Suchart Narkbangsai
พรรคประชาธิปัตย์ชาตะ 6 เมษายน 2489มรณะ 20 สิงหาคม 2556สิริอายุรวม 67 ปี
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการเปิดใจ เนื่องในโอกาสถูกคุมขังโดยไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว จากการถูกกล่าวหาตาม กม.อาญา ม.112 ครบ2ปี
ประกายไฟ
แนะสภาฯเดินหน้าวาระ3 มั่นใจผ่านฉลุย พร้อมด้วยสนทนากับนายซิม ไฮแอท เยาวชนผู้อดข้าวหน้าพรรคเพื่อขอให้นายอภิสิทธิ์ถอนคำพูดเหยียดคนเสื้อแดง
ประกายไฟ
กับประเด็นศาลรัฐธรรมนูญฟ้องแกนนำเสื้อแดง การถอนประกันตัวจตุพร การช่วยเหลือเพื่อนนักโทษการเมือง การใส่เสื้อแดงของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยุทธวิธีการหาเสียง
แบบใช้ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ขุดคุ้ยโจมตีคู่ต่อสู้ ของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้กระทั่งกรณีการประกาศเข้าไปปราศรัยหาเสียงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. ของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใด โดยคุณอภิสิทธิ์อ้างว่าทุกคนมีสิทธิ ไม่มีใครผูกขาด และคุณสุเทพช่วยเสริมว่า
“ถ้าสิ่งที่พวกผมทำนั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนก็ตัดสินเอง...”
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ที่ออกไปหาเสียงต่างจังหวัดที่ไหน ก็มักถูกคนเสื้อแดงชูป้ายต่อต้าน หรือเข้าไปประชิดตัวตั้งคำถามที่คุณอภิสิทธิ์ยากที่จะตอบได้...
Hit & Run
“กม.มั่นคงคุมเขตดุสิต
แดงเย้ยตื่นตูม
พท.ชี้ยั่วยุคนมาชุมนุม
นายกฯ อ้างมีข่าวมือที่สาม”
Hit & Run
ดูเหมือนว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะจะให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์-รณรงค์ทางอินเทอร์เน็ตเป็นพิเศษโดยที่ผ่านมามีการเปิดตัวเว็บไซต์หลายโครงการอาทิโครงการต้นกล้าอาชีพhttp://www.tonkla-archeep.com/ เว็บไซต์ช่วยชาติที่แสดงข้อมูลและความคืบหน้าของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรััฐบาล http://www.chuaichart.com/ เว็บโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนhttp://www.chumchon.go.th/ โครงการคิดอย่างยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของกอ.รมน. หรือ MOSO http://mosothai.com และล่าสุดhttp://ilovethailand.org เว็บที่ชวนคนมาแสดงความรักประเทศไทยผ่านบล็อกคลิปวิดีโอรูปถ่ายและข้อความสั้น
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง การเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. มีหลายประเด็นจากการเยือนดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับการพูดถึง หลายเรื่องถูกบิดเบือน และผลิตซ้ำ จนกลายเป็นชุดความคิดที่ถูกยอมรับโดยไม่มีการตั้งคำถาม “ประชาไท” ขอนำเสนอเรื่องที่ยังไม่มีการรายงาน เรื่องที่ยังไม่ถูกพูดถึง และเรื่องที่บิดเบือนดังกล่าว ในระหว่างการเยือนอังกฤษของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 1.เปิดต้นทางข่าว “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” สื่อมวลชนไทยทุกฉบับพร้อมใจรายงานภารกิจของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. แทบจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากรายงานข่าวนั้น โดยในวันที่ 14 มี.ค. เวลา 09.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไปปาฐกถาหัวข้อ “การจัดการความท้าทายในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย” ที่ St. John’s College OXFORD และในช่วงตอบคำถามได้อภิปรายโต้ตอบกับ ใจ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันพำนักอยู่ที่อังกฤษ โดยมีการายงานอย่างครึกโครมในสื่อว่านายอภิสิทธิ์ตอบโต้ ใจ ว่า “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” โดยการนำเสนอลักษณะดังกล่าว ปรากฏในหนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับ เช่น คมชัดลึก ["อภิสิทธิ์"โชว์สปีชย้ำปชต.ไทยเดินหน้า] ไทยโพสต์ ["มาร์ค" เคลียร์สถานการณ์ประเทศไทย ตอก “ใจ” หน้าหงายกลางออกซ์ฟอร์ด] ไทยรัฐ [มาร์คโชว์สปีชอ๊อกฟอร์ด ย้ำปชต.ไทยต้องเดินหน้า] แนวหน้า ["ใจ"ชูตีนตบป่วนปาฐกถา มาร์คตอกกลับหนีคดีหมิ่น แจงผู้ดีปชต.ไทยเริ่มเข้มแข็ง] ประชาทรรศน์ ['มาร์ค'ยันไทยปชต.เต็มใบ'ใจ'โผล่ชูตีนตบโต้กลางวงปาฐกถา] โพสต์ทูเดย์ ["มาร์ค"โต้ "ใจ"กลางวงปาฐก] มติชน ["ใจ อึ๊งภากรณ์"ชูตีนตบรับ"มาร์ค"ที่อ๊อกซ์ฟอร์ด-นายกฯลั่นไม่ยอมให้เสียงข้างมากหักล้างความโปร่งใส] ASTVผู้จัดการออนไลน์ [“มาร์ค” ปาฐกถาออกซฟอร์ด ยันไทยมี ปชต. “ใจ” โผล่พกตีนตบถาม กม.หมิ่น] the Nation [Abhisit vows progress on democracy] ฯลฯ อีกหลายฉบับ รวมถึงรายการเล่าข่าวตอนเช้าของโทรทัศน์ช่องต่างๆ ในบรรดาสื่อมวลชนไทยนั้น จะยกเว้นก็แต่ข่าว Abhisit vows progress on democracy ของ Bangkok Post พูดถึงการเผชิญหน้าระหว่างนายอภิสิทธิ์กับใจเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้รายงานการโต้เถียงกันเรื่อง “หนี” แต่อย่างใด แต่เหตุผลจะมาจากความระมัดระวังของกองบรรณาธิการ หรือหน้ากระดาษในการนำเสนอข่าวอันจำกัดก็ไม่อาจทราบได้ และคำพูดเจ้าปัญหาท่อนที่ว่า “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” ของแต่ละสื่อนั้น พบว่ามีที่มาจากการรายงานของ สำนักข่าวไทย [1] ซึ่งส่งผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าวนายกรัฐมนตรีที่อังกฤษ หลังจากการนำเสนอของสำนักข่าวไทย จึงเกิดกระบวนการเผยแพร่แบบ “รวมการเฉพาะกิจ” ต่อกันมาจากสื่อไทยฉบับต่างๆ รวมทั้งประชาไท [2] ที่นำข่าวเหล่านั้นมาเรียบเรียงเพื่อเผยแพร่ต่อในคืนนั้นด้วย และหลายวันต่อมาประชาไทจึงมีการนำเสนอการรายงานในมุมมองของผู้ฟังปาฐกถาดังกล่าวโดยแปลมาจากเว็บไซต์นิวมันดาลา [3] การพร้อมใจกันรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยดังกล่าว นำมาสู่การวิจารณ์โดยสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผ่านกระทู้ “คุณภาพ” ของสื่อไทยกรณีอภิสิทธิ์ที่ Oxford [4] ในกระดานข่าวฟ้าเดียวกัน สมศักดิ์เห็นว่าเป็นการรายงานข่าวเพื่อทำให้ “อภิสิทธิ์ มี "ชัยชนะ" ในการโต้กัน (ซึ่งความจริง เป็นประเด็นจิ๊บจ๊อย) ประเภท สามารถสวนกลับใจ ในสิ่งที่ใจ ตอบไม่ได้ ปัญหาคือ ที่จริง อภิสิทธิ์ ไม่ได้สวนกลับ ใจ ด้วยประโยคทีว่าเลย” “สรุปแล้ว เวลาอ่านหรือฟัง สื่อ ไทย ไม่ว่า ช่องไหน ฉบับไหน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญๆ ต้องลอง double-check ให้ดีก่อน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประเด็นที่ถูกนำเสนอ เป็น "หัวข่าว" (คือชูเป็นประเด็นใหญ่) ต้องลองเช็คให้ดีๆ” สมศักดิ์ทิ้งท้าย 2.นักข่าวพลเมืองทลายการปิดกั้นจากสื่อหลัก ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเป็นจำนวนมากชุมนุมอย่างสงบภายนอกห้องประชุมที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะปาฐกถา โดยไม่ได้มีจำนวน 2 คน อย่างที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยรายงานแต่อย่างใด (ที่มาของภาพ: Thaienews) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้บริหาร Oxford (ที่มาของภาพ: Thaienews) ใจ อึ๊งภากรณ์ ขอตั้งคำถามและอภิปรายนายอภิสิทธิ์ (ที่มาของภาพ: Thaienews) คนเสื้อแดงถ่ายทอดสดการชุมนุมของตนทางอินเตอร์เน็ตด้วยกล้องที่ติดกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุค(ที่มาของภาพ: Thaienews) ไม่ได้มีแค่เรื่อง “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” ที่คลาดเคลื่อนไป แต่ยังมีเรื่องจำนวน “ผู้คัดค้าน” ในการปาฐกถานั้นด้วย โดยการรายงานในช่วง ข่าวภาคค่ำ [5] ในวันที่ 14 มี.ค. ของสำนักข่าวไทย สุปวีณ์ ปฏิภาณวัฒน์ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวไทย โทรศัพท์รายงานมาจากประเทศอังกฤษถึงบรรยากาศการปาฐกถาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและการประท้วงหน้าสถานที่ปาฐกถา โดยสุปวีณ์รายงานว่า มีใจ อึ๊งภากรณ์และคนเพียง 2 คนยืนแจกใบปลิว "ก็มีคนสวมเสื้อโค๊ดสีแดง ไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มเสื้อแดงหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าช่วงนี้ประเทศอังกฤษกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ สีสันก็เลยออกมา เขาก็ไม่ได้ทำอะไรก็ยืนเฉยๆ 2 คน แล้วก็อาจารย์ใจก็เข้ามาในห้องประชุมที่มีการปาฐกถาพิเศษ" นอกจากนี้ยังบอกว่าคนในห้องประชุมไม่ให้ความสนใจกับอาจารย์ใจ และช่วยกันพูดให้อาจารย์ใจเข้าสู่คำถามในช่วงอภิปราย หากเหตุการณ์นั้นมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวไทยเป็นผู้รายงานเพียงผู้เดียว นอกจากผู้ที่อยู่ในการปาฐกถานั้นแล้ว ก็คงไม่มีวันทราบว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่ แต่จากการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวพลเมืองผ่านบล็อก Thaienews [6] ทำให้พบว่านอกจากการคัดค้านอภิสิทธิ์โดยใจแล้ว ภายนอกยังมีผู้ชุมนุมเสื้อแดงจำนวนมากถือป้ายรณรงค์และแจกใบปลิวคัดค้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้มีจำนวน 2 คนอย่างที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยรายงาน และในห้องประชุมดังกล่าวก็มีผู้ร่วมประชุมสวมเสื้อแดงหลายราย นอกจากนี้เครือข่ายคนเสื้อแดงในอังกฤษยังทำการถ่ายทอดสดการชุมนุมของตนผ่านทางอินเตอร์เน็ตด้วย สถานทูตปรามเสื้อแดงอย่าทำให้เสียชื่อ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าจำนวนคนที่อยู่ในห้องประชุมเพื่อฟังปาฐกถาของอภิสิทธิ์นั้นครึ่งหนึ่งเป็นคนที่ถูกเกณฑ์มาจากสถานทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ และคณะผู้ติดตามมาประเทศอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยยังโทรศัพท์ถึงแกนนำผู้ชุมนุมเสื้อแดงในอังกฤษว่าอย่าทำให้ประเทศไทยเสียชื่อ พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่สถานทูตดังกล่าวสอดคล้องกับที่ กิตติ วะสีนนท์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน ที่ออกอากาศในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ออกอากาศทาง NBT [7] ช่วงเช้าวันที่ 15 มี.ค. ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ โดยกิตติกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนไทยในประเทศอังกฤษว่า “ในความเห็นของผมเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิในทางประชาธิปไตย แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ภายในประเทศจะมีความคิดเห็นต่างกัน แต่ใจผมเนี่ย ก็อยากที่จะให้คนไทยนึกถึงหน้าประเทศชาติเหมือนกันว่าเวลาอย่างการเยือนของ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นการเยือนในนามของรัฐบาลไทย ท่านมาทำหน้าที่ให้กับประเทศไทย” 3.เรื่องของใจ สำหรับ “ใจ อึ๊งภากรณ์” “บุคคลต้องห้าม” ในทัศนะฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทย หลังการออกนอกประเทศพร้อมร่อนแถลงการณ์ “สยามแดง” นั้น ภายหลังจากที่การเข้าฟังปาฐกถาของอภิสิทธิ์ เมื่อ 14 มี.ค. เขาได้ออกจดหมายเปิดผนึกหัวข้อ “อภิสิทธิ์พูดที่ Oxford: คำโกหก คำแก้ตัว และการบิดเบือนความจริง” เผยแพร่ทางอีเมล์ทันที โดยใจความของจดหมายเปิดผนึก [8] โดยสรุป ระบุว่า คำพูดของอภิสิทธิ์เต็มไปด้วยคำโกหกหลอกลวงและคำแก้ตัว แต่ทั้งๆ ที่เขามั่นใจคิดว่าคนทั่วโลกโง่ คนไทยส่วนใหญ่และคนต่างประเทศที่เข้าใจการเมืองไทยไม่มีวันเชื่ออะไรที่ออกมาจากปากเขา ใจ ตั้งข้อสังเกตว่า “สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือทางรัฐบาลไทยกลัวประชาชนมาก มีการกีดกันคนไทยธรรมดาที่อยากเข้าไปตั้งคำถามจำนวนมาก” อภิปราย ‘มาร์ค’ นอกห้อง แนะหลังเป็นนายกฯ ให้ไปเล่นตลก ในจดหมายดังกล่าว กล่าวถึงเนื้อหาปาฐกถาของอภิสิทธิ์ว่า อภิสิทธิ์โกหกว่าเขาได้รับการ “เลือกตั้งมาเป็นนายก” และอวดว่าตนเองเป็น “ผู้ปกป้องประชาธิปไตยไทย” แต่กระนั้นเขายังยืนยันว่าต้องมีกฎหมายหมิ่นฯ “เพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศ” และมองว่าใจควรถูกลงโทษจากการเขียนหนังสือวิจารณ์รัฐประหาร 19 กันยา “เพราะไปดูหมิ่นกษัตริย์” เมื่อถูกถามว่าหมิ่นตรงไหนในหนังสือ อภิสิทธิ์บอกว่าจำไม่ได้ ทั้งๆ ที่อ้างว่าอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว เลยแก้ตัวว่ามีคนเล่าให้ฟังว่าหมิ่น นอกจากนี้อภิสิทธิ์พูดว่าคดีคุณโชติศักดิ์ได้ยกเลิกไปแล้ว และการจับกุมผู้บริหารประชาไทเป็น “ความผิดพลาดของตำรวจ” ซึ่งเขาได้ “เคลียร์เรื่องนี้” โดยการโทรศัพท์ไปหาผู้บริหารประชาไทแล้ว หลังจากนั้นอภิสิทธิ์อ้างว่าแกนนำพันธมิตรที่ยึดสนามบินจะโดนคดีแน่ๆ และนายพลที่มีส่วนในการฆ่าคนที่ตากใบจะถูกลงโทษอีกด้วย “หลังจากที่เราเอาเขาออกจากตำแหน่ง อภิสิทธิ์ควรหากินเป็นนักแสดงตลกมั้ง?” ใจ ตั้งคำถาม ทั้งๆ ที่อภิสิทธิ์ขี้ขลาดไม่ยอมรับคำท้าของผมเพื่อโต้วาทีสดในรายการโทรทัศน์ไทย เขาหน้าด้านกล่าวหาผมว่าหนีคดีที่เมืองไทย โดยเสนอว่าศาลมีความยุติธรรม เขาพูดต่อว่า “อย่าดึงกษัตริย์มาในเรื่องการเมือง” แต่คงไม่กล้าพูดอย่างนี้กับเจ้านายของเขาในกองทัพหรือในพันธมิตรฯ ผมจึงแสดงความเห็นว่าทั้งอภิสิทธิ์ (เซ็นเซอร์) อ่อนแอและไร้อุดมการณ์ประชาธิปไตย ในขณะที่เจ้านายแท้ของสังคมคือทหาร แถลงการณ์จากใจ ระบุในช่วงท้ายว่า ช่วงบ่ายมีการประชุมกลุ่มเสื้อแดงที่ออกซ์ฟอร์ดในช่วงบ่าย คนเสื้อแดงในอังกฤษยืนยันจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยและตกลงกันว่าจะประชุมเป็นประจำทุกเดือน เราตกลงกันว่าเราจะเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศก่อนสิ้นปีภายใต้ กติกาของรัฐธรรมนูญปี 40 โดยที่ประชุมเสื้อแดงที่ออคซ์ฟอร์ด ยังให้ความเห็นในเรื่องการปฏิรูปการเมืองว่าประชาชนไทยต้องเป็นผู้ทำ ไม่ใช่ปล่อยให้สถาบันพระปกเกล้าที่ไม่เคยสนับสนุนประชาธิปไตยเป็นผู้เสนอการปฏิรูป ใจยืนยันเสรีภาพทางการเมืองในอังกฤษ ตั้งคำถามคณะมาร์คมามากเหมือน ‘ช็อปปิ้งทริปส์’ ใจยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า สาเหตุที่การรณรงค์ของเขาและคนเสื้อแดงในอังกฤษไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนของรัฐบาลอภิสิทธิ์จับ เพราะในอังกฤษ ไม่มีการจับผู้ที่แสดงความเห็นทางการเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนอภิสิทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิจับเขาและคนเสื้อแดงเช่นกัน นักวิชาการผู้นี้ยังแนะนำนายอภิสิทธิ์เกี่ยวกับการยกตัวอย่างกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศแถบยุโรปว่า ไม่ควรอ้างว่าที่ยุโรปมีคนติดคุกเพราะวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เพราะเป็นเรื่องไม่จริง นอกจากนี้ใจยังฝากถามนายอภิสิทธิ์ด้วยว่าทำไมนายอภิสิทธิ์จึงพาคณะผู้ติดตามมาจากประเทศไทยเป็นจำนวนมากเหมือน ‘ช็อปปิ้งทริปส์’ เผยคลิป ‘ใจ’ ไม่หนี แถมท้าดีเบต มาร์คโอเคแต่ต้องที่เมืองไทย ส่วนที่มีสื่อมวลชนไทยรายงานข่าวว่าอภิสิทธิ์กล่าวตอบโต้กับ ใจ ว่า “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” นั้น จากคลิปที่การโพสต์ไว้ใน youtube.com โดยคุณ 1434278 [9] ซึ่งเป็นช่วงที่อภิสิทธิ์ตอบคำถามกับ ใจ โดยช่วงหนึ่งเขากล่าวในเชิงปกป้องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (นาที่ 1.56) โดยอภิสิทธิ์บอกว่ามีกฎหมายเช่นเดียวกันนี้ในประเทศยุโรปบางประเทศ ซึ่งมีสถาบันกษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีคนถูกจำคุกในประเทศยุโรปประเทศหนึ่งด้วยกฎหมายที่คล้ายกันนี้ ดังนั้นกฎหมายโดยตัวของมันเองไม่ใช่เรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตย “ถ้าหากคุณไปพูดแบบนี้ หรือกล่าวหาคนทั่วไปแบบนี้ คุณก็จะถูกฟ้องศาลเช่นกัน สิ่งที่กฎหมายทำก็คือการคุ้มครองราชวงศ์ในแบบเดียวกับที่กฎหมายหมิ่นประมาท คุ้มครองคนทั่วไป” อภิสิทธิ์ กล่าวว่ามีข้อแตกต่างระหว่างกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับกฎหมายหมิ่นประมาทคนทั่วไป เนื่องจากราชวงศ์ไทยนั้นเป็นสถาบันที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และอยู่เหนือความขัดแย้ง และเป็นสถาบันที่ได้รับความเคารพศรัทธาโดยประชาชนไทย และเป็นเสาหลักของความมั่นคงแห่งชาติ ดังนั้นกฎหมายจึงไม่ต้องการให้สถาบันกษัตริย์ต้องมาฟ้องร้องคดีต่อประชาชน อภิสิทธิ์กล่าวว่า นี่จึงเป็นสาเหตุที่มีคนหลายคนถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกำลังต่อสู้คดีอยู่ หลายกรณีก็ได้รับการยกฟ้อง เขายังกล่าวว่ามีคนหลายคนต่อสู้คดีนี้อยู่ในประเทศ เพราะเชื่อว่าพวกเขาบริสุทธิ์ โดยไม่หลบหนีข้อกล่าวหา ซึ่งตรงนี้ใจกล่าวสวนว่า “ผมไม่ได้หลบหนีข้อกล่าวหา” และอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมก็ไม่ได้พูดว่าคุณหนีนี่” จากคำตอบของอภิสิทธิ์ทำให้มีผู้ชมส่วนหนึ่งปรบมือ จากนั้นใจเอ่ยถามว่าอภิสิทธิ์จะโต้วาทีทางโทรทัศน์กับเขาหรือไม่ อภิสิทธิ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร ซึ่งมีผู้ชมบางคนปรบมือให้ใจเช่นกัน โดยอภิสิทธิ์กล่าวว่าผมไม่โต้วาทีด้วย และว่าถ้าคุณไม่ชอบคำถามของผม แต่คุณเรียนรู้กับคนที่มีความเห็นที่ต่าง คุณถึงจะเป็นผู้นิยมประชาธิปไตยแท้จริง ช่วงนี้เองที่ผู้ดำเนินรายการบนเวที พยายามตัดบทใจ และบอกว่าคำถามสุดท้ายแล้ว คนอื่นอาจจะมีคำถามอื่น แต่อภิสิทธิ์ปฏิเสธ โดยกล่าวว่าไม่มีปัญหา ผมยังมีประเด็นอีกมากกับเขา และกล่าวว่าเขาจะโต้วาทีกับใจในเมืองไทยเท่านั้น เพราะใจต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเช่นเดียวกับประชาชนไทยคนอื่น 4.เก็บตกจากปาฐกถา: สมชาย ตากใบ โชติศักดิ์ จีรนุช และพันธมิตรฯ นอกจากนี้ จากคลิปที่โพสต์ไว้ใน youtube.com โดยคุณ 1434278 ดังกล่่าว อภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงคดีของโชติศักดิ์ อ่อนสูง (ผู้ต้องหาคดี ม.112 เนื่องจากไม่ยืนระหว่างการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี) ว่ามีการถอนฟ้องแล้ว (1.30) อย่างไรก็ตามโชติศักดิ์ยืนยันว่าคดีของเขายังอยู่ในชั้นอัยการ โดยโชติศักดิ์และเพื่อนจะต้องไปฟังคำสั่งอัยการว่าเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 30 มี.ค. อภิสิทธิ์ยังบอกว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เชิญกลุ่ม เน็ทติเซ่น (Netizen) มาพบสองครั้งแล้ว เพื่อที่จะหารือป้องกันการแสดงข้อความที่ผิดกฎหมายทางเว็บไซท์ต่างๆ (5.40) และยังโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวกับผู้ที่ถูกจับล่าสุดเพราะความเข้าใจผิดของตำรวจ (หมายถึงกรณีตำรวจกองปราบจับจีรนุช เปรมชัยพร ผอ.เว็บไซต์ประชาไท เมื่อวันที่ 6 มี.ค.) (5.50) ‘มาร์ค’ โทหา ด้าน ‘ผอ.ประชาไท’ ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเรื่องนี้ จีรนุช ได้ชี้แจงผ่านประชาำไทเว็บบอร์ด [10] หัวข้อลำดับที่ 784710 เมื่อ 16 มี.ค. ว่า อภิสิทธิ์โทรมาจริง ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Netizen) ไปพบอภิสิทธิ์ตามคำเชิญที่ห้องทำงานที่รัฐสภา ก่อนที่อภิสิทธิ์จะเดินทางไปอังกฤษ ส่วนจีรนุช ตัดสินใจไม่ไปเข้าพบพร้อมกับคณะตัวแทนของเครือข่ายพลเมืองเน็ต เพราะไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องการผลประโยชน์ต่อคดี เพราะโดยส่วนตัวอยากให้เครือข่ายพลเมืองเน็ตผลักดันกรณีปัญหาของข้อกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายในภาพรวม อย่างไรก็ตามเมื่อมีโทรศัพท์มาว่านายอภิสิทธิ์อยากคุยด้วย จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ถูกจับกุมดังกล่าว และอภิสิทธิ์สอบถามเพิ่มเติมว่าทางตำรวจให้เหตุผลเรื่องการออกเป็นหมายจับว่าอย่างไร จึงตอบไปตามที่ได้คำตอบจากตำรวจในวันนั้น ซึ่งตำรวจให้เหตุผลว่าเนื่องจากเป็นคดีที่มีฐานความผิดเกินกว่า 3 ปี และเป็นวินิจฉัยของศาล ซึ่งก็สอบถามต่อไปว่า ตามที่เข้าใจส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่การตั้งเรื่องจากตำรวจไปที่ศาลไม่ใช่ หรือ และอันที่จริงตำรวจก็สามารถที่จะออกหมายเรียกได้เองโดยไม่จำเป็นต้องขอหมายศาลด้วยซ้ำ ซึ่งคำถามนี้ก็ไม่ได้รับคำตอบจากตำรวจ โดยจีรนุช พูดถึงเท่านี้สายโทรศัพท์ก็ตัดไป คดีพันธมิตรฯ ประเด็นที่ต้องติดตามจากอภิสิทธิ์ นอกจากการตั้งคำถามของใจต่ออภิสิทธิ์ และตามมาด้วยการอภิปรายโต้ของอภิสิทธิ์นั้น ยังมีประเด็นที่น่าสนใจที่อภิสิทธิ์ตอบคำถามของผู้เข้าฟังปาฐกถา [11] โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตั้งใจที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมในการรื้อฟื้นการสอบสวนในคดีอื่นๆ อาทิเช่น กรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร รวมไปถึงการตั้งข้อกล่าวหากับผู้นำกองทัพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ตากใบ เขายังตอบคำถามผู้หญิงไทยคนหนึ่งเกี่ยวกับการดำเนินคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า “ตอนนี้พวกตำรวจกำลังเตรียมออกหมายจับในกรณีการยึดทำเนียบรัฐบาล ผมได้รับรายงานจากตำรวจอยู่สม่ำเสมอ และผมก็ได้รายงานต่อรัฐสภาเกี่ยวกับกรณีปิดสนามบิน ครั้งล่าสุดที่ตำรวจรายงานสองสัปดาห์ก่อน รายงานได้เสร็จสิ้นไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าจะมีการดำเนินคดีในเร็วๆ นี้” และเมื่อผู้หญิงคนนี้ถามย้ำอีกว่าให้บอกชัดๆ ได้หรือไม่ว่าเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตำรวจบอกว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักสองสามสัปดาห์ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่อง “ที่ยังไม่ได้รับรายงาน” หลังการเยือนอังกฤษของอภิสิทธิ์และคณะ หลายเรื่องเป็นประเด็นที่รออภิสิทธิ์จัดการ โดยเฉพาะการรับปากว่าจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตากใบ และการดำเนินคดีพันธมิตรฯ และอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะวาทะ “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร” ก็ถูกทำให้เป็นที่กระจ่างแล้ว อาจจะเหลือก็แค่ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังแผ่นเสียงตกร่อง ใช้ข้อมูลที่ยังบิดเบือน ปราศรัยขับกล่อมมวลชนที่เวทีพันธมิตรฯ ที่หน้าบ้านเจ้าพระยาเมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค. [12] “ใจ อึ๊งภากรณ์ บอกว่าไม่หนี ไม่หนี ไม่หนี พูดที่อังกฤษนะ นายกรัฐมนตรีเลยตอบว่า ไม่หนีแล้วคุณมาอยู่นี่ได้ยังไง คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง คุณพูดในประเทศไทย คุณเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์ คุณเป็นบุคคลสาธารณะ คุณตั้งพรรคการเมืองกระจอกๆ พรรคหนึ่งแล้วไม่มีใครไปเป็นสมาชิกมากมายอะไรเลย วันนี้คุณไม่หนีแต่คุณไปอยู่อังกฤษ คุณไปอยู่ใกล้ๆ ใครบางคนใช่ไหม เมื่อก่อน คุณไปอยู่แถวนั้นใช่ไหม ที่นั่นคือผู้ลี้ภัยของอาชญากรแผ่นดิน ใช่ไหมครับพี่น้อง” อ้างอิง [1] “อภิสิทธิ์” ยืนยันประชาธิปไตยไทยจะไม่ถอยหลัง, สำนักข่าวไทย, 14/3/2552 [2] ‘มาร์ก’ ลั่นไม่ยอมให้เสียงข้างมากหักล้างความโปร่งใส ถาม ‘ใจ’ ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร, (ที่มา: สำนักข่าวไทย, มติชนออนไลน์, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์), ประชาไท, 14/3/2552 [3] การพูดของอภิสิทธิ์ที่อ็อกซ์ฟอร์ดและการโต้คารมกับนายใจ รายงานจากผู้ฟังทั้งในและนอกห้อง, ประชาไท, 18/3/2552 [4] "คุณภาพ" ของสื่อไทย กรณี อภิสิทธิ์ ที่ Oxford, กระดานข่าวฟ้าเดียวกัน, 19/3/2552 [5] Abhisit & Giles at St. Johns College OXFORD, (คัดลอกจากสำนักข่าวไทย), meng438, http://www.youtube.com/watch?v=ZvlsNOkjL7g [6] http://thaienews.blogspot.com/2009/03/blog-post_5310.html [7] การปาฐกถาที่ Oxford, (รายการเชื่อมั่นประเทศไทย, NBT, 15/3/2552), AbhisitOrg http://www.youtube.com/watch?v=qBlQljSpQAg&feature=related [8] http://thaienews.blogspot.com/2009/03/blog-post_15.html [9] นายกฯ อภิสิทธิ์ตอบใจ PM Abhisit answered JI, 1434278 http://www.youtube.com/watch?v=V-fsOdpVFsw [10] กระดานข่าวประชาไท ที่ 784710, http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=784710 [11] การพูดของอภิสิทธิ์ที่อ็อกซ์ฟอร์ดและการโต้คารมกับนายใจ รายงานจากผู้ฟังทั้งในและนอกห้อง, ประชาไท, 18/3/2552 [12] “สมเกียรติ”สวน“ไข่แม้ว”บอร์ดการท่าฯ 11 ธ.ค.ตำหนิ “เสรีรัตน์”สิ่งปิดสนามบิน, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 21 มีนาคม 2552, ASTVผู้จัดการออนไลน์ ข่าวที่เกี่ยวข้อง ‘มาร์ก’ ลั่นไม่ยอมให้เสียงข้างมากหักล้างความโปร่งใส ถาม ‘ใจ’ ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร, (ที่มา: สำนักข่าวไทย, มติชนออนไลน์, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์), ประชาไท, 14/3/2552 นักเรียนอังกฤษ ยื่นข้อเสนอ ‘มาร์ก’ เรียกร้องปฏิรูป รธน.- กฎหมายหมิ่นฯ ตามด้วยยุบสภา, ประชาไท, 15/3/2552 โชติศักดิ์เผยคดีไม่ยืนฯ อยู่ชั้นอัยการ ยังไม่ยุติอย่างที่นายกฯ บอก, ประชาไท, 17/3/2552 การพูดของอภิสิทธิ์ที่อ็อกซ์ฟอร์ดและการโต้คารมกับนายใจ รายงานจากผู้ฟังทั้งในและนอกห้อง, ประชาไท, 18/3/2552 บทความ “คุณภาพ” ของสื่อไทยกรณีอภิสิทธิ์ที่ Oxford, สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, 20/3/2552 แน่ใจหรือว่า “ประชาธิปไตย” แบบ ‘อภิสิทธิ์’ หมายถึง “ประชาธิปไตย” จริงๆ, ประชาไท, 19/3/2552 ผมไม่ได้หนี, ประชาไท, 19/3/2552