Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
อมาวสี ที่ 25 เมษายน นะคะ อากาศร้อนขนาดนี้ ลีอองควรจะอาบน้ำหน่อยนะ  
จีรนุช เปรมชัยพร
สวัสดีค่ะ (*_*)ถือฤกษ์รัฐบาลประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงมาทักทายทุกท่าน พร้อมกับยกป้ายคำเตือนตัวโตๆสีดำ      "ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"  ออกไปด้วยแล้ว คงช่วยลดความรำคาญใจของผู้อ่านและเพื่อนสมาชิกเว็บบอร์ดลงไปบ้าง นับย้อนหลังไปเกือบห้าปี..หลายคนคงไม่รู้ว่ากว่าจะมาเป็น 'ประชาไท' ในโลกของสื่อใหม่ (์New Media) กรรมการและทีมงานถกเถียงกันอยู่นานว่าจะตั้งชื่อ 'สื่อใหม่' ที่หวังให้เป็นสื่อทางเลือกว่าอะไรดีจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้ก่อตั้งคนสำคัญนำเสนอชื่อ 'ประชาไท' ขึ้นมา ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของทีมงานส่วนใหญ่ เหตุผลที่ขัดแย้งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกว่า "มันเชย" แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีใครเสนอตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่า และเชยน้อยกว่านี้ได้ ประกอบกับเวลาที่สื่อใหม่จะต้องปรากฎโฉมในไซเบอร์เวิรล์ด ก็ไล่หลังมาชนิดหายใจรดต้นคอแล้วความ 'เชย' ก็ชนะ และระบาดเรื่อยเปื่อยมาจนถึงหน้าตาของเว็บ (อาจรวมไปถึงหน้าตาทีมงานด้วยก็เป็นได้ :P) "ประชาไท ไม่มี ย.ยักษ์" เป็นถ้อยคำติดปากทีมงานที่ต้องคอยพร่ำและย้ำกับคนที่ไปพบปะติดต่อ  จนถึงบัดนี้ก็ยังมี 'ประชาไทย' ให้เห็นอยู่เนืองๆสำคัญอย่างไรที่ประชาไทต้องไม่มี ย.ยักษ์ต้องยืนยันว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะความตั้งใจในการสื่อความหมายระหว่าง 'ไท' และ 'ไทย' นั้่นเป็นคนละเรื่องเดียวกันโดยสิ้นเชิง ขณะที่คำว่า 'ไท' ให้นัยยะแห่งการสื่อความถึง 'อิสระ, ความเป็นอิสระ' คำว่า 'ไทย' ก็เป็นคำเรียกขาน 'คน และ ประเทศ แห่งหนึ่งในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้' อันมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการสร้างส่วนต่อขยายความที่คุ้นหูกันในนามของ 'ความเป็นไทย'บ่อยครั้งที่ได้พบว่า 'ความเป็นไทย' ที่ี่ยังอยู่ในระหว่างการถกเถียงหาความหมายอันแท้จริงชัดเจนนั้น กลับถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยก กีดกัน ผลักไสหยิบยื่นความเป็นอื่น หรือความด้อยกว่าไปให้กับคนบางกลุ่มที่วันดีคืนดีอาจไ้ด้พบกับประสบการณ์ ถูกไม้บรรทัด(อันไม่เที่ยง) ไล่ล่าวัดเพื่อบอกว่า "เรามีความเป็นไทยมากน้อยเพียงใด หรือซ้ำร้ายไปกว่านั้นอาจได้โบนัสด้วยข้อหา ทำลายความเป็นไทย"การใช้ 'ความเป็นไทย' ในลักษณะนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายและสร้างข้อจำกัดต่อความเป็น'ไท' หรือนัยหนึ่งก็คือทำลายความอิสระให้กร่อนลงไปโดยส่วนตัวไม่ได้ตั้งแง่กับ 'ความเป็นไทย' นัก หากเจ้าความเป็นไทยที่ว่านี้ ไม่ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการแอบอ้างเพื่อทำลายล้างความเป็นอิสระที่มนุษย์ทุกคนควรมีเป็นต้นทุนในชีวิตเมื่อความเป็นอิสระคือหัวใจสำคัญที่จะสูบฉีดให้เป็นดุจอณูหนึ่งในมนุษย์ทุกผู้นาม โดยไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ หรือเพศใด ๆ ยังเป็นองค์ประกอบอันขาดไม่ได้ของสื่อสารมวลชนที่จะนำเสนอสาระ ข่าวสาร และทัศนะต่าง ๆ ได้โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความกลัว ความรัก หรือ ความชังสำหรับประชาไทเกือบห้าปีที่ผ่านมา เราอาจทำหน้าที่บกพร่องไปในหลายสิ่ง ทั้งด้วยข้อจำกัดทางประสบการณ์ สติปัญญา ความสามารถ, ทุนและบุคคลากรที่มีอยู่จำกัดแต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ว่าเราไม่เคยมีน้อยไป และไม่เคยถูกทำให้มีน้อยลง คือความเป็นอิสระสื่ออิสระอย่างประชาไท มีฝันเล็ก ๆ ที่เรากำลังเรียนรู้ในระหว่างทาง ในการเป็นส่วนหนึ่งของหน่ออ่อนแห่งต้นอิสรภาพที่จะได้งอกงาม แม้เพียงแปลงเล็ก ๆ ในสังคมไทยก็ยังดีจึงสำคัญเช่นนี้เองที่..ประชาไท ต้อง ไม่มี ย.ยักษ์  :-)   
แสงดาว ศรัทธามั่น
     สิบปีของห่านฟ้าสิบปีชีวาขอมอบให้สิบปีพี่น้องหญิงไต"ลุกขึ้นสู้" เพื่อความเป็นไทแห่งมนุษยชน
ภู เชียงดาว
เดาะ บื่อ แหว่ ควา สี่ จื้อ เนอ มู้ โข่ ลอ ปก้อ เฉาะ ถ่อ เจอพี่น้องประสานนิ้วมือฟ้าถล่มช่วยกันค้ำไว้ โถ่ ศรี ซี้ เล้อ แหม่จอ ป่า ซี้ ด่า แคนกยูงตายเพราะขนหางขุนนางตายเพราะเชื่อคนยุยง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมนั่งรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งสู่อำเภอแม่ริม รถวิ่งราว 16 กิโลเมตรก็ถึงอำเภอ ผมลงตรงหน้าสถานีตำรวจภูธรแม่ริม เดินเข้าซอยข้างๆ สถานีตำรวจ มือหิ้วกระเป๋าเดินทาง เพื่อเข้าไปในค่ายดารารัศมี ซึ่งเป็นค่ายของตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีจุดมุ่งหมาย จะขอโดยสารไปกับเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ที่มีราชการไปอำเภอเวียงแหง โดยเราเพียงบอกว่า เป็นข้าราชการทำงานในอำเภอ ทางเจ้าหน้าที่รับทราบก็จะอนุเคราะห์ทุกครั้ง เป็นการช่วยเหลือในวงราชการด้วยกัน ผมเดินไปครู่เดียวก็ถึง เห็นเฮลิคอปเตอร์ลายเขียวน้ำตาลจอดอยู่ลำหนึ่ง ผมชำเลืองดูรอบบริเวณ เห็นมีผู้คนจะขึ้นไปด้วย 3-4 คน กระเป๋าและสัมภาระวางบนพื้นระเกะระกะ ผมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เขาก็พยักหน้าอนุญาต และให้กรอกชื่อ ตำแหน่ง หน่วยงานของตน ในสมุดที่วางบนโต๊ะ ผมหาที่นั่งคอยเวลาขึ้นเครื่องบิน ความคิดล่องลอยไปถึงวันแรกที่ผมเดินทางไปทำงานที่เวียงแหง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นาโก๊ะลี
สนทนากับมิตรชาวมหานครคนหนึ่ง ถึงเรื่องราวของเมืองบางกอก อันสืบเนื่องจากเรื่องเล่าเรื่องราวในอดีตกาลนั้น ว่ากันต่อมาว่า บางกอกเป็นเมืองที่สวยมาก ผืนแผ่นดินลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเต็มไปด้วยห้วยน้ำลำคลอง ทุ่งนาเรือกสวน ว่าไปถึงการเดินทางสัญจรของประชาชนที่ใช้คลองใช้เรือเป็นด้านหลัก ในช่วงเวลานั้นบ้านเรือนราษฎรหันหน้าเข้าหาคลอง นี่คงเป็นภาพในอดีตที่มีการบอกเล่ากล่าวขานกันมานาน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 มีคนเคยบอกฉันว่า "การเดินทาง คือกำไรของชีวิต" อาจเป็นเพราะความฝันกระมัง ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเดินทางอย่างมากมาย สมัยฉันเป็นเด็กเล็ก ฉันเคยฝันกับตัวเองเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง...ฉันจะเป็นดั่งซานตาคลอส นักบุญใจดี ที่ชอบแบกถุงผ้าใบใหญ่พาดไหล่ เดินทางเอาขนมไปแจกเด็กๆที่หิวโหยในวันคริสต์มาส...