Skip to main content

เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือที่แปลเป็นไทยว่า สัจนิยมมายา หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ เป็นแนวการเขียนที่นักเขียนไทยนำมาใช้ในงานเรื่องสั้น นวนิยายกันมากขึ้น ไม่เว้นในกวีนิพนธ์ โดยส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจาก ผลงานของกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ ซึ่งมาเกซเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ฮวน รุลโฟ (ฆวน รุลโฟ) จากผลงานนวนิยายเรื่อง เปโดร ปาราโม อีกทอดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมแนวนี้ถูกตัดตอน ขอกล่าวถึงต้นธารของงานสกุลนี้สักเล็กน้อย


กล่าวถึงฮวน รุลโฟ ซึ่งจริงๆ แล้วควรเขียนเป็นภาษาไทยว่า ฆวน รุลโฟ ทำให้หวนระลึกถึงผลงานแปลฉบับของ ราอูล ที่ฉันตกระกำลำบากในการอ่านอย่างแสนสาหัส ในนวนิยายแนวสัจนิยมมหัศจรรย์เรื่อง เปโดร ปาราโม ที่เคยเขียนถึงในคอลัมน์นี้มาแล้ว


อ่านตั้งสามรอบกว่าจะพอรู้เรื่องเป็นเลาๆ และต้องอ่านอีกหลายรอบกว่าจะจินตนาการให้ซึมซับความเลอเลิศของสุดยอดนวนิยายเรื่องนี้ได้ ขอบคุณพระเจ้าที่มอบเวลาให้ฉันมากเป็นพิเศษ ท่านคงหัวร่อจนคอเคล็ดแล้วตอบว่า “เพราะแกมันทึ่มเองนี่นา คนทื่อมะลื่ออย่างแกสมควรจะมีเวลามากกว่าคนฉลาดเขา” อย่างไร ฉันก็ขอบคุณล่ะ และไม่ลืมเอาเจ้าเปโดรสุดที่รักไปถ่ายเอกสารเก็บไว้ เป็นสำเนาสำรอง ถ้าหนังสือหาย หรือถูกขอยืมโดยไม่อาจเรียกเก็บได้ ยังไงซะ ฉบับถ่ายเอกสารก็ยังอยู่ ฉันชอบใช้วิธีนี้จัดการกับหนังสือสุดหวง ถ้าตังค์เยอะหน่อยก็สำเนาไว้สักสองชุด ถือเป็นความละโมบได้ไหมนี่


ขอบอกก่อนเลยว่า เปโดร ปาราโม ฉบับที่แปลโดย ราอูล นั้น เป็นการแปลที่มีข้อผิดพลาดอย่างมากมาย ถ้าใครได้อ่านบทความของ เพ็ญพิสาข์ ศรีวรนารถ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาสเปน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ แล้วจะรู้ซึ้งเลยว่า ราอูล แปลสุดยอดนวนิยายเมจิกคัลเรียลลิสม์ของโลก ให้กลายเป็นอะไรสักอย่างที่อาจฆาตกรรมคนอ่านได้ แต่ยังไงฉันก็รักเปโดรเล่มนี้สุดหัวใจ มันน่าพิสมัยกว่า คนจมน้ำตายที่รูปหล่อที่สุดในโลก ของ มาเกซ เสียอีกแน่ะ


กับผลงานเรื่อง เปโดร ปาราโมนิดหนึ่ง

เปโดร ปาราโม ถือเป็น ผลงานแนวเซอร์เรียลลิสม์ระดับมาสเตอร์พีซของนักเขียนชาวเม็กซิกันท่านนี้ บรรยายให้เห็นถึงประสบการณ์แปลกประหลาดที่ชายคนหนึ่งได้รับ เมื่อเขาเดินทางไปตามหาพ่อจากคำบอกเล่าของแม่ว่า เปโดร ปาราโม พ่อซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยของเขาอาศัยอยู่ที่โกมาลา เขาจึงต้องเดินทางไปยังเมืองที่มีชีวิตอยู่ด้วยเสียงกระซิบและเงามืดแห่งนั้น ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ที่นั่นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย และเขาได้รับรู้เรื่องราวในอดีตเหล่านั้น ผ่านคำบอกเล่าของวิญญาณที่แวะเวียนมาหาเขา ทั้งในยามหลับและยามตื่น


หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1955 และได้รับคำยกย่องและความนิยมอย่างกว้างขวางทันที ด้วยวิธีการนำเสนอที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับงานแนวเรียลลิสม์ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในงานเขียนแถบลาตินอเมริกาในยุคก่อนหน้างานเขียนของ ฆวล รุลโฟ เต็มไปด้วยจินตนาการ การเหลื่อมซ้อนทางความคิดและเวลา และการสร้างภาพที่ละเอียดอ่อน เป็นภาพเหนือจริงที่ยืนอยู่บนฐานของความเป็นจริง ซึ่งในภายหลังงานแนวนี้ได้รับการเรียกขานว่าเป็นงานแนว เมจิกคัล เรียลลิสม์ ที่มีอิทธิพลต่อผลงานของนักเขียนในกลุ่มลาตินอเมริกาในยุคต่อ ๆ มา อย่าง โฮเซ่ โดโนโซ การ์ลอส ฟูเอนเต้น ไปจนถึง มาริโอ วาร์กัส โลซ่า และ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ที่เรารู้จักกันดี


เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ ที่เรารู้จักนั้น ถือกำเนิดมาจากประเทศแถบลาตินอเมริกา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วน่าจะเป็นประเทศที่อยู่ใต้สหรัฐอเมริกาลงมาจนสุดปลายทวีปอเมริกาใต้ หรือกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศสเปนและใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ


ในหนังสือก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ เล่มนี้ยังเขียนถึงวรรณกรรมลาตินอเมริกาไว้ในบทความชื่อ

วรรณกรรมลาตินอเมริกา ความหลากหลายในความเป็นหนึ่งเดียว เขียนโดย ภาสุรