Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

นาโก๊ะลี
ทรงจำหนึ่งเมื่อวัยเยาว์ เมื่อหน้าน้ำ น้ำเต็มนา บ่ไหลจากคลองนั้นออกห้วยนี้ ท่วมถนนนั้น ล้นท่อนี้ สารพัดจะเป็นไป ด้วยว่าไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางทางน้ำได้ วิทยาการสมัยใหม่ที่เปลี่ยนทางน้ำ กักทางน้ำ สร้างทางน้ำ นั่นก็อาจเป็นไปได้ไม่นานนักหรอก โบราณว่าไว้ การขัดขืนวิถีของธรรมชาติ โลกจะวิบัติ ในวาระเวลาอย่างนั้น (หมายถึงเมื่อน้ำท่วมทุ่งในทรงจำ) เป็นเวลาแห่งความสนุกสนาน เพราะนั่นเป็นวาระของฤดูกาล เป็นวาระที่เป็นไปตามธรรมชาติ สม่ำเสมอ ทุกปีๆ หาใช่เรื่องอุทกภัยพิบัติอะไร แล้วเราก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ด้วยนอกจากว่ามันแปลว่าฟ้าฝนดี ซึ่งมันแปลว่าข้าว และพืชพรรณธัญญาหารก็จะดีแล้ว มันก็จะหมายถึง ปลาที่มากับน้ำ เวลาหน้าน้ำนี่แหละเป็นเวลาที่เราหาปลาได้อย่างสนุกสนานนัก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดเปรี้ยงผ่าลงตรงหัวพอดี ขณะที่ช่างภาพนับ 10 คน ดุ่ยๆ เข้าไปในอาคารเรียนแห่งนั้น โถงอาคารเอนกประสงค์โล่งๆ เหมาะจะเป็นสนามบาสฯ มากกว่าห้องเรียนถูกจัดแบ่งเป็น 2 ตอน ด้วยตู้ไม้ผุๆ ทางด้านหน้าเป็นชั้นเด็กโตและทางด้านหลังเป็นชั้นเด็กเล็กที่ไม่ควรจะเกิน 10 ขวบ โรงเรียนวัดสุทธารามหรือโรงเรียนวัดกำพร้า เป็นหนึ่งในหลายๆ โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาครที่รับเด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติมาเรียนหนังสือ วิชาที่สอน เน้นพูด อ่านและเขียนภาษาไทย ,เมื่อเค้าต้องอยู่ร่วมกับเราอย่างไม่อาจจะปฏิเสธ กล่าวกันทีเล่นทีจริงว่า หากหญิงสาวชาวพม่าไม่ทาแป้งทานาคาและชายหนุ่มชาวพม่านุ่งกางเกงยีนส์ไปเคาน์ ดาวน์ ที่ เซ็นทรัล เวิร์ล ในช่วงปีใหม่จะเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะแยกให้ชัดเจนว่าไหนคนไทย ไหนคนพม่า !!!
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
สุมาตร ภูลายยาว
คนทำเรือแห่งแม่น้ำมูนหากเปรียบ ปู ปลาคือผลผลิตจากนาน้ำของคนไม่มีนาโคก เรือก็คงไม่ต่างอะไรจากรถไถนา ‘เรือ’ คำสั้นๆ แต่ดูเปี่ยมด้วยความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนริมฝั่งน้ำ นอกจากจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางแล้ว ยังใช้ในการหาปลาอีกด้วย เรือในแม่น้ำย่อมมีขนาดแตกต่างกันออกไป แม่น้ำใหญ่เรือก็ใหญ่ แม่น้ำเล็กเรือก็ลำเล็ก นอกจากขนาดของเรือในแต่ละแม่น้ำจะแตกต่างกันออกไปแล้ว ท้องเรือที่จมอยู่ในแม่น้ำยังแตกต่างกันออกไปด้วย เรือในแม่น้ำสาละวินท้องเรือมีลักษณะแบน แต่เรือในแม่น้ำโขงท้องเรือมีลักษณะเรียวแหลมคล้ายสิ่วเจาะไม้
ชนกลุ่มน้อย
30 สิงหาคม 254008.35 น. รถจิ๊ปสีดำส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน เสียงนั้นเพิ่งกลับมาจากทำงาน เธออดนอนมาค่อนคืน ชั่วอึดใจหนึ่งนั้น เสียงเหล็กปะทะของแข็ง ผมผละจากหน้าเครื่องพิมพ์ดีดโอ เสาบ้าน กันชนแตกเป็นรอยร้าวเธอมองหน้าผม ผมพยายามจะเข้าใจ “อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าชีวิตจริงจะมีกันชนหรือไม่ก็ตาม”หนังสือ “ลมหายใจสงคราม” ของอา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ยังวางอยู่บนโต๊ะ ผมเปิดอ่านอีกครั้ง “..ผมเสียใจ! ระยำ! ผมไม่เคยมีความรู้สึกนี้บ่อยนัก แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะแนะนำให้คุณเข้าป่า ในป่ามันก็มีสงครามระหว่างแมลงกับใบไม้ และดอกไม้เป็นพิเศษ บัดซบ! คุณไม่รักสงคราม แต่คุณก็ไม่เกลียดมัน คุณกลัวมันเท่านั้น ผมยืนยันว่าคุณจะเขียนนวนิยายสงครามไม่ได้แน่นอน ถ้าคุณยังขมขื่น...”ผมกำลังตกลงไปในถังภาษาของนักเขียนรุ่นพ่อ
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง จิ้มแตงกวา ถั่วพู แล้วไปหาขมิ้นขาวอ่อน ๆ แถวหน้าถ้ำ (เชียงดาว) มาแนมเราหิ้วถุงผ้าคนละใบ จูงมือเดินสู่เต็นท์ผ้าใบเรียงราย มีเสียงทักทายจากร้านเจ้าประจำ วันนี้ซื้ออะไรดีจ๊ะ ผู้ชายไว้หนวดผมยาวกับผู้หญิงตัวเล็กผมสั้น เราอยู่เมืองนี้มานานจนผู้คนคุ้นเคย ตลาดนัด ลานโล่งๆ ไม่ห่างจากปากทางไปถ้ำเชียงดาว ซึ่งรถทัวร์คันใหญ่ๆ ชอบบึ่งมาอย่างรวดเร็วไม่เกรงใจนั้นมีร้านค้าชั่วคราวตั้งอยู่เต็มที่ว่าง มีทั้งแผง และแค่ตะกร้าผ้าปูเรียงรายสองฟากถนน
ชาน่า
ช่วงนี้ “งานเข้า” เรียกได้ว่าหลังจากปิดต้นฉบับหนังสือเรื่อง “ใช่ว่าจะดอก...ท้อ” จีบปากจีบคอ โดยอิชั้นเอง ชาน่า (จำง่าย ๆ กลับผวนได้ใจ หน้าชา ว่าซ้านนนนน) ก็มีงานรับเชิญจากพี่ๆ สื่อมวลชน องค์กร สมาคมและห้างร้านต่าง ๆ เพื่อไปร่วมงานของชาวเรา อันเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ชาน่าได้ไปร่วมชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “xxy” ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชฑูตอาร์เจนติน่าและสมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์การยูเนสโก โครงการประกวดหนังสั้นสีรุ้ง สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติมากมายทั้งท่านทูต และผู้คนทั่วไป รวมทั้งบรรดาสาวงามผู้เข้าประกวด มิส ควีน เรนโบว์ สกายด้วย  
โอ ไม้จัตวา
มองโลก มองบ้านเมือง เห็นอะไรเน่า ๆ แล้วก็สะท้อนใจ บางทีการรักบ้านรักเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็ต้องพบกับความขัดแย้งทางความคิด หลายบ้านอยู่ร่วมกันได้ หลายคนทะเลาะกัน ยุคที่บ้านเราปิดปากประชาชนด้วยอำนาจเถื่อน ในวงวรรณกรรมก็หาทางออกด้วยการเขียนวรรณกรรมหวานเย็น หรือนิยายน้ำเน่าทั้งหลาย เพราะคนถูกปิดหูปิดตาบังคับให้เชื่อในสิ่งที่เขานำเสนอเท่านั้น ไหน ๆ ใจก็เน่าแล้ว นำเสนอเรื่องเน่า ๆ เสียเลยเป็นไง สมัยนั้นเรายังเด็ก มารู้มาเห็นสภาพบ้านเมืองที่สะท้อนออกมาในวรรณกรรมก็เมื่อเข้ามาเรียนหนังสือในฐานะนักเรียนวรรณคดี  มาถึงยุคนี้ ยุคที่คิดว่าต้นไม้ทางความคิดของคนไทยเริ่มเติบโต แว่นตาสำหรับมองโลกปรับเปลี่ยนไปตามสายตาสั้น ยาว เอียง และถูกปรับให้มองได้ในองศาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้มองเห็นภาพได้ชัด ชัดจนไม่อยากเห็น ดูข่าวทีก็ใจขึ้น เห็นผู้ใหญ่ที่พยายามใส่แว่นผิดเบอร์ แล้วบอกลูกหลานว่าภาพที่เห็นนี่แหละชัดแจ๋ว ไอ้ที่ชัด ๆ น่ะ เบลอเบี้ยวไม่ได้เรื่อง  จนบางทีก็งงว่านี่เราสายตาเพี้ยนหรือเขาเพี้ยนกันแน่  ฟังไปบ่นไปค่ะ สัปดาห์นี้แนะนำเพลงของน้าจ๊อบ บรรจบ เจ้าของเพลงดังอย่าง ดูเธอทำ เพลงของน้าจ๊อบดีทุกเพลง เป็นเร้กเก้ เนื้อหาป๊อบ ที่หากซูเปอร์สตาร์นำไปร้องหลายเพลงดังได้ง่าย ๆ เพลงนี้ชื่อเพลงกอดฉันไว้ เนื้อเพลงปลอบประโลมคนอกหัก แต่เป็นการปลอบของคนผ่านโลก ผ่านพายุฝนมามาก ดนตรีใส เสียงไร้จริต จึงเป็นเพลงที่ฟังแล้วอบอุ่น จริงใจ อีกเพลงหนึ่ง  ลืมไปได้เลย เรื่องที่เคย ผ่านมา ให้แล้วไป รู้ เธอไม่ตั้งใจ ให้มันพลั้ง พลาดไปอย่างวันนั้น  ฉันไม่เคยแคร์ และแม้ว่าใครจะคิดอะไรไม่สำคัญ ขอเพียงเธอ อย่าไหวหวั่น เรายังเริ่มกันได้ใหม่  สบตากับฉัน เชื่อในฉัน เรื่องของวันวาน ไม่ต้องมาใส่ใจ ที่เคยเปียกฝน เดี๋ยวก็คงแห้งไป แค่กอดฉันไว้ ฮืม.. เขามองไม่เห็นค่า อย่าไปสนปล่อยเขาช่างเขาไป เสียแล้วก็เสียไป ไม่ต้องคิดสิ่งใดให้หนักหนา  เพราะเรื่องวันวาน จะทำอย่างไร ก็ไม่มีทางเรียกคืนมา คิดถึงวันพรุ่งนี้ดีกว่า วันเวลาที่โลกเป็นของเรา  สบตากับฉัน เชื่อในฉัน เรื่องของวันวาน ไม่ต้องมาใส่ใจ ที่เคยเปียกฝน เดี๋ยวก็คงแห้งไป แค่กอดฉันไว้ วันนี้ฉันรักเธอ
เงาศิลป์
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นตื่นตระหนกเบิกโพลงอยู่ในความมืดสลัวของกระสอบปุ๋ย ทันทีที่ฉันเปิดปากถุงพวกมันต่างเงยหน้าจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาอีกสี่คู่เป็นสีน้ำตาลกลมกลืนกับความมืดจึงไม่สะดุดใจเท่าดวงตาคู่ที่เป็นสีน้ำทะเลกระจ่างจ้าคู่นั้น“โถ ลูกหนอลูก” ฉันร้องครางอยู่ในใจ นั่นคือเหตุการณ์ในเวลาเช้าตรู่ ที่ฟ้าฝนกระหน่ำสายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กาลเช่นนี้ได้ลักพาความสดชื่นแห่งวันใหม่ไปซุกซ่อนไว้ในม่านเมฆฝนหนาทึบริมฟ้า ราวกับมันเป็นจำเลยที่ต้องโทษหนัก และเช่นกัน ฉันผู้เคยเสพสุขจึงต้องร่วมรับโทษทัณฑ์นั้นไปด้วย เพราะเวลาที่อึมครึมในแต่ละนาทีดูเหมือนเนิ่นช้าและหน่วงทับอารมณ์มากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ  ฉันรู้สึกตัวว่าได้ร่วมเป็นจำเลยที่ถูกพิพากษาแล้วจากธรรมชาติ ด้วยการถูกสั่งสอนให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของแสงอาทิตย์ที่มีความหมายมากกว่าความสว่าง ความอบอุ่น หรือความร้อนแรงที่แผดเผา แต่มันคือความหมายแห่งความหวังของทุกชีวิต ทั้งฉัน ทั้งต้นไม้ของฉัน และทั้งแมวเหมียวตัวน้อยๆห้าตัวที่ตะเกียกตะกายอยู่ในถุงพลาสติกที่เปียกชื้นและคับแคบนี้
ภู เชียงดาว
ในที่สุด, ผมก็พาตัวเองกลับคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากโชคชะตาชักชวนชีวิตลงไปอยู่ในโลกของเมืองตั้งหลายขวบปี การกลับบ้านครั้งนี้ ผมกะเอาไว้ว่า จะขอกลับไปพำนักอย่างถาวร หลังจากชีวิตเกือบค่อนนั้นระหกระเหินเดินทางไปหลายหนแห่ง ผ่านทุ่งนา ภูเขา แม่น้ำ ทางป่า ถนนเมือง... จนทำให้บ้านเกิดนั้นเป็นเพียงคนรู้จักที่ไม่คุ้นเคย เป็นเหมือนโรงเตี๊ยมพักผ่อนชั่วคราวก่อนออกเดินทางไกล อย่างไรก็ตามได้อะไรมากและหลากหลาย... สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาสู่,ชีวิตการกลับบ้านเกิดหนนี้, เหมือนกับว่าไปเริ่มสู่จุดเริ่มต้นและก่อเกิด ผมบอกกับหลายคนว่ากำลังเกิดใหม่เป็นหนที่สามจากบ้านเกิด เข้ามาเรียนในเวียง ระเหเร่ร่อน เรียนรู้กับความกร้าน ทั้งดีและเลวทรามอย่างสุดๆ ทำงานแบกเหล็ก พนักงานเก็บเงิน ยามโรงแรม เป็นครูอาสาเดินสอน,ผลิตสื่อโรงเรียนกาวิละอนุกูล,ครูพี่เลี้ยงเด็กตาบอด ฯลฯก่อนตัดสินใจขึ้นไปเป็นครูดอยทำงานอยู่กลางป่านับสิบปีก่อนตัดสินใจลงมาทำงานในโลกของไซเบอร์ ได้สัมผัสเรียนรู้กับโลกสื่อสารมวลชน คนข่าว ทั้งเสรีและคับแคบ โลกของสังคมอันสับสนอลหม่านและซับซ้อน โลกของการเมือง อันกระอักกระอ่วน เน่าเหม็นและทับซ้อน โลกของมิตรแท้และศัตรูชั่วคราวและถาวรกระนั้น ก็เป็นสิ่งที่เรามิอาจหลีกเลี่ยงมันได้เลย ทำให้นึกไปถึงถ้อยคำของ ‘วีระศักดิ์ ยอดระบำ’ ที่บอกเล่าถึง ‘หนทาง’ ที่ชัดเจน “การเคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ในสนามแห่งความจริง ทำให้คนเราต้องเผชิญหน้ากับตัวเองและสังคม”
คนไร้ที่ดิน
                                                                                                                               สมจิต  คงทน                                                                              กลุ่มปฏิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน (โลโคลแอก)ฉันจึงยืนหยัดอยู่ที่นี่เมื่อฉันมีโอกาสติดสอยห้อยตามทีมถ่ายทำวีซีดีสารคดีเรื่องการจัดการที่ดินโดยชุมชนของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และได้เดินทางไปยังหมู่บ้านหนึ่งในเทือกเขาบรรทัด เพื่อบันทึกเรื่องราวของพี่น้องคนไร้ที่ดินที่ได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อยืนหยัดอยู่ในที่ดินและชุมชนของตนเองเอาไว้ได้อย่างสง่างามและมีศักดิ์ศรีป่าเทือกเขาบรรทัดบ้านทับเขือ-ปลูกหมู เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของจังหวัดตรังและจังหวัดพัทลุง ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เส้นทางสัญจรค่อนข้างลำบากมากต้องลงเขาขึ้นเขาสลับกันไปมาตลอดทาง ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกทางก็จะลื่นมาก แต่ดูเหมือนว่าชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างคุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แนวทางของอันวาร์ในการสู้รบกับรัฐบาลที่ครองอำนาจมายาวนานโดยรัฐบาลแนวร่วมแห่งชาตินั้น ต้องถือว่าขยันขันแข็งและใช้เทคโนโลยีสื่อสารได้อย่างมีศักยภาพใครที่อยู่ในเครือข่ายผู้ได้รับข่าวสารทางอีเมล์ของออฟฟิศนายอันวาร์ย่อมทราบดี ว่ากล่องรับข้อความของคุณจะเต็มไปด้วยข้อมูลจากฝ่ายค้าน รายละเอียดความคืบหน้าการเคลื่อนไหว และมีตารางเวลาคอยเป็นตัวกระตุ้นความสนใจอยู่ตลอด ฉะนั้น เมื่อเขาประกาศวาระการเขย่ารัฐบาลครั้งใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่ก็น่าติดตามเมื่อพรรคยุติธรรมประชาชนกวาดเก้าอี้ได้ 32 ที่นั่ง และรวมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แล้วเป็นจำนวน 82 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 222 คน พรรคยุติธรรมประชาชนไม่ได้หยุดความฮือฮาไว้แค่นั้น แต่ประกาศเดินหน้าปฏิรูประบบเลือกตั้งและระบบยุติธรรม ซึ่งพรรคถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในมาเลเซียนอกจากนี้ ยังประกาศคัดง้างแนวนโยบายหลักที่อัมโนได้ดำเนินมายาวนานก็คือ นโยบาย ภูมิบุตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจแผนใหม่ (New Economic Policy) ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่กีดกันเชื้อชาติและเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจของคนมาเลย์เชื้อชาติอินเดียและจีนเมื่อวันที่ 13 กันยายน อันวาร์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านที่เรียกขานกันในอีกชื่อว่าแนวร่วมเพื่อประชาชน ได้ประกาศว่า จะมีการเขย่ารัฐบาลครั้งใหญ่และเตรียมจะยึดสภาในวันที่ 16 กันยายน....!!! จนกระทั่งวันที่ 16 ก.ย. มาถึงจริง อันวาร์ประกาศว่ามีรายชื่อ ส.ส. พรรครัฐบาลอยู่ในมือ 31 คนที่พร้อมจะก้าวมาร่วมหัวจมท้ายกับเขา และนั่นก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้านมีที่นั่งรวมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ในสภา เขาได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ในเวลา 14.30 น. ของวันที่ 16 กันยายน เพื่อขอเปิดการเจรจากันในวันที่ 23 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ท่าทีของบาดาวีขณะนี้ยังคงนิ่งเฉยอยู่ และข้อสงสัยของผู้ติดตามข่าวสารคือ รายชื่อ 31 ส.ส. พรรครัฐบาลนั้นมีจริงหรือไม่ และเป็นใครบ้าง ซึ่งคงอีกไม่กี่วันจะได้รู้ผลกันอย่างไรก็ตาม แนวทางแบบนี้ของแนวร่วมฝ่ายค้านนั้นน่าสนใจว่า การต่อสู้เพื่อโค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเดินไปตามแบบเผนอย่างน่าทึ่ง เมื่อย้อนมองกลับไป เราจะพบการต่อสู้ที่เป็นระบบ และเป็นกระบวน แยกบทบาทอย่างชัดเจนระหว่างระดับพรรคการเมือง และระดับแนวร่วมภาคประชาชนแม้ว่าข้อกล่าวหาที่พุ่งเป้าไปสู่รัฐบาลมาเลเซียนั้น มี 3 ประเด็นใหญ่ๆ ก็คือ แนวนโยบายแห่งรัฐที่เลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด และการคอร์รัปชั่นแต่ขบวนการต่อสู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา (2007) ของภาคพลเมืองมาเลเซียก็คือ การร่วมมือกันเรียกร้องการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเป็นธรรม เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้ลงสู่การแข่งขันอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ตามดูเหมือนสาสน์ ที่ส่งออกมาไม่ใช่การส่งไปยังรัฐบาลโดยตรง และแม้หวังส่งสัญญาณไปที่รัฐบาลโดยตรงก็คงต้องบอกว่าไม่ได้ผล เพราะการเลือกประกาศวันเลือกตั้งในวันที่ 8 มีนาคม 2008 นั้นบอกชัดอยู่แล้วว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการสร้างโอกาสที่เป็นธรรมให้แก่นายอันวาร์ซึ่งติดทัณฑ์บนห้ามลงเลือกตั้งจนกว่าจะพ้นวันที่ 14 เมษายนของปีเดียวกัน แต่หากคิดว่าสาสน์นั้นส่งผ่านไปยังประชาชนผู้เป็นเจ้าของคะแนนเสียงที่จะกำหนดทิศทางการเมืองมาเลย์อย่างแท้จริงก็ควรนับว่าได้ผลเมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้งที่ออกมาชนิดหักปากกาเซียนพรรคน้องใหม่อย่างพรรคยุติธรรมประชาชนซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี 2003 ได้ที่นั่งในสภาเพียงที่นั่งเดียว กลับกวาดมาได้ถึง 31 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2008 เมื่อรวมกับพรรคกิจประชาธิปไตย (Chinese-based Democratic Action Party- DAP) ได้ 28 ที่นั่ง และพรรคปาส (Parti Islam Se-Malaysia- PAS) ได้ 23 ที่นั่ง รวมเป็น 82 ที่นั่ง นี่คือจำนวน ส.ส. ฝ่ายค้านที่มากที่สุดในรอบ 40 ปี และนี่เป็นผลการเลือกตั้งที่เขย่าเสถียรภาพของรัฐบาลชนิดที่ช็อกความรู้สึกนักลงทุนและส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งฮวบทันทีด้วยความไม่แน่ใจในเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจขณะที่เส้นทางในระบอบรัฐสภาดำเนินมาได้ด้วยดีด้วยจำนวน ส.ส. ที่มากเป็นประวัติการณ์ และ อันวาร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำฝ่ายค้านแม้ตัวเองจะอยู่นอกสภา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางการเมืองเชื่อว่า ที่สุดแล้ว อันวาร์จะต้องได้ลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ภายในปีนี้ ในการเลือกตั้งซ้อมเขตใดเขตหนึ่งอย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริงวันที่ 31 ก.ค. ดร. วัน อาซีซาร์ วันอิสมาอิล ประธานพรรคยุติธรรมประชาชน ภรรยาของนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซีย ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกรัฐสภาอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดทางให้สามีเข้าสู้สภา27 สิงหาคม ผลการเลือกตั้งซ่อมในเขต เมืองเปอร์มาตัง ปาอูห์ ในรัฐปีนัง นายอันวาร์ชนะคู่แข่ง เข้าสู่สภาพร้อมประกาศว่าจะรวบรวมสมาชิกฝ่ายรัฐบาลมาเข้าร่วมกับ กับฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพียงพอในการโค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งถือเป็นวันชาติของมาเลเซีย (เป็นวันชาติที่มีการรวมรัฐเประ และตรังกานูร์ รวมทั้งสิงคโปร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2506 )ก่อนจะไปถึงวันที่ 23 กันยายน สาสน์ที่นายอันวาร์ส่งถึงประชาชนชาวมาเลเซียนั้น ระบุยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลว่า ประเด็นที่ผู้นำฝ่ายค้านต้องการเจรจากับนายกรัฐมนตรีนอกเหนือจากเรื่องของตัวผู้นำประเทศที่อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวน ส.ส. ในสังกัดแล้ว อีก 4 ประการที่รัฐบาลของนายบาดาวี อย่างไรเสียก็ต้องตระหนักคือประการแรก รัฐบาลพรรคแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ขัดขวางหรือกีดกัน ส.ส. ในซีกรัฐบาลในการตัดสินใจอย่างเป็นอิสระ และเป็นไปตามสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ประการที่ 2 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ นำเอากฎหมายความมั่นคงภายในมาใช้เพื่อกักขังสมชิกรัฐสภาที่มีเจตนาจะเข้าร่วมกับฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกฝ่ายค้านในปัจจุบันประการที่ 3 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือใช้กำลังตำรวจหรือระงับใช้รัฐธรรมนูญ หรือยุบสภาโดยต้องยอมเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ประการที่ 4 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติ ต้องไม่ปิดกั้นถนน ขัดขวางสมาชิกรัฐสภาในการเดินทางไปที่ทำการรัฐสภาและสถานที่ทำการของรัฐบาลนอกจากนี้ ได้เรียกร้องต่อสื่อมวลชนกระแสหลักให้ยอมรับความเป็นจริงของประวัติศาสตร์การเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ และรายงานอย่างเป็นธรรม และปราศจากอคติแถลงการณ์ที่ออกมาจากผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียนั้นย่อมสะท้อนภาพปัญหาของการเมืองมาเลเซียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการปิดกั้นถนน ทำให้ผู้ชุมนุมในกรณีต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงนักการเมืองที่เป็นเป้าหมายได้ หรือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนักเคลื่อนไหวโดยปราศจากการตั้งข้อหาเฉพาะตัวของนายอันวาร์เองนั้น เผชิญข้อกล่าวหาที่ส่งเขาเข้าคุกไปแล้ว 2 ครั้ง ข้อหาหนึ่งก็คือคอร์รัปชั่น (ถูกตัดสินปี 1999 รับโทษจำคุก 6 ปี ) อีกข้อหาคือ การประพฤติผิดทางเพศ (ถูกตัดสินปี 2000 รับโทษจำคุก 10 ปี) ซึ่งเป็นข้อหาที่เขาถูกกล่าวหาซ้ำอีกเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเหจุให้เขาต้องลี้ภัยเข้าไปอยู่ในสถานทูตตุรกีประจำประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. และต้องเรียกร้องให้รัฐบาลรับประกันความปลอดภัยหากเขาเดินทางออกมาจากสถานทูตทั้งนี้ ที่น่าสนใจที่สุดของแถลงการณ์ในวันที่ 16 ซึ่งเป็นแถลงการณ์จากผู้นำฝ่ายค้านที่เผชิญมรสุมจากเกมการเมืองมาเป็นเวลา 10 ปีพอดิบพอดี (เมื่อนับจากการเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่นและประพฤติผิดทางเพศที่ส่งเขาเข้าไปเผชิญการทำร้ายร่างกายในคุก) คงจะเป็นส่วนที่กล่าวว่า...."เรา ในนามแนวร่วมเพื่อประชาชนเชื่อว่า เราสามารถธำรงรักษามาเลเซียไว้จากภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่กีดกันเชื้อชาติในระดับที่น่าอันตราย เราจะกระทำการอย่างรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย และจะไม่กระทำการที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศรวมถึงความปลอดภัยของประชาชน..."เราได้รับการยืนยันจากสมาชิกรัฐสภาในจำนวนที่มากพอที่จะก่อตั้งรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลของเราจะเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายของสังคมมาเลเซียการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสงบเรียบร้อยคือสิ่งที่เราตระหนัก"

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม