งใจไปซื้อใบพัดลม  ด้วยความซุ่มซ่ามเดินชนมันจนล้มไปวันก่อน ใบพัดลมแหว่งไปแค่อันเดียว แต่พาลไม่หมุนไปทั้งแผง เมื่อกดเปิด ใบพัดลมที่ขาดสมดุลนั้นก็พัดด้วยเสียงกร่ากๆ กร่ากๆ แล้วก็หยุด ความมุ่งมั่นขณะฝ่าลมพายุออกไปนั้น ชวนให้น่าขบขันตัวเองอยู่ไม่น้อย - ฝ่าพายุไปซื้อพัดลม -  แล้วไม่รู้ว่าฝนใกล้จะตกหรือยัง คนขับบิดมอเตอร์ไซค์ให้เร็วขึ้น โชคดีที่ว่าเส้นทางจากบ้านเราไปห้างสรรพสินค้านั้นรถไม่ติด และไม่ต้องผ่านไฟแดง เลียบน้ำไปขึ้นสะพานก็ไปสิ้นสุดยังที่หมายเอาไว้“หรือว่าเราจะยังไม่ไปซื้อ”ฉันรำพึงเบาๆ ขณะปัดเอาเศษใบไม้ออกจากเสื้อ คนขี่มอเตอร์ไซค์ลดความเร็วลงนิดหน่อย แล้วบอกว่า“ตั้งใจออกมาแล้วนะ  แล้วเราก็ไม่ได้ไปซื้อใบพัดลมอย่างเดียวด้วย”“อื้อ”ฉันตอบรับด้วยเหตุผลตามนั้น กระพริบตาถี่ๆ จากเศษผงในอากาศที่ปลิวเข้ามาแต่สักพักก็ต้องรีบหลับตาปี๋ เพราะควันสีขาวที่พวยพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าอย่างแรง ทำให้ทั้งกลั้นหายใจและลืมตาไม่ได้คนขับจอดรถอย่างด่วน!