ฉันเชื่อว่าความฝันช่วยทำให้ชีวิตคนเราในแต่ละวัน - มีความหมาย และเฝ้าบอกแก่ตนเองเสมอว่า ความฝันต้องควบคู่กับการเล่าเรียนศึกษา เพื่อเป็นบันได...ทอดขึ้นไปสู่อนาคตอันสดใส สำหรับก้าวขึ้นไป - ไขว่คว้าความฝันให้เป็นจริง...จนกระทั่งฉันโตเป็นหนุ่มฉันจึงเริ่มฝัน เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมา ฉันฝันว่า วันหนึ่ง ถ้าฉันเรียนจบการศึกษา ฉันจะทำงานราชการ จะเป็นครู...หรือเป็นอะไรก็ได้ ที่มีเงินเดือนใช้ แล้วฉันจะนำเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายส่วนตัว แบกเป้ตะลอนทัวร์ ออกไปช่วยเหลือคนที่เขาลำบากยากแค้น เหมือนซานตาคลอส เอาขนมไปแจกเด็กๆที่หิวโหย และมีคอลัมน์หนังสือเล็กๆเป็นของตัวเอง แล้วนำความฝันที่เป็นจริงนั้น มาเขียนบอกเล่าแก่ผู้คนในคอลัมน์ของตัวเอง และที่สำคัญ...ฝันของฉัน จะต้องไม่นำความเดือดร้อนไปสู่ผู้ใด...ใช่มันเป็นความฝันเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง เมื่อสามสิบปีก่อน ไม่น่าเชื่อเลย ว่าวันนี้... ฝันนั้นจะเป็นจริง แต่กว่าฝันของฉันจะเป็นจริง ฉันต้องผ่านความทุกข์สุข กับอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ทุกวันนี้ จึงย้ำบอกแก่ตัวเองอยู่เสมอว่า จะไม่ยอมให้แต่ละวันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย... สิบสองปีแล้วซินะที่ฉันแบกเป้ตะรอนทัวร์เป็นสะพานบุญเชื่อมโยงกัน ระหว่างผู้ให้กับผู้รับในคอลัมน์เล็กๆของฉัน ซึ่งบัดนี้ มันได้ผลิดอกออกผล และแผ่กิ่งก้านสาขาไปไกลถึงอเมริกา และที่แห่งนั้น ฉันได้พบความฝันของผู้หญิงคนหนึ่ง โอ...ความฝันของเธอ มันช่างเป็นความฝันที่งดงามเหลือเกิน งดงามราวกับลีลาวดีอันขาวพิสุทธิ์ ที่กำลังผลิบานส่งกลิ่นหอมจรุงใจ...วันแรกที่ฉันได้รู้จักกับเธอเป็นวันที่ฉันกำลังแบกเป้ย่ำขึ้นดอยสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ดินแดนแห่งสามหมอก และพระธาตุดอยกองมู อันทรงเสน่ห์แห่งล้านนา ท่ามกลางสายฝนพรำๆ และอากาศหนาวเย็นในวันนั้น ฉันได้รับโทรศัพท์จากเธอ โทร.ทางไกลมาจากอเมริกา "...พี่จ่าคะ บีเคยฝัน อยากจะช่วยส่งเด็กนักเรียน...เรียนหนังสือคะพี่จ่า อยากจะช่วยเขาให้เรียนจบสูงๆเท่าที่เด็กเขาจะเรียนได้ เพราะบีไม่ได้เรียนหนังสือมาก่อน ตอนนี้บีมีเงินมีโอกาส ก็อยากจะช่วยเขา เดี๋ยวนี้บีรู้แล้ว ใครคือคนที่จะช่วยให้โอกาสบี ได้สร้างความฝันนี้ให้เป็นจริงได้...""...บีติดต่อไปทางรายการ คนค้นคน ที่พี่จ่าไปออกรายการ ติดต่ออยู่ตั้งสามวัน จึงได้เบอร์โทรศัพท์มา บีขอร่วมเดินบนเส้นสะพานบุญกับพี่จ่าด้วยคนนะคะ...""...บีจะส่งเงินเป็นรายเดือน เดือนละห้าร้อยบาทบ้าง เดือนละพันบาทบ้าง และช่วงเปิดเทอมใหม่ บีจะให้พิเศษอีกต่างหาก ช่วยให้ฝันของบีเป็นจริงด้วยนะคะ   ตอนเป็นเด็ก...บีอยากเรียนหนังสือจนใจจะขาด แต่ก็ไม่ได้เรียนเพราะความจน...""...ที่บีทำไป บีไม่ต้องการอะไรเป็นสิ่งการตอบแทนหรอก บีอยากจะช่วยจริงๆจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายก็ได้ จะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ไม่สำคัญ แต่ขอให้มีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจจริงไม่ติดยา ไม่ค้ายาเสพติด เป็นคนดีของครู ของพ่อแม่ หรือของสังคมก็ได้...""...แล้วถ้าหากเด็กได้เงินไปแล้ว เอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร หรือเด็กเขาเลิกเรียนกลางคันหรือลาออกไปแต่งงาน และเรียนไม่จบ จะถือว่าเป็นความผิด และเสียที่พี่จ่าหรือเปล่า..." ฉันย้อนถามเธอ ทางปลายสายครั้งที่ห้า ที่เธอโทร.ติดต่อมา เพื่อความสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย"...ไม่เลยคะพี่จ่า บีคิดว่า นั่น...มันแล้วแต่บุญวาสนาของเด็ก ก็สุดแล้วแต่ตัวเขา... ในเมื่อเราตั้งใจดีที่จะช่วยเหลือเขาแล้ว บีจะไม่เก็บเอามาคิด...บีอยากช่วยเหลือเด็กจริงๆ และบีเชื่อว่าพี่จ่าจะช่วยสร้างฝันของบีให้เป็นจริงได้ นะคะ...""...บีมีโอกาสได้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ บีก็ฝันอีกนั่นแหละ ว่าเด็กๆที่บีถือว่า...เป็นเสมือนดังลูกของบีแต่ละคน คงจะโตๆกันทั้งนั้น แล้วเราจะนัดพบกัน...ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แล้วบีจะขอให้พี่จ่า พาบีไปเยี่ยมลูกๆของบีในแต่ละจังหวัด บีคงมีความสุขที่สุดในโลกเลยนะคะพี่จ่า..."ใช่ สามปีแล้วที่ฉันได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่เสียงจากปลายสาย แต่สิ่งที่เธอได้กระทำ มันช่างมีคุณค่ามหาศาลในความรู้สึกของฉัน ที่เธอได้หยิบยื่นโอกาสให้แก่เด็กๆที่ด้อยโอกาส 10 กว่าคน ตั้งแต่เงินทุนในการศึกษา และการให้กำลังใจทางโทรศัพท์ แถมยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของเด็กๆเหล่านั้นด้วย...เช่น ครอบครัวของสุภาพร อุดรรุ่ง กับน้องสาว ที่จังหวัดอุดรธานี ที่เธอยื่นมือเข้าไปเข้าช่วยเหลือ และเผื่อแผ่ไปให้ผู้เป็นตาที่นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ส่งเงินมาช่วยเหลือแต่ละครั้ง ไม่เคยต่ำกว่าสาม - สี่พันบาท โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมใหม่ ไม่รู้หัวใจเธอทำด้วยอะไร  บางทีฉันบอกผ่านทางปลายสายไปว่า ไม่ไหวก็ให้หยุดเถอะ...เธอบอกว่ายังมีแรงไหวคะพี่จ่า...และครอบครัว ของฐากูรและคัทลียา โสมทรัพย์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี อีกครอบครัวหนึ่ง ที่เธอภูมิใจเป็นนักเป็นหนา และบอกแก่ฉันว่าดีใจมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือน้องทั้งสองคน เมื่อฉันส่งเรื่องราวของเด็กทั้งสอง ที่แม่เขียนมาเล่าให้ฟังถึงสาม - สี่หน้ากระดาษ...เธอบอกว่าอ่านแล้วน่าสงสารอนาคตของเด็กเธอจะส่งเรียนให้จนถึงที่สุด...ถ้าหากถามตำรวจเช่นฉันว่า ครอบครัวฐากูรเป็นเช่นไร ฉันเพียงเจอครั้งเดียว ในวันที่ตำรวจนาดี ติดต่อมาหาฉัน และเดินทางไปถ่ายรูปพร้อมกับเงินสองพันบาท ที่เป็นเงินเดือนของฉัน หยิบยื่นให้แม่ของน้องทั้งสองในวันนั้น และทุกๆสามเดือน เธอจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของฉัน ให้ฉันส่งให้เด็กๆที่เธอถือเป็นเสมือนดั่งลูกๆของเธอ ในแต่ละจังหวัด ที่ส่งเสียงร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ...จากนั้นมาฉันเริ่มรู้สึกกับตัวเองว่า การส่งจดหมายมาสักฉบับ หรือโทรศัพท์มากล่าวคำ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ จากแต่ละคน น่าจะมีมาให้ชื่นใจกันบ้าง แต่กลับแทบไม่มีมาจากใครเลย เสียใจไหม ฉันบอกไม่ถูก ฉันรู้สึกแต่ว่าตัวเองหน้าชา เมื่อโทร.ไปบอกน้องๆว่า ให้ส่งเกรดมาให้พี่จ่าดูหน่อยนะ  ในคราวที่โอนเงินก้อนใหญ่ไปให้แต่ละคน ตอนเปิดเทอมแต่ละเทอม...แต่คำตอบที่ได้รับ ก็คือความว่างเปล่า สามปีผ่านไป ฉันไม่รู้ว่าพวกเขายังเรียนหนังสือต่อ หรือว่าเอาเงินไปใช้ในทางอื่น...มันคงเป็นบาปมหันต์ของฉันถ้าหากพวกเขานำเงินไปใช้ในในทางอื่น วันหนึ่ง ฉันปรารถเรื่องนี้ให้เธอฟัง เธอบอกว่าช่างเขาเถอะพี่จ่า เราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้ว เขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่างเขา ในเมื่อเขาไม่รักอนาคตของตัวเอง สักวันหนึ่ง เราก็จะรู้เองนั่นแหละ บีเชื่อในสิ่งที่บี "ให้" และ "ทำ" อยู่ - พี่จ่าสบายใจได้ บีไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรพี่จ่าหรอกน่า..."หรือเป็นเพราะว่าความเป็นตำรวจ ทำให้ฉัน...คิดมากไปเอง แต่จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร เมื่อฉันแบกเป้ตะรอนทัวร์ - ดั้นด้นไปที่ดอยอมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยให้เด็กหญิงบนดอยคนหนึ่ง ที่อยากเรียนหนังสือให้สูงๆ - เพื่อที่วันหนึ่ง เธอจะได้กลับขึ้นไปบนดอยบ้านเกิดของตนเอง เพื่อเป็นครูสอนน้องๆบนดอย ตามที่จดหมายบอกมา โดยมีอาจารย์ประจำชั้นรับรองมาอย่างแข็งขัน...   แต่พอฉันเดินทางกลับไปเยี่ยม ในเวลาต่อมาไม่นานนัก กลับพบเจ้า ปุ๊พอ  สาวน้อยบนดอยอมก๋อย เรียนยังไม่ทันจบมัธยมปลาย ก็รีบชิงลาออกจากโรงเรียนไปเอาผัวเสียแล้ว จะไม่ให้ตำรวจอย่างฉันคิดมากได้อย่างไร กับบทเรียนบทหนึ่งของการเดินทาง เพื่อช่วยสานความฝันให้ - ลีลาวดีแสนงาม จากอเมริกา ได้ส่งกลิ่นกรุ่นหอมแห่งความดีแด่โลก...ตราบจนกระทั่งผ่านมาถึงสามพี่น้องเจ้ายิหวา ปลาหมึก และหอยขม ที่เป็นลูกของนางสุมาลีบุญเจิด จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ตำรวจอย่างฉัน รับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าสมควรได้รับความช่วยเหลือ คุณบีก็ไม่ปฏิเสธ รวมทั้งเจ้าสุโพจากพะเยา ที่เพิ่งสอบเข้าคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยพะเยาได้ เจ้าลีลาวดีก็ไม่ปฏิเสธ ที่จะรับอุปาการะส่งเสียให้เล่าเรียน มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆในแต่ละครั้ง ที่เธอโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารของฉัน เพื่อให้ฉันโอนเงินต่อไปให้ลูกๆของเธอ...เออ เด็กกลุ่มหลังๆนี่ ค่อยยังชั่วหน่อย ถึงแม้จะไม่มีใคร...มาขอบคุณสะพานอย่างเรา ก็ไม่เป็นไร เมื่อเจ้าลีลาวดีโทร.มาจากอเมริกาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุขและตื่นเต้น...มาเล่าให้ฉันฟังว่า มีลูกคนนั้นเขียนจดหมายไปหา ลูกคนนี้ส่งการ์ดวันเกิดไปให้ ดูซิ...พี่จ่าเกรดเฉลี่ยของลูกแต่ละคนที่ส่งมาให้บีดู...น่าสนับสนุนทั้งนั้นเลย ไม่มีหรอกที่ว่า ค่าอันนั้น...เท่านี้ - ค่าอันนี้...เท่านั้น มีแต่ว่า สุดแล้วแต่แม่บีจะให้ - เพียงแค่นี้...ก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณ พระคุณของแม่บี อย่างไรได้หมด... พี่จ่ารู้ไหม...บีรู้สึกว่าชีวิตบี มีค่ามีความหมายกับลูกๆเหล่านั้นเหลือเกิน ถึงแม้ชีวิตนี้บีจะมีเจ้าตัวเล็กเป็นของตัวเองไม่ได้ แต่บีก็มีลูก...จังหวัดละสองสามคน ที่ร้อยเอ็ดบ้านเกิดของบี ก็มีตั้งสามคนแน่ะ บีจะพยายามทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุดเลยค่ะนี่คือความสุขของเจ้าลีลาวดี ในการเดินบนเส้นทางบุญกับอนาคตของชาติ ทั้งๆที่เด็กๆเหล่านี้ ไม่ใช่ญาติโกโหติกา...อะไรของตัวเอง ฉันจึงมีความศรัทธาในตัวเจ้าลีลาวดี...อย่างเหลือล้น และยากจะบอก ถึงสิ่งสำคัญที่สุดในหัวใจ...แก่ผู้ใดให้เข้าใจได้ เชื่อไหม ที่บ้านแม่แก้วบ้านเกิดของฉัน นอกจากต้นแก้วสามต้นแล้ว ยังเต็มไปด้วยลีลาวดีรายรอบบ้าน ใช่แล้ว...ฉันปลูกลีลาวดีไว้ เพื่อเป็นตัวแทนความดีงามของผู้หญิงคนหนึ่ง กับการเดินบนเส้นทางที่เธอฝัน เพื่ออนาคตของเด็กๆที่ด้อยโอกาสเหล่านั้น โดยผ่าน "สะพานบุญ" ที่ฉันทอดเอาไว้เป็นสื่อกลาง...ฉันได้เด็กทุนจังหวัดละสองคนฉันก็ปลูกลีลาวดีต้นหนึ่งเป็นตัวแทน ยามลีลาวดีออกดอกงามสะพรั่ง นั่นคือความงามของลูกๆที่เธอได้สร้าง - โดยผ่านมือแห่งสะพานจากฉัน... เชื่อไหม คราวที่ฉันเดินทางไปอมก๋อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนออกเดินทาง ต้นลีลาวดีตัวแทนจากอมก๋อย มันร่วงโกร๋นไปหมดทั้งต้น เหมือนเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าแก่ฉันว่า เจ้าปุ๊พอ...ลาแล้วสิ้นจากเส้นทางการศึกษา...กลางเดือนพฤษภาคม 2551 ที่เพิ่งผ่านไป  ฉันได้ส่งเรื่องราวของเด็ก ที่สมควรจะได้รับทุนการศึกษารายล่าสุด ไปให้เจ้าลีลาวดีที่อเมริกาอีก ลองอ่านดูนะครับ...ว่าเด็กๆเขามีความหวังความฝันไว้อย่างไรกับอนาคต...ที่ยังมองไม่เห็นหนทางกันอย่างไร153/1 หมู่ 3 บ้านเนินสี ต.บ่อไทยอ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 67140เรียน คุณประภากรณ์ ( คุณบี ) ผ่าน จ.ส.ต.จินตวีร์  เกียงมีหนูชื่อ น.ส.อลิสลา กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อายุ 18 ปี หนูมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน หนูเป็นพี่คนโต มีน้องสาว 2 คน กำลังเรียนด้วยกันหมดทุกคน คนที่ถัดจากหนูเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 น้องสาวคนเล็กอยู่ประถมการศึกษาที่ 2 พ่อและแม่ของหนูมีอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป พ่อและแม่ของหนูไม่มีไร่นาเป็นของตนเอง แต่ละปีก็ต้องเช่าเขาทำกิน โดยแบ่งข้าวกัน เราออกแรงเจ้าของนาให้ที่ดินทำ ปีไหนแล้งก็ไม่ได้ขายข้าว พอแค่ได้เก็บไว้กิน รายได้ทางบ้านของหนูจึงไม่แน่นอน เสาร์อาทิตย์มีงานที่ไหนที่รับจ้างได้ หนูกับน้องก็จะไปรับจ้างเขาทำทันที เพื่อจะเอาเงินไว้ใช้จ่ายในการเล่าเรียน..อนาคตของหนูหนูใฝ่ฝันที่อยากจะเรียนพยาบาล หนูอยากช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังเจ็บให้หาย ถึงแม้อาชีพพยาบาลที่หนูฝันเอาไว้ จะเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเวลาในการรักษาผู้ป่วย แต่หนูอยากดูแลและช่วยเหลือ อยากให้ผู้ที่เจ็บป่วยหายจากอาการทุกข์ทรมาน และอยากให้เขามีความสุขและมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างคนทั่วไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว ความฝันก็คือความฝัน เพราะในความเป็นจริง หนูคงไม่มีโอกาสได้ไปถึงจุดที่หนูฝันไว้ เพราะพ่อกับแม่ของหนูคงจะต้องลำบากไปมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้จะกินเข้าไปก็ลำบากแล้ว ทุกวันนี้...พ่อกับแม่ของหนูต้องทำงานหนักจนน่าสงสาร เพื่อที่จะหาเงินส่งเสียให้หนูและน้องๆให้ได้เรียนหนังสือ เท่าที่จะส่งเสียได้ เพราะหวังจะให้หนูและน้องๆมีอนาคตที่ดี....แต่ถ้าหนูดิ้นรน...เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว  หนูคงไม่มีโอกาสเล่าเรียนอีก เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่หนูจะพยายามหางานทำ และหาที่เรียนในวันหยุดเสาร์ -  อาทิตย์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ส่งเสียน้องๆคุณบีคะ หนูฝันจะมีโอกาสสวมชุดพยาบาล หรือใบปริญญาสักใบหนึ่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าหากคุณบีเมตตาช่วยเหลือหนู หนูสัญญาค่ะ ว่าหนูจะเป็นเด็กดี และจะประหยัดในการใช้เงินทุนการศึกษา ที่คุณจะมอบให้มา...ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะอลิสลา  พลพิลาขอบคุณเจ้าลีลาวดี เธอเข้ามาในช่วงที่ฉันกำลังเคว้งคว้าง ว่าจะหาหนทางใดหนอ...ช่วยสานฝันของเจ้าหนูน้อยทั้งหลาย ที่ฉันเดินทางผ่านไปพบ ตามรายทางเหล่านี้ อยากจะบอกเธอว่า ฉันขอโทษด้วยนะ กลีบใดบ้างหนอ...ของเธอ...ที่บอบช้ำ ด้วยแรงกระแทกกระทั้น จากฉัน - ที่จับเอาเด็กๆจากครอบที่ยากไร้ และด้อยโอกาสทางการศึกษาเหล่านี้... ยัดเยียดส่งไปให้เธอ คนแล้วคนเล่า สามปีผ่านไป สิบกว่าคนแล้วซินะ ที่เจ้าลีลาวดีช่อนี้ไม่เคยปฏิเสธ...วันที่ฟ้าร้องครืนลมพายุกรรโชกกราดเกรี้ยว ฝนตกราวฟ้ารั่ว ลีลาวดีต้นหน้าบ้านของแม่แก้วหักโค่น มันคงต้านแรงลมฝนต้นฤดูกระหน่ำไม่ไหว หรือว่าเป็นลางบอกข่าวร้าย - จากแดนไกล ใดหนอ...สองสัปดาห์ผ่านไป ฉันพลันได้ยิน...น้ำเสียงอันเพราะพริ้งของเธอ จากปลายสายทางไกล  เออหนอ...สามปีผ่านไป ปลายสายจากเธอ ก็ยังคงท่วงทำนองหวานหู มิรู้เสื่อมคลาย... "พี่จ่าคะ พี่จ่า รีบเอาเงิน 3,000 บาทนี่ ไปให้อลิสลาและน้องๆเขาเร็วๆนะ เปิดเทอมมาสาม - สี่วันแล้ว เอ้อ พี่จ่าคิคว่า บีควรจะให้น้องเขาอีก เดือนละพันบาทดีไหมคะ..."  กระแสเสียงจากปลายสาย ที่อิ่มเอิบด้วยความสุขของเธอ ฉันรับรู้ได้อย่างท่วมท้น...ในความสุขจากการเป็นผู้ให้ของเธอ  ออนซอน เจ้าออนซอนหลาย...ลีลาวดีเอย เจ้ามิได้งดงามเพียงแต่รูปกายเท่านั้น แต่ใจของเจ้า...ยิ่งงดงาม ราวกับนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ล่องลอยลงมาโปรยปรายหยาดทิพย์ ชุบชูโลกอันหดหู่และเศร้าหมอง ให้เบิกบานสดใส ในฉับพลัน  ขอบคุณ - ขอบคุณ อีกสักหมื่นสักพันครั้ง...พรุ่งนี้พรุ่งนี้เถอะนะ... รอให้ฟ้าสาง  แล้วฉันจะลงไปเก็บกิ่งลีลาวดี ที่หักโค่นเมื่อคืน มาปักชำใหม่ และลงมือปลูก เป็นตัวแทนของเจ้า - กับหนูอลิสลาและน้องทั้งสอง และอยากบอกเธออีกสักครั้งหนึ่งว่า ออนซอน เจ้าออนซอนหลาย ...ลีลาวดีเอยข้าขอให้เจ้า จงร่ำรวยเงินทอง สุขภาพ และคนรักตลอดไป...สมดั่งวาทะ หลวงพ่อจรัญ ฐตธมโม แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเอาไว้ว่า"จงให้สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณมี - แก่โลก แล้วสิ่งที่ดีที่สุดในโลก จะกลับมาหาคุณเอง"(ตีพิมพ์ครั้งแรก แรงบุญแรงกรรม ปีที่ 5 ฉบับที่ 98  ปักษ์แรก สิงหาคม 2551)หมายเหตุ ; บันทึกงานชิ้นนี้ ของคุณจินตวีร์ เกียงมี เป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของเขา ที่ผมได้เลือกคัดสรรเพื่อนำไปร่วมเล่ม  และอ่านแล้วอ่านอีก ด้วยความรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สัมผัสจิตใจแห่งมนุษยธรรมของคุณจินตวีร์ และคุณบี - ประภากรณ์ จากอเมริกา ซึ่งมิได้เป็นเพียงแค่รูปแบบจิตสำนึก ที่เป็นอุดมคติอันงดงามและสูงส่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เขาได้ช่วยกันลงมือทำให้แก่สังคม จนเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว... และเป็นความจริงที่ได้รับรู้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทุบหัว และอุทานกับตัวเองว่า ในโลกที่มีแต่คนไม่รู้จักคำว่าพอ และมีแต่คนหมกมุ่นครุ่นคิด...จะเอาโน่นเอานี่จากโลก ( รวมทั้งผมอีกคนหนึ่ง ) ยังมีคนแบบนี้ด้วยหรือ...และพลันตระหนักว่า โลกที่น่าสะพรึงกลัวนี้...ยังเป็นโลกที่น่าอยู่ ก็เพราะยังมีคนที่งดงามอย่างนี้ - อยู่ในโลกนี่เอง ผมจึงขอนำงานชิ้นนี้...อีกชิ้นหนึ่ง ของคุณจินตวีร์ มาแบ่งปันให้ผู้อ่านในสื่อทางอินเตอร์เน็ท  ได้สัมผัสจิตใจแห่งมนุษยธรรมอันงดงามและสูงส่งนี้ รวดเดียวจบ โดยไม่แบ่งความยาวเป็นตอนๆเหมือนเรื่องที่แล้ว ก่อนจะนำไปรวมเล่มเป็นสื่อหนังสือ...ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีว่า งานเขียนในสื่ออินเตอร์เน็ตถ้ายาวเกินไป มักจะค่อยไม่มีคนทนอ่านกันจนจบ และย้อนกลับมาเปิดอ่านใหม่ แต่สำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้จะมีคนเปิดอ่านจนจบเพียงแค่ 4-5 คน ผมก็พอใจแล้ว เพราะผมต้องการให้ท่านผู้อ่าน - ได้อ่านเรื่องราวที่มีเนื้อหาดียิ่ง...เรื่องนี้ ของคุณจินตวีร์ เกียงมี โดยไม่ขาดอารมณ์ต่อเนื่อง...ตั้งแต่ต้นจนจบในคราวเดียวกัน ซึ่งย่อมจะได้รับผลในสื่อสารและความประทับใจมากกว่า...และขออนุญาตคุณจินตวีร์ นำงานชิ้นนี้มาลง รวมทั้งเรื่องที่แล้ว ที่ผมไม่ได้ขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ. 31 มีนาคม - 18 เมษายน 2552กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่ 
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
เจนจิรา สุ
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินึกถึงเมื่อเดินทางมาเยือนภาคเหนือของไทยแม้หนทางที่มุ่งสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจากจังหวัดเชียงใหม่   จะคดโค้งลาดชันน่าหวาดเสียวจนขึ้นชื่อว่า   หากใครเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอนจะเป็นดั่งผู้พิชิตจำนวนโค้งมากที่สุดถึง 1,864 โค้งเลยทีเดียว
ฐาปนา
ยายช้อย คนเคยรวย ชีวิตเปลี่ยนไปมาก หลังจากเป็นหนี้สหกรณ์ฯ หลายแสน ก็ใครจะไปคิดเล่า อยู่ๆ เคยเลี้ยงหมูได้กำไรทีละเป็นแสน จู่ๆ หมูราคาตก กำไรที่คาดหวังเลยเข้าเนื้อแทน เมื่อทนทำต่อไป ยิ่งทำก็ยิ่งขาดทุน ทุนหายกำไรหด จนกลายเป็นหนี้ ถึงที่สุดก็ต้องหยุดเลี้ยง ยายช้อยผู้เคยเดินชูคอสั้นๆ ป้อมๆ ของแกไปทั่วหมู่บ้าน ในฐานะเมียอดีตกำนันหลายสมัย มาบัดนี้ กลับไม่สง่าผ่าเผยเป็นคุณนายกำนันเหมือนเดิมอีกแล้ว
ชาน่า
วันที่ภาคภูมิใจของกลุ่มรักร่วมเพศ เกย์ เลสเบี้ยน สาวประเภทสอง หรือกลุ่มหลากหลายทางเพศ ของรัฐฟลอริด้าทางตอนใต้ คือช่วงที่เมือง Ft.Lauderdale จะถูกแต่งแต้มทาสีรุ้งให้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และชาวท้องถิ่นอย่างคึกคักอีกครั้ง นี่คือการเฉลิมฉลองวันของ เลสเบี้ยน เกย์ ไบ และทรานส์เจนเดอร์ (สาวแปลงเพศ) ซึ่งได้ถูกจัดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สองวันซ้อน เสาร์และอาทิตย์ที่ 22-23 มีนาคม ณ Holidays Park /War Memorial Auditorium โดยมีกิจกรรมทั้งภายในและกิจกรรมนอกอาคารมากมาย จากห้างร้าน บริษัทที่เกี่ยวข้อง มากกว่าสามร้อยบูธ ยกขบวนมาประชันกันเพื่อผลประโยชน์และสิ่งตอบแทนให้ชาวเราโด๊ยตรงฮ่ะ

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม