Skip to main content

นายยืนยง



นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม
สำนักพิมพ์ : นิลุบล

ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล



อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ...


แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ

มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ

บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ


เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับไปพร้อมว่า ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ไร้โอกาสเข้าถึงการศึกษาภาคประถม  นวนิยายที่เขียนถึงสัมพันธภาพระหว่างครูกับลูกศิษย์ถือกำเนิดและดำรงอยู่เหมือนเป็นมนต์เสน่ห์หนึ่งของชีวิต และด้วยภาษาเขียนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน ชวนซาบซึ้ง ก็ทำให้นวนิยายเรื่อง บ้านก้านมะยม ก้าวออกมาจากความทรงจำอีกครั้ง


บ้านก้านมะยม ผลงานของประภัสสร เสวิกุล เป็นผลงานเขียนที่เล่าถึงความผูกพันระหว่างครูกับลูกศิษย์ ที่ความเรียบง่าย ซึ้งกินใจ แต่ความมุ่งหมายของผู้เขียน ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเชิงชั้นการประพันธ์เท่านั้น เพราะขณะเดียวกันยังเสนอแนะให้คนในสังคมครุ่นคิดไปถึงปัญหาด้านการศึกษาและแนวทางที่เด็กด้อยโอกาสจะเข้าถึงครู เข้าถึงความรู้ ...นี่เองที่เป็นจุดน่ายกย่องยิ่งเมื่อนวนิยายเรื่องหนึ่งจะมีมรรคประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าความงดงามทางวรรณศิลป์


กล่าวกันว่า ประภัสสร เสวิกุล ถนัดมากในการเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ (บางส่วนจาก รวมเรื่องสั้น หยาดฝน สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าวิทยา พ..๒๕๑๙ ) ขณะที่ บ้านก้านมะยม ก็เป็นเรื่องรักในแนวถนัดของประภัสสร แต่ไม่ใช่ความรักความใคร่อย่างธรรมดา หากเป็นความรักที่ช่วยชุบชูจรรโลงสังคม เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตน ซึ่งล้วนน่าสนใจยิ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านก้านมะยมได้กระตุ้นให้รู้สึก นึก ครุ่นคิดกับปัญหาสังคม และพร้อม กล้า ยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลาย นี่คือหลักใหญ่ใจความของนวนิยายเรื่องนี้ทีเดียว


ลักษณะเฉพาะของงานเขียนประเภทนวนิยายคือโครงเรื่องที่ซับซ้อน มีโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อยผูกร้อยและเชื่อมโยงเข้าสู่เอกภาพของโครงเรื่องหลัก เปรียบได้กับการสร้างบ้านหลังใหญ่โดยมีนักเขียนเป็นวิศวกร และกับเล่มนี้ประภัสสร ได้ออกแบบฉากหน้าเป็นโรงเรียนบ้านก้านมะยม โรงเรียนเล็ก ๆ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนทางเลือก ที่นักเรียนจะแต่งกายตามสบายและเรียนรู้อย่างมีความสุข สนุกสนาน มุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นคนดีของสังคมในแนวทางที่ตัวเองรักและถนัด ต่างจากโรงเรียนอีกมากมายในสังคมที่เน้นหนักด้านความรู้วิชาการ การสอบแข่งขันเอาเป็นเอาตาย ซึ่งส่งผลให้สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนเคร่งเครียดขึ้น


โรงเรียนบ้านก้านมะยมถือกำเนิดพร้อมกับความผิดหวังในคนรักของหญิงสาวจากกรุงเทพ ที่เดินทางผ่านมายังชุมชนลุ่มแม่น้ำแห่งนี้ แต่เมื่อเห็นว่าย่านตำบลท่าตลาดแห่งนี้ไม่มีโรงเรียน เธอจึงเช่าเรือนไม้จากคุณนายล้อมเพชรเพื่อใช้เป็นห้องเรียน เธอคนนั้นคือครูสายสร้อย


เรื่องดำเนินไปกระทั่งครูสาวล่วงเข้าสู่วัยชรา มีลูกศิษย์หลายต่อหลายรุ่น จากพ่อแม่ถึงรุ่นลูก ซึ่งล้วนอยู่ในตำบลท่าตลาดและใกล้เคียง กระทั่งคุณนายล้อมเพชรเร่งมาทวงบ้านซึ่งเป็นโรงเรียนบ้านก้านมะยมกลับคืน อันเป็นเหตุให้ตัวละครในเรื่องต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ครูและโรงเรียนอยู่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านท่าตลาดดังเดิม


นี้เป็นโครงเรื่องหลักที่ผู้เขียนวางไว้ แต่ยังมีจุดชวนสนใจอื่นอยู่ที่โครงเรื่องย่อยที่ผูกร้อยกันเข้ามา จากตัวละครที่ผู้เขียนได้ปูพื้นหลัง วาดความเป็นมาเป็นไปไว้อย่างมีชีวิตชีวา


ความน่าสนใจนั้นเกิดจากตัวละครนั่นเอง ผู้เขียนได้ถ่ายทอดทัศนะคติที่มีต่อผู้คน สังคม ต่อวิกฤตการณ์ หรือเรื่องที่กำลังก่อตัวเป็นวิกฤตการณ์ที่สำคัญต่าง ๆ เช่นระบบการศึกษา การล่มสลายของสังคมชนบท เพื่อเสนอแนวทางคลี่คลายปัญหา เพื่อจรรโลงสังคมให้ดีงาม โดยผูกปมความขัดแย้งไว้ ๒ ขั้ว เป็นระยะ ๆ ยกตัวอย่างเช่น คู่ระหว่างหมอพิพัฒน์กับสุนิสา คู่สามีภรรยา


หมอพิพัฒน์ นายแพทย์หนุ่มจากกรุงเทพผู้อุทิศตัวให้สังคมด้อยโอกาสเช่นบ้านท่าตลาด

สุนิสา หญิงสาวผู้มีอันจะกินจากกรุงเทพ ติดตามสามีมาอยู่ที่บ้านพักโรงพยาบาล ทั้งคู่คิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่หมอพิพัฒน์อยากให้ติ๊ดตี่ ลูกสาววัยห้าขวบเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านก้านมะยม


ตลอดเวลา สุนิสาไม่เห็นด้วยกับการที่สามีจะมาใช้ชีวิตที่นี่ เธอเป็นห่วงอนาคตลูกสาว แต่พิพัฒน์สามีก็มีวิธีการเข้าคลี่คลายปัญหา ที่น่าสนใจคือวิธีการดังกล่าวนั้น


วิธีการของหมอพิพัฒน์ก็คือวิธีการของประภัสสรที่นำเสนอผ่านตัวละครที่เขาสร้างขึ้น เป็นวิธีที่ไม่ใช้การโน้มน้าวหรือบังคับขู่เข็ญ หากแต่พยายามดึงเอาศักยภาพภายใจของภรรยาสาวออกมา เพื่อให้เธอตระหนักในคุณค่าของตัวเอง แล้วเธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งในกลไกที่พร้อมช่วยจรรโลงสร้างสรรค์สังคมต่อไป ระหว่างความขัดแย้งของคู่สามีภรรยา ผู้เขียนสร้างให้ ติ๊ดตี่ (ลูกสาว) เป็นตัวกลางคอยเชื่อม ซึ่ง ติ๊ดตี่ เป็นตัวแทนของความดีงาม บริสุทธิ์


เราจะสังเกตเห็นได้ตลอดเวลาขณะที่พ่อแม่ “หารือ” กันในปัญหาขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนทะเลาะกันในสายตาของเด็กอย่างติ๊ดตี่ ยกตัวอย่างในตอนที่ สามพ่อแม่ลูก กำลังตัดสินใจว่าติ๊ดตี่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านก้านมะยมดีหรือไม่ ( หน้า ๓๒ )

พูดจริง ๆ นะคะ หญิงสาวเน้นเสียง ถ้าไม่มีโรงเรียนที่ดีกว่านี้ ฉันสอนติ๊ดตี่อยู่กับบ้านก็ได้

ผมไม่เห็นว่าที่นี่มันจะเลวร้ายอะไรเลย คุณหมอพูดอย่างใจเย็น อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กคนอื่น ๆ เขาเป็นกัน

คุณเป็นหมอบ้านนอกยังไม่พอหรือคะ สุนิสามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ทำไมต้องให้ลูกเป็นเด็กบ้านนอกไปด้วย

ไม่ดีหรือ นายแพทย์หนุ่มหัวเราะเบา ๆ คุณก็จะได้เป็นคุณนายบ้านนอกอีกคนไง

คุณพ่อ คุณแม่ ดีกันเถอะค่ะ ติ๊ดตี่ดึงมือบิดามารดามาหากัน


ตลอดเวลาที่สองคู่ขัดแย้งมีความเห็นไม่ตรงกัน หมอพิพัฒน์ฝ่ายสามีก็จะใช้เหตุผลและอารมณ์ขันเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งก็ได้ผลดีทุกครั้ง ขณะเดียวกันติ๊ดตี่ ลูกสาวก็จะเป็นฝ่ายกลาง ไม่เข้าข้างพ่อหรือแม่ หรือในอีกตัวอย่างหนึ่ง
( หน้า ๑๕๐ ) ในตอนที่ติ๊ดตี่กับเพื่อน ๆ พากันหาที่ซ่อนตัวจากเข็มฉีดวัคซีนของหมอพิพัฒน์ แม้เมื่อทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่วายสุนิสาผู้เป็นแม่ยังอดตัดพ้อกับสามีไม่ได้


คุณพูดเหมือนไม่ห่วงติ๊ดตี่เลย

ห่วงซิ ทำไมผมจะไม่ห่วงลูก เขามองดูหล่อน แต่ผมไม่เอาลูกมาเป็นห่วงคล้องคอตัวเองและไม่เอาตัวเองไปเป็นห่วงคล้องคอลูกต่างหาก โรงเรียนบ้านก้านมะยมไม่มีทางที่จะเหมือนกับโรงเรียนในกรุงเทพฯ ...เด็ก ๆ ที่บ้านก้านมะยมด้อยโอกาสที่ไม่ได้เกิดในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งมีความเจริญทางวัตถุ แต่ผมก็เชื่อว่าพวกแกมีจิตใจที่บริสุทธิ์และดีงามไม่แพ้เด็ก ๆ ที่อื่น


คำพูดของหมอล้วนแสดงออกถึงเจตคติของผู้เขียนที่ยังเชื่อมั่นในความดีงามของมนุษย์ และมองโลกในด้านที่เป็นจริง  วิธีการแก้ไขปัญหาโดยไม่แบ่งฝักฝ่ายหรือโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเป็นพวกเดียวกับตนนั้น เป็นวิธีที่ถูกนำเสนอมาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ซึ่งปรากฏให้เห็นและใช้ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาทะเลาะวิวาท ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมมากมายนัก (ยกตัวอย่าง ตอนที่ ๖ ) เมื่อเกิดกรณีชกต่อยระหว่างเด็กชายโก๊ะ กับเด็กชาย นงค์ จนเป็นเหตุให้นายแกวกับนายนวลพ่อของเด็กชายทั้งสองต้องเป็นมวยคู่เอกแทนคู่ลูกชาย ผู้แจ้งเหตุร้ายนี้กลับไม่ขอความช่วยเหลือที่สถานีตำรวจ แต่หันมาพึ่งหมอพิพัฒน์ ด้วยประสบการณ์หมอจึงพามาตัดสินกันที่โรงเรียน เมื่อหมอรู้ว่าทั้ง ๕ ตัวการล้วนเป็นลูกศิษย์ครูสายสร้อยแห่งบ้านก้านมะยม


เมื่อฟังความจากทุกฝ่ายแล้ว ครูจึงสรุปว่า

ถ้าคิดกันอย่างนี้ก็เป็นปัญหาโลกแตก แล้วลงท้ายก็หาทางจบไม่ได้ ใครจะเป็นคนเริ่มต้นไม่สำคัญเท่ากับว่าใครจะเป็นคนที่ทำให้เรื่องยุติลงได้ต่างหาก บางครั้งการยอมแพ้ ยอมเป็นฝ่ายเลิกราก็คือการเป็นผู้ชนะที่แท้จริง เป็นอย่างที่พูดกันว่า แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร นั่นแหละ


หากครูตัดสินลงไปว่าฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิด ให้เกิดมีแพ้มีชนะ ปัญหาที่ตามมาคือ ความบาดหมางใจกัน และอยากแก้มือคืน ไม่บังเกิดสันติสุขที่แท้จริงได้


ขณะที่ปัญหาในส่วนย่อยถูกนำมากล่าวในเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ปัญหาข้อหนึ่งที่ถูกกล่าวถึง คือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก เช่นความก้าวเข้ามาของความเจริญด้านวัตถุ ที่คืบคลานเข้ามาถึงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม


ชุมชนแห่งนี้เป็นหมู่บ้านริมน้ำ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีเรือ จักรยานเป็นพาหนะของชาวบ้าน นอกจากหมอพิพัฒน์คนเดียวที่มีปิคอัพเก่าปุเรง ตัวละครที่เป็นตัวแทนของค่านิยมเก่าแบบอนุรักษ์นิยมซึ่งเห็นได้ชัด คือ นายแกว พ่อของเด็กชายโก๊ะ มีอาชีพขับเรือยนต์ ซึ่งกำลังถูกคุกคามจากเรือหางยาวที่กำลังอยู่ในความนิยมของผู้สัญจรขณะนั้น


ความขัดแย้งเล็ก ๆ ที่ชัดเจนนี้ ปรากฎอยู่ในตอนที่ครูสายสร้อยมาตามให้โก๊ะไปโรงเรียนเมื่ออายุถึงเกณฑ์ ขณะที่สองพ่อลูกไม่เห็นด้วย

โดยฝ่ายพ่อพูดว่า ลูกฉัน ฉันมีปัญญาเลี้ยงมันได้

ใจคอพ่อจะขับเรือเลี้ยงมันไปจนแก่เลยอย่างนั้นหรือ ตะก่อนเรือเมล์ขึ้นล่องมีตั้งหลายลำ แต่ตอนนี้เรือหางก็เข้ามาแย่งคนไปเสียตั้งเยอะ ฯลฯ ช่างหัวมัน พ่อชักจะหัวเสีย ใครอยากลงเรือหางก็ช่างมัน อีกหน่อยพอล่มบ่อยเข้าก็จะรู้สึกกันเอง อีกอย่างฉันไม่มีทางจะส่งลูกไปเข้าโรงเรียนที่อำเภอแน่นอน แต่เมื่อรู้ว่าครูสายสร้อยเป็นคนมาตามโก๊ะไปเข้าเรียน พ่อจึงยอมอ่อนข้อให้


ปัญหาเรื่องส่งลูกเข้าเรียนนั้นถูกคลี่คลายด้วยตัวละครที่เปรียบเสมือนที่พึ่งทางใจของชุมชน (
ครูสายสร้อย) ไปแล้ว แต่ปัญหาเรื่องความเจริญทางวัตถุนั้น ผู้เขียนกำหนดให้เรือยนต์ของนายแกวถูกเรือแจวคูขัดแย้งชนจนล่มกลางแม่น้ำ ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้เขียนว่าเรื่องบางเรื่องหากยังแข็งขืนต่อต้าน ฝ่ายที่เจ็บปวดก็คือ ฝ่ายที่ไม่รู้จักอ่อนข้อยอมรับในด้านดีของฝ่ายตรงข้าม เปรียบดั่งไม้ใหญ่กับต้นหญ้ายามพายุกระหน่ำพัด...


สรุปได้ว่า วิธีการคลี่คลายปัญหาต่อกรณีคู่ขัดแย้งให้เกิดสันติสุขในสังคมที่ประภัสสรนำเสนอในนวนิยายเรื่องนี้ เป็นวิธีการที่เป็นธรรม คือ เมื่อมี ๒ ฝ่าย ก็ทำให้ทั้ง ๒ ฝ่ายนั้นยอมรับในส่วนผิดของตัว และยอมรับในส่วนถูกของฝ่ายตรงข้าม หรือ
ยอมรับในความเป็นอื่น


แต่กับปัญหาที่ใหญ่กว่า หรือที่เรียกว่าเป็นปัญหาของสังคมคนหมู่มากเล่า เขากล่าวไว้อย่างไร?


ผู้เขียนสร้างตัวละครให้เกี่ยวโยง ผูกพันกันมานมนาน ทุกคนล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับโรงเรียนบ้านก้านมะยม ครั้นเมื่อมีปัญหาทุกคนก็ร่วมมือกัน เริ่มตั้งแต่หมอพิพัฒน์กับสุนิสา เป็นตัวตั้งตัวตี ทั้งที่เป็นคนมาจากที่อื่น นายแกว นายนวล นายสังข์ ลูกศิษย์รุ่นใหญ่ ลูกศิษย์รุ่นเล็ก ชาวบ้านร้านตลาดต่างร่วมใจกันลงขันด้วยแรงกายแรงใจเต็มกำลังความสามารถ


พลังของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมจากปัญหาโรงเรียนบ้านก้านมะยมต้องปิดตัวลงกระทันหัน บวกกับการเข้าเจรจาของหมอพิพัฒน์และภรรยา แม้คุณนายล้อมเพชรจะใจแข็งไม่ยอม หนำซ้ำยังจงใจโก่งราคาค่าเช่าอย่างไร ปัญหาก็คลี่คลายลงไปได้ แม้จะเพียงเปราะหนึ่งเท่านั้น
เพราะผู้เขียนได้วางจุดหักเหสำคัญไว้ตรงที่ผู้มีอำนาจโดยตรง มีสิทธิ์เด็ดขาดในการเข้าแก้ไขปัญหาใหญ่โตของชุมชน ซึ่งบุคคลนั้นก็คือหลานของคุณนายล้อมเพชร


สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดีเมื่อปมขัดแย้งคลายตัวลงจนเกือบจะเรียกได้ว่าถึงที่สุด ด้วยการยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตนของสองพี่น้อง โทนี่กับจูเลีย ผู้มาจากกรุงเทพฯ เพื่อทวงสิทธิ์ในกองมรดกส่วนของพ่อจากคุณนายล้อมเพชร ผู้เป็นป้าแท้ ๆ


ทีแรก ๒ ฝ่าย (หลาน – ป้า) แสดงปฏิกิริยาชัดเจนในการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เพื่อก้าวเข้าสู่เป้าหมายของตัวเอง ฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ ส่วนอีกฝ่ายหวงแหนไว้สุดกำลัง แต่ปัญหาใหญ่ที่ถูกแก้ไขได้เป็นเปราะสุดท้ายโดยสองคนพี่น้องจากกรุงเทพนั้น แม้จะไม่มีน้ำหนักและรายละเอียดของตัวละครในเชิงลึกมากนัก แต่ก็ทำให้คิดต่อไปได้ว่า การที่สองพี่น้องยอมเป็นฝ่ายเลิกทวงมรดกจากป้า เพื่อให้โรงเรียนบ้านก้านมะยมเปิดทำการสอนดังเดิมนั้น เป็นการแก้ปัญหาจากฝ่ายที่มีอำนาจโดยตรง ซึ่งสรุปได้ว่า ฝ่ายที่ร่วมแก้ปัญหาคือ ๑. คนที่มีอำนาจต่อรองโดยตรง ๒. คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง – อ้อม ย่อมต้องอาศัย ๒ ฝ่ายเข้าร่วมมือกัน


หากฝ่ายที่มีอำนาจต่อรองสูดสุด (ที่มีอำนาจเหนือกลุ่มคนที่ได้ผลกระทบโดยตรง) ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญ หากแต่เห็นแก่มรรคผลของสังคมโดยรวม ปัญหาจะคลี่คลายลงได้ด้วยสันติ ประโยชน์สุขย่อมบังเกิดแก่สังคม และแน่นอนว่าทุกปัญหาย่อมมีแนวทางคลี่คลายได้ถ้ากล้าหาญและร่วมมือกันด้วยความจริงใจ.


บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…