Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป ควบคู่ไปกับความพยายามในการโปรโมตหนทางสู่  “สันติ”... สลับกันไปมาเหมือนนั่งดูเทนนิส เพื่อที่สุดท้ายจะสรุปบอกตัวเองว่า เรื่องราวทั้งหมดคือสินค้ายอดฮิตที่สร้างอารมณ์ร่วม (อันหม่นเศร้า) ของผู้บริโภคสื่อกระแสหลัก เมื่อไม่นานมานี้เอง จอทีวีที่บ้านมีแต่ภาพการเสนอข่าวการจัดสานเสวนา การหาหนทางสันติ และการระงับความรุนแรงที่บานปลายอยู่ในขณะนี้เพื่อให้เข้ามาเป็นทางเลือกต่อการตัดสินใจของบรรดาผู้ (แกน) นำ โดยหวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะสิ้นสุดและจบลงอย่างสวยงามโดยเร็วที่สุด แต่ภาพแบบนั้นห่างหายไปแล้ว ณ วินาทีที่ผู้คนกำลังพากันสิ้นหวังลงเรื่อย ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่ภาพของความรุนแรง การใช้อำนาจ อาวุธ การขาดสติและเหตุผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่ต่างฝ่ายต่างพยายามขุดคุ้ยขยะของฝ่ายตรงข้ามออกมาประจานจนล้นเมือง... ! เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งของกลุ่มฝูงชน การปะทะกับกับเจ้าหน้าที่ หรือการปิดล้อมสถานที่เพื่อเอาคนอื่นๆ เป็นตัวประกันต่อรอง สิ่งเหล่านั้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงสภาวะจิตใจพลเมืองของชาติด้วย 
Cinemania
ไก่ย้อย หมายเหตุ: จดหมายฉบับนี้สร้างขึ้นจากเรื่องจริงแต่แอบอิงวิธีการนำเสนอจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ โดยสมมติเหตุการณ์ว่าเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ต้นฉบับ หากใครยังไม่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ บางทีก็อาจจะไม่เข้าใจมุกเห่ยๆ ของผู้เขียน  ส่วนใครที่ไม่อยากอ่านจดหมายฉบับนี้ ผู้เขียนก็ขอร้องว่าอย่าอ่านเลยนะพวกคุณ   ถึงเพื่อนๆ หากพวกแกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันขอร้องพวกแกอย่างหนึ่งนะว่า “อย่าคิดมาก” เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์บ้านเมือง และวงการวิชาการของไทยมันก็มีเรื่องซีเรียสมากมายกันพออยู่แล้ว ฉะนั้นพวกแกอย่าเสียเวลาเปลืองมันสมองเพื่อขบคิดกับจดหมายบ้าๆ บอๆ ของฉันอยู่เลย เอาเป็นว่าเอาไว้อ่านเล่นเพลินๆ ก็แล้วกันนะพวกแก                                                                                                                                                                                                                                   ไก่ย้อย  ถึงดาวกานดา แกหายไปไหนของแกวะ ฉันอุตส่าห์ขึ้นมาตามหาแกที่งานลูกทุ่งวิจิตร แต่กลับได้ยินข่าวคราวว่าแกต้องไปชุบตัวถึงเมืองนอกเมืองนา เพื่อจะได้มีปัญญากลับมาเป็นอาจารย์ เป็นเรื่องจริงรึเปล่าวะแก? แล้วไหนแกเคยบอกกับฉันว่าไม่ว่ายังไงแกก็จะไม่มีวันทิ้งที่นี่ไปไงล่ะ ฉันนึกโกรธแกมากมายที่ไปไหนโดยไม่ร่ำไม่ลา แต่ก็นั่นแหละนะคนเราย่อมมีเหตุผลที่เป็นส่วนตัวเสมอ บางทีฉันคงจากที่นี่ไปเสียนาน นานจนเมื่อกลับมาอีกที ฉันรู้สึกว่าเชียงใหม่เปลี่ยนไปมาก มากเสียจนบางครั้งฉันก็ตั้งเนื้อตั้งตัวไม่ทัน  
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
 สวัสดีค่ะ ไม่อยากพูดอะไรมากเลยเนอะ เอาเด็กหมามาฝากให้ดูกันเพลินๆ ก็แล้วกันนะคะมีช่วงที่อากาศเย็นลงค่ะ มีคนซื้อเสื้อมาฝากลีออง สีแดงแรงฤทธิ์เชียวล่ะ ใส่ให้คับตั้วเชียวเพราะกำลังโตวันโตคืน รูปนี้ กำลังสนใจสิ่งที่อยู่ในบ่อปลาน้อยๆ ที่กำลังสะท้อนเงาต้นไม้และฟ้ายามบ่าย
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า หากพยายามต้องมีความสุขได้แน่ครับ แค่นั้นน้ำตาของฉันก็ปริ่มออกมาแล้ว โถ เด็กน้อย เธอยังให้กำลังใจคนอื่นอีกหรือ หัวใจของฉันแทบละลาย ฉันไม่กล้าที่จะเปิดมันออกมา เพราะฉันรู้ว่าความเศร้าและเรื่องราวของเขาจะตอกย้ำบาดแผลในใจฉันนั้น ทำให้ฉันต้องร้องไห้ไปทั้งวันหากวันนี้มาถึงจนได้ ฉันต้องเปิดหนังสือเล่มนี้ออกมาอ่าน ฉันมีคนไข้ที่เป็นมะเร็งมากมายขึ้น มะเร็งที่มีแต่ความโหดร้ายทรมาน มะเร็งที่ทำให้มนุษย์ผู้ที่ชนะทุกสิ่งในโลกราบคาบ มะเร็งถ้อยคำที่ไม่มีใครอยากได้ยิน สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของมันคงเป็นความทรมานของการมีชีวิตอยู่ มะเร็งทำให้สิ่งที่มีอยู่กลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มันพรากคนทีเรารักไปจากเราอย่างเลือดเย็นที่สุดคนไข้หลายคนของฉัน หายไปทีละคน ทีละคน แต่มันไม่เคยหยุด มีคนใหม่เข้ามานอนแทนที่ ทุกคนล้วนทุกข์ทรมาน น่าเวทนา เป็นเวลาของหนังสือเล่มนี้แล้ว อย่างน้อยมันคงเป็นประโยชน์สำหรับคนไข้ของฉันบ้าง บางคราวเราต้องเฉือนหัวใจตัวเองเพื่อทำบางสิ่งที่กล้าหาญ ฉันบอกตัวเองอย่างนั้นแล้วเปิดมันออกมาหนังสือเล่มนี้เขียนโดยแม่ของเด็กชายนาโอะ พ่อแม่ที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย แม่อายุ 19 ส่วนพ่ออายุ 20 ปี แม่ยอมรับว่าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการมีลูกเลย แม่และพ่อจบเพียงมัธยมต้น ถึงกระนั้น แม่ก็เลี้ยงนาโอะมาอย่างเข้มแข็งและเข้มงวด แล้วคำพูดของพี่เลี้ยงที่เนอสเซอรี่ทำให้แม่ฉุกคิด เธอพูดว่า คุณแม่เคยกอดลูกหรือเปล่าค่ะ ทำไมเวลากอดนาโอะ เขาถึงได้ตัวแข็งอย่างนั้น แม่ถึงคิดได้ว่า ไม่ได้กอดลูกเลย ทำเพียงเอาลูกขี่หลังเท่านั้น
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แพร จารุ
 วันนี้ ฉันพบดอกไม้บนดอยสูงมากมาย ดอกไม้เล็ก ๆ เหมือนดาว กระจายอยู่ทั่วหุบเขา หลากสีสดใส ทั้งเหลือง ส้ม และสีม่วง หลายครั้งที่ผ่านทางมา เรามาด้วยความเร็วมาก จุดหมายอยู่ที่หลังดอย หมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่ง ความเร็วความรีบเร่งทำให้เราไม่ได้เห็นอะไรมากนักระหว่างทาง  ความหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแต่อยู่ที่ระหว่างทางที่ได้พบเจอ การได้ชื่นชมกับบรรยากาศระหว่างทาง นั่นเอง การเดินทางมาครั้งนี้เรามากับทีมช่างภาพสองคนและผู้ติดตามเป็นหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเป็นชายหนุ่มสองคน
นาโก๊ะลี
ภาพเบื้องหน้า....นาข้าวเป็นสีทอง ทั้งรวงข้าว ต้นข้าวล้วนเป็นสีทอง นอกจากภาพนั้น ทุ่งก็เจอกลิ่นหอมของข้าวใหม่ลอยมาจางๆ ต้นข้าวบางส่วนยังยืนต้น บางส่วนก็ล้มลงไป ทั้งที่เพราะต้นงามสูงเกินไปจึงล้ม บ้างล้มเพราะพายุฝนปลายฤดูความทรงจำแรกที่โผล่ปรากฏ เรื่องเล่าของคณะคนเมืองที่ไปเดินป่าศึกษาวิถีชีวิตคนปกาเกอะญอบนดอยสูงของเทือกเขาเมืองเชียงใหม่ ระหว่างที่เดินไป ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปที่เชิงเขาเบื้องหน้า แล้วก็อุทานว่า "โอ้โห...ทุ่งหญ้าสวยมากเลย" เจ้าบ้าน และผู้ที่พอรู้จักทุ่งนั้นกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "นั่นไม่ใช่ทั่งหญ้า แต่มันคือทุ่งข้าว" ทันใดนั้นชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ถลาวิ่งไปเบื้องหน้าเต็มกำลัง ด้วยความตกใจหลายคนวิ่งตามออกไป พบว่าเขานั่งอยู่ริมทุ่งนั้นเพ่งมองต้นข้าวอย่างตั้งใจด้วยท่าทีที่น่าประหลาดใจ เขากล่าวออกมาว่า "นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นต้นข้าว" ความทรงจำที่สองที่โผล่ปรากฏ เรื่องเล่าของนักเรียนชั้นประถมในโรงเรียนกลางเมืองบางกอก บทเรียนที่จะพูดถึงทุ่งนา การทำนา ชาวนา ครูถามนักเรียนเป็นการนำเข้าสู่บทเรียนว่า "ใครรู้บ้างว่า ข้าวมาจากไหน" นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบ สักครู่ จึงมีเด็กคนหนึ่งกล้าหาญชาญชัย ยกมือด้วยความมั่นอกมั่นใจ และตอบไปว่า "ข้าวมาจากมาบุญครองครับ"
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมกับธาตรีสนิทสนมกันมากขึ้นผมเป็นหนุ่มใหญ่มีครอบครัวแล้วมาจากในเมืองเชียงใหม่ ธาตรีหนุ่มโสดผิวสีกาแฟลืมใส่นมวัยยี่สิบเศษมาจากกรุงเทพฯ เราทั้งคู่สูงต่ำพอกัน เวลาผ่านไปได้สองสัปดาห์ ผมชวนธาตรีเดินเตร่หาบ้านเช่าหลังใหม่ ได้บ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่อยู่ติดถนนริมทุ่งนา มีบ่อน้ำใสอยู่ข้างบ้าน ตกลงราคากันเรียบร้อย ผมชวนธาตรีมาอยู่ด้วยกัน เขาทำท่าอิดออด... ผมจึงโน้มน้าวว่า เราอยู่กันสามคนกับหัวหน้า การทำอะไรก็เกรงใจท่าน เราต้องสำรวมพอสมควรจะร้องเพลงเต้นแร้งเต้นกาก็ทำไม่สะดวก เห็นผู้หญิงสวยๆ ขาวๆ เดินผ่านหน้าบ้าน จะพูดจาทักทายเย้าแหย่ทำไม่ได้เต็มที่ ค่าเช่าบ้านไม่ต้องห่วง ผมเบิกได้ อาหารเราไม่ต้องทำให้เหนื่อย กินข้าวเดือนร้านเจ๊อี๊ดก็ได้ ผมชำเลืองดูท่าทีของธาตรีสีหน้าเขาดีขึ้นปรากฏรอยยิ้ม...ที่สุดเราทั้งคู่ย้ายมาอยู่บ้านเช่าหลังใหม่ใกล้ที่ทำงานกว่าบ้านหลังเก่า ผมบอกให้ธาตรีเลือกนอนห้องใดชั้นใดก็ได้ ธาตรียิ้มชอบใจบอกขอห้องใหญ่ชั้นบน ผมบอกว่าเอาไปเลยหนุ่มโสดจะได้แต่งห้องให้เต็มที่
ชาน่า
เมื่อเดือนก่อน ข่าวฮอตสุดฮิตของคนในวงการบันเทิงปรี๊ดทะลุทะลวง เรื่องของ "อ้น" หนุ่มชวนฝันพระเอกช่องน้อยสี ตกเป็นข่าวคลิปฉาว คาวโลกีย์ ขณะร่วมรักกับหญิงสาว ได้ปรากฏสู่สายตามหาชนยิ่งกว่าเรียลลิตี้ทีวีโชว์(เอ็กซ์) "มันเป็นความไม่ตั้งใจ แค่อยากลองด้วยความคึกคะนองและถ่ายเก็บไว้" หรือว่า "ความลับ อาจรั่วไหลได้ ความลับของซูเปอร์สตาร์จะไม่มีในโลก" กรณีของอ้นเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ความโชคร้ายบางครั้งเกิดเพียงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่ตั้งใจ ความจนใจเพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ได้เป็นเพราะอ้น ตั้งใจถ่ายทำเพื่อหารายได้มาเกี่ยวข้องแม้แต่นิด ซึ่งแตกต่างจากกรณีของการถ่ายหนังโป๊ ของดาราหนังผ้าน้อยทั้งหลายของชายจริง ชายเทียมหลายคน
แสงดาว ศรัทธามั่น
. .ป ระ ชา ช น คน ใ ห ม่ ได้รู้แล้วเสียงที่แว่วกังวานหว่านไปทั่ว ชนชั้นนำ นักปกครอง ผยองตัว คือคนชั่ว รับใช้ ใต้ตีนทุน ( วัฒนา ธรรมกูร ) ป ระ ชา ช น จะชิงชัย ไม่สุดสิ้น เพื่อ พลิกฟื้นแผ่นดินให้หอมกรุ่น เพื่อรากหญ้า ได้ ผลิหญ้า อ่อนละมุน เพื่อ ทอดรุ่น รับวัย ให้งอก เงย ( อรอาย อุษาสาง )
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมือง ที่ขัดแย้งกันมานาน ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่า นอกจากจะมองไม่เห็นทางที่จะสมานฉันท์กันได้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า สถานการณ์ที่ต่างฝายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน ยังมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงไปสู่การนองเลือดที่น่าสยดสยอง ดังที่คาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามที่เขาประกาศศึกกันแบบเอาเป็นเอาตายกัน ซึ่งเราไม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้เกิดขึ้นในสังคมไทย   ดังเช่น โศกนาฏกรรมนองเลือด 6 ตุลาคม 19 และพฤษภาคมทมิฬ 35 ในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีพลังแห่งความปรารถนาดีใดๆในสังคม สามารถเข้าไปยับยั้งได้ และเราผู้ไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกัน ลงมือเข่นฆ่ากัน ก็คงได้...แต่ทำใจ และเฝ้ามองดู เท่านั้น เพราะได้พยายามช่วยกันตะโกนจนเสียงแหบแห้งแล้วว่า อย่าทำร้ายกัน ! อย่าทำร้ายกัน ! ตกลงกันด้วยการพูดจากันดีๆก็ได้ เราคนไทยด้วยกัน ก็กลายเป็นเพียงแค่ วาทกรรมทางสังคมเชยๆ ที่ถูกหัวเราะเยาะเย้ย และแทบไม่มีใครเขารับฟังกัน  
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า ใช่ว่าเราหลงใหลป่าหญ้าและจะรักษามันไว้ตลอดไปหรอกนะ แต่เมื่อยังไม่อาจตัดเตียน เราพยายามมองมันด้วยอารมณ์ขัน ฉันคิดถึงฤาษีอเมริกันธอโร เขาวิพากษ์วิจารณ์สวนแบบอังกฤษที่ตัดเล็มดูแลอย่างดี โดยความคิดเดียวกับการตกแต่งบ้าน การจัดห้องรับแขก อันมีองค์ประกอบและระเบียบแบบแผนอย่างที่กำหนดไว้ดีแล้ว และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป เขาบอกแก่คนทั้งหลายว่า ปล่อยให้หญ้าบุกมาถึงบ้านท่านเถิด เชื้อเชิญป่าไม้มาเยือนยังหัวกระได ส่วนตัวเองก็ปล่อยพงรกลุกลามมาจนถึงประตูกระท่อม ทว่า นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกับการแปรผืนดิน ปลูกผักเลี้ยงตัวหรอกนะ จากบันทึกของเขา ฤาษีผู้นี้ได้แปลงตนเป็นชาวไร่ผู้กรำงานหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำ ปลูกถั่ว พืชผล รวมทั้งข้าวสาลี สำหรับทำขนมปังเลี้ยงปากท้องตน ละแวกตูบตีนดอย นอกจากหญ้าแล้ว ฉันยังมีเพื่อนบ้านแสนน่ารัก แม้ว่าพวกเขาจะมา ๆ ไป ๆ ไม่ได้อยู่ตลอด มีเพียงเพิงพักเล็ก ๆ ชั่วคราวหากอาศัยถาวรในหมู่บ้าน พี่ป้าน้าอาทั้งหลายใส่ใจ เอื้อเฟื้อแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ แก่ฉันเสมอ แม่น้อยสวนข้าง ๆ นำหน่อไม้หวานมาให้ ลุงดิษฐ์สวนข้างหน้าปลูกอะโวคาโดตรงข้ามประตู ให้เราเก็บกินหนึ่งต้นโดยเฉพาะ เมื่อต่อเสือมาทำรังใหญ่บนต้นไทร แกก็ไม่อนุญาตให้ใครปีนเก็บ ด้วยห่วงว่าพวกสัตว์ร้ายจะอพยพมาสร้างรังใหม่ใต้ชายคาบ้านฉัน ลุงเลิศสวนขนัดซ้ายหักข้าวโพดหอบใหญ่มาฝาก อ้ายอินตาสวนถัดไปอุ้มมะละกอลูกใหญ่มา พร้อมกับบอกให้ไปเก็บมะนาวดกดื่นในสวน แต่สำหรับเรื่องหญ้านั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน แรกทีเดียวบอกให้พ่นยาฆ่าหญ้า เมื่อเรายืนยันที่จะไม่ใช้สารเคมี พวกเขายังคงบอกกล่าวห่วงใย ตัดหญ้านะ ๆ หนึ่งปีผ่านไป ช่างคนหนึ่งที่เคยมาทำบ้านร้องเสียงหลงตกใจ ทำไมปล่อยหญ้ารกอย่างนี้ ชาวสวนนั้นคอยกำจัดหญ้ากันตลอดทั้งปี พวกเขามีสวนลำไยที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แลโล่งตลอดทั้งสวน ฉันเองก็อยากมีสวนสวยงามเหมือนกัน งามรกเรื้อด้วยพืชผักและต้นไม้นานาพรรณ ฉันพอจะเข้าใจเรื่องการหักร้างถางพง กันพื้นที่คนกับป่า ก็พวกเขาไม่ได้อพยพจากเมือง มาบุกเบิกผืนป่า จับจองที่ดิน ปลูกเรือน ทำสวน นา ไร่กันหรอกหรือ ใจเย็น ๆ นะ สวนที่แตกต่างไปของเรา คอยระแวดระวัง ตัดหญ้าในหน้าฝน ตัดหญ้าหน้าแล้งป้องกันไฟ ปล่อยให้เศษหญ้าร่วงทับถมปกคลุมดินไป นำไม้ใหญ่ให้ร่มเงามาปลูก ลงพืชตระกูลถั่ว ให้เจ้าดินสีเทาที่แห้งแข็งกระด้างค่อย ๆ ชื้นชุ่ม เปลี่ยนเป็นดินดำ เพื่อนพี่น้องบอกสูตรปรับปรุงดินแก่เรามากมาย ล้วนแต่ล้ำค่า เป็นภูมิปัญญาจากผืนดิน ทว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นต้องอาศัยเวลา เรี่ยวแรงและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ถึงใครจะกล่าว ปล่อยหญ้ารกรุงรัง ฉันก็ไม่หวั่นไหวเลย กี่ปีก็คอยได้ กี่วันก็มีชีวิตไป ผืนดินคือเนื้อนาใจ ค่อย ๆ ถากถาง เรียนรู้ ถนอมรักษา ปรับปรุงไป วันหนึ่งคงลึกซึ้ง วันหนึ่งคงอุดมดี ทั้งสวนในจิต และที่โลกกายภาพ ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทรมานไปกับความปรารถนาเร่าร้อนที่จะเนรมิตผืนดินหรอก และไม่แบกรับความคาดหวังหรือภาพลักษณ์จากใครด้วย เราเป็นเพียงคนชั้นกลางที่ถูกพรากจากการใช้แรง การทำงานด้วยสองมือและเรี่ยวแรงกาย ทุกอย่างที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่ เราไม่ได้รู้อะไรเลย มีเพียงความรู้สึก มีเพียงหัวใจ ที่จริง ทิวดอกหญ้าสีน้ำตาลในแสงอาทิตย์อัสดงนั้นแสนงาม ยามคอนหมอกยามเช้า พวกมันดูนุ่มชุ่ม เป็นก้อนขาวโพลน ยามบ่าย เมื่อสายลมพลิ้วผ่าน เกิดเสียงซู่ซ่าไล่ล้อแผ่วเบา ก้าวออกจากบ้านไปไม่กี่ก้าว เราตื่นตาตื่นใจ เมื่อฝูงนกจากพงหญ้าพรูขึ้นสู่ฟ้า นกสารพัดชนิด ชีวิตนับหลายร้อยล้านชีวิตอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งนี้ สำหรับฉัน ... ท้องฟ้าสีน้ำเงิน ดวงดาวระยิบพราวยามราตรี และขุนเขาที่โผล่ยอดลับแลอยู่หลังทิวหญ้า เมื่อสายลมพัดมา ฉันคิดถึงลอรา อิงกัลล์ กับบ้านน้อยในทุ่งกว้างของเธอ หนังสือเล่มนั้น ฉันจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากภาพเด็กหญิงที่เพิ่งก้าวลงจากเกวียนสู่ความมืดยามราตรี เพชรพลอยดาวเม็ดน้อย ๆ กระจายเกลื่อนนภา แล้วเมื่อสายลมพลิ้วคลื่นทะเลหญ้าตรงหน้า บทเพลงสงัดสงบก็แผ่ซ่านสู่ดวงใจ....

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม