Skip to main content

< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >


หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)

จรัสพงษ์ บอกว่า สาเหตุของปัญหาที่เกิดในขณะนี้นั้นมาจาก 3 ปัจจัยนั่นคือ การโกงกิน ความแตกแยก และ คุณภาพผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยได้ขยายความถึงคุณภาพของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้อย่างละเอียดตั้งแต่ชาติกำเนิด (ไทย/ จีน/ เจ๊ก/ ลาว/ เสี่ยว) ไปจนถึงระดับการศึกษา และสถานภาพทางชนชั้น

ลองนั่งคิดต่อเล่นๆ จากบทสัมภาษณ์ของจรัสพงษ์แล้ว ก็น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ถ้าจะให้คนมีเสียงไม่เท่ากัน เพราะ “คุณภาพ” แล้ว จะวัดกันอย่างไร

การจะให้สิทธิใครได้มากกว่าใครอาจต้องคิดคำนวณกันตั้งแต่ระดับดีเอ็นเอ คนที่พ่อเรียนจบปริญญาโท ส่วนแม่จบ ป.4 กับคนที่พ่อเรียนไม่จบ แต่แม่มีดีกรีเป็นดอกเตอร์ จะมีค่า หรือสิทธิ เท่าหรือต่างกันกี่มากน้อย

เมื่อเข้าโรงเรียน เด็กที่เรียนโรงเรียนวัดจะมีสิทธิต่างจากคนที่เข้าเรียนในโรงเรียนระดับท็อปไฟว์ของประเทศแค่ไหน แล้วเด็กที่ได้ที่หนึ่งของหมู่บ้านเล็กๆ ในอีสานจะมีค่าเทียบเท่ากับที่โหล่ของโรงเรียนท็อปไฟว์ในกรุงเทพฯ หรือเปล่า

เมื่อจบการศึกษา เราจะให้สิทธิแก่นักศึกษาเหล่านั้นลดหลั่นตามลำดับชั้นความยอดนิยมของมหาวิทยาลัย หรือจะวัดจากอะไร ความเก่าแก่? คุณภาพ? การจัดอันดับโดยคนไทย? (ที่ขี้เกียจ และปล่อยให้ “เจ๊ก” กับ “เสี่ยว” ยึดเมืองตามความเห็นของจรัสพงษ์) หรือ อาจต้องโดยต่างชาติแบบสิงคโปร์? (ที่เจริญแล้วในสายตาของจรัสพงษ์)

เพียงไม่กี่ช่วงของชีวิตก็ดูเหมือนการให้สิทธิตีค่าของคนจะซับซ้อนทับซ้อนจนยากจะคำนวณ

งานแบบไหนจะได้รับสิทธิสูงสุดกว่ากัน ข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า (ห้างร้าน/ หาบเร่/ แบกะดิน) โปรแกรมเมอร์ นักบิน ครู หมอ ดีไซเนอร์ คนขายข้าวหน้าเป็ด มอเตอร์ไซค์รับจ้าง นักเขียน ?

ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทด้วยไหม บริษัทเฉยๆ บริษัทมหาชน บรรษัทสากล หรือบริษัทระดับจักรวาล?
 
ผู้ใช้แรงงาน (ที่เหมือนบาบูนในสายตาของจรัสพงษ์) ซึ่งฝึกฝนฝีมือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งจนชำนาญ แต่ได้ค่าแรงน้อยนิดเพราะถูกนายจ้าง ซึ่งมีการศึกษาสูง เฉียบแหลมในการคำนวณต้นทุนให้ต่ำสุดใจ เพื่อกำไรสูงสุดขีด จะมีเสียงสักเท่าใดดี  

คนรากหญ้าที่เดือนเงินหรือค่าแรงต่อวันถูกแสนถูก จนรัฐบาลไม่ (อาจ) เก็บภาษีเงินได้ แต่ต้องจ่ายภาษีทางอ้อม 7% ผ่านการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทุกวันๆ กับเศรษฐีใหญ่ ที่แน่นอนว่าจ่าย 7% เหมือนกัน แต่ที่ดินที่บังเอิญมีหลายร้อยแปลงนั้นไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน หรือภาษีมรดกสักแดง (คนจะรวยช่วยไม่ได้?) จะมีค่าต่างกันยังไง
 
การให้คุณค่าแก่ใครคนใดคนหนึ่งนั้น ต่างคนก็มีมาตรฐานกันคนละชุด สายตาคนละแบบ ความเชื่อคนละลัทธิ

อะไรคือจุดที่ลงตัว หากไม่กลับมาที่จำนวนที่ “นับได้” (1 คน 1 เสียง)

“การเมืองใหม่” ที่หลายคนผลักดัน ไม่ว่าจะมีรูปแบบอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ใช้จำนวนเสียงจำนวนหัวของผู้ชุมนุม ในการผลักดันประเด็นมิใช่หรือ ไม่อย่างนั้นการมารวมตัวชุมนุมเพื่อ “แสดงพลัง” นั้นจะมีความหมายอะไร

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
ศรายุธ ตั้งประเสริฐ
Hit & Run
  โจว ชิงหมาเกิด     ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)    
Hit & Run
เดือนมีนาคมแล้วค่ะท่านผู้อ่าน ช่วงเวลาที่นักเรียนชั้น ม.6 ต้องจำจากจรสถาบันอันเป็นที่รักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทั้งจากความต้องการของตัวเองและกระแสสังคมที่ต่างคาดหวังว่าการ ศึกษาคือหนทางแห่งการเป็น “เจ้าคนนายคน” หากท่านผู้อ่านเคยผ่านช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นระบบเอนทรานซ์หรือระบบแอดมิชชันคงยังจำช่วงเวลาหฤโหดของการเข้าห้องสอบที่แบกเอาความฝันของตัวเอง ความคาดหวังของผู้บุพการี และหน้าตาของสถาบันระดับมัธยมศึกษา (ที่มักจะวัดกันด้วยจำนวนนักเรียนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้)ตลอดจนท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู อาจารย์…
Hit & Run
ปีนี้บรรยากาศเหน็บหนาวที่มาพร้อมกับลานเบียร์หลายแห่งตามห้างสรรพสินค้า มีเรื่องสนุกสนานทวีคูณมากขึ้น เมื่อเกิดปรากฏการ “สาวลีโอ” ที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเมื่อไปพันกับการเมืองยุคอำมาตย์ฝึกหัดครองเมือง เมื่อมาถึงปลายปีที่มีบรรยากาศหนาวๆ ชวนให้เปล่าเปลี่ยว ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรษัทค่ายน้ำเมาต่างๆ จะต้องมีแคมเปญอะไรมาเป็นของกำนัลให้กับหนุ่มๆ คึกคักมีชีวิตชีวา โดยปฏิทินรูปแบบวาบหวามมักจะถูกเข็นออกมาในช่วงนี้ และลีโอก็ไม่เคยพลาด หลังจากที่ได้ “ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม” มาช่วยเป็นแม่ทัพดูแลการผลิตด้านสื่อหวาบหวิวให้ค่ายลีโอ…
Hit & Run
สถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ทำให้พวกเราไม่สามารถนำเสนออะไรหลายอย่างได้โดยเฉพาะสิ่งที่มาจากต่างประเทศ ก็เพราะประเทศสยามกำลังพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างชาติ หรือถ้าจะให้รับรู้ก็จะถูกบิดเบือนหรือรับเอามาดัดแปลงให้เป็นวาทศิลป์มุ่งสำเร็จความใคร่ในการทำลายล้างศัตรูของตนเอง โดยไม่สนถึงผลกระทบที่ตามมาว่าจะบานปลายร้ายแรงขนาดไหน
Hit & Run
ก่อนที่คนเสื้อแดงจะได้รับการยอมรับนับถืออย่างทุกวันนี้ เราผ่านอะไรมามากมาย และมาวันนี้เราอาจจะลืมอะไรไปมากมายเช่นกัน ทุกวันนี้การสอดแทรกประเด็นประชาธิปไตยเพื่อผูกโยงกับมวลชนคนรักทักษิณเป็นเรื่องหลักๆ ที่เราพูดถึงกัน โดยจุดสำคัญที่ฝ่ายที่เรียกว่าตนเองเป็น“ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” สามารถมายืนข้างคนรักทักษิณได้อย่างไม่เคอะเขิน ก็คือการที่คุณทักษิณได้รับการเลือกตั้งมาตามวิถีประชาธิปไตยแล้วถูกโค่นอำนาจโดยการรัฐประหาร
Hit & Run
“กม.มั่นคงคุมเขตดุสิต แดงเย้ยตื่นตูม พท.ชี้ยั่วยุคนมาชุมนุม นายกฯ อ้างมีข่าวมือที่สาม”
Hit & Run
ขอ 'อภัย' ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ(ไม่) เกี่ยวข้องกับการ 'อภัย' ใน 'โทษ' ของคนตนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!
Hit & Run
ดูเหมือนว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะจะให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์-รณรงค์ทางอินเทอร์เน็ตเป็นพิเศษโดยที่ผ่านมามีการเปิดตัวเว็บไซต์หลายโครงการอาทิโครงการต้นกล้าอาชีพhttp://www.tonkla-archeep.com/ เว็บไซต์ช่วยชาติที่แสดงข้อมูลและความคืบหน้าของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรััฐบาล http://www.chuaichart.com/ เว็บโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนhttp://www.chumchon.go.th/ โครงการคิดอย่างยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของกอ.รมน. หรือ MOSO http://mosothai.com และล่าสุดhttp://ilovethailand.org เว็บที่ชวนคนมาแสดงความรักประเทศไทยผ่านบล็อกคลิปวิดีโอรูปถ่ายและข้อความสั้น
Hit & Run
คุณ ลิเดีย กูวารา อาจไม่ได้มีความงามตามแบบฉบับสาวทั่วไป แต่ จากองค์ประกอบการจัดวาง การตกแต่ง อุปกรณ์เสริมคือแครอทเป็นเหมือนแถบคาดกระสุน รวมถึงการโพสท์ท่าของเธอ ทำให้ดูมีเสน่ห์ด้วยพลังของความเป็นชาย (masculine) ...แม้แครอทจะดูเล็ก ๆ เหี่ยว ๆ ไปหน่อยก็ตาม
Hit & Run
ในปีนี้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐคว้ารางวัล “ภาพข่าวยอดเยี่ยม” ไปครอง หลังจากนั้นมาไม่กี่วันก็แทบจะต้องเพิ่มตำแหน่งมิสป๊อบปูล่าไปให้ด้วย เพราะมันไม่ใช่ได้รางวัลแล้วก็แล้วกันไปแบบทุกปี หากแต่ถูกพูดถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์ มีทั้งคำชื่นชมและผรุสวาทให้ระงม ฐานที่เกี่ยวพันกับการเมืองลูกกวาดหลากสีของเราเต็มๆ ในฐานะที่ไม่ใช่คณะกรรมการ (และไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ด้วย) ขอประกาศสนับสนุนคณะกรรมการที่ให้รางวัลแก่ภาพนี้ โดยจะขอยกเหตุผลเพิ่มเติมจากท่านคณะกรรมการตัวจริงที่อาจพูดสั้นไป เพราะท่านคงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพวกไม่รู้จักจบจักสิ้น ไม่รู้จักแพ้ชนะ ทั้งยังไม่มีองค์ความรู้ด้านสื่อสารมวลชน…
Hit & Run
ภาพจาก: http://imaim.wordpress.com แรงกระเพื่อมของสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อเรื่อง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ต้องมานั่งนับวันว่า เมื่อไหร่จะถึงวันที่กฎหมายฉบับนี้นี้จะเขาที่ประชุม ครม.เพื่อลุ้นเอาแค่กฎหมายฉบับนั้นจะผ่านครม.เข้าสู่สภาฯ ได้หรือไม่ แล้วค่อยไปว่ากันต่อด้วยเรื่องหน้าตาว่าจะออกมาสวย หล่อ เพียงใด ตามที่ รมว.คลัง ท่านบอกผ่านสื่อมวลชนไว้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกำหนด 2 สัปดาห์ นี่ก็คงอยู่ในช่วงระยะเวลานัดหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ล่าสุด รมว.คลังกล่าวผ่านสื่อว่า กระทรวงการคลังยังเดินหน้าแนวคิดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.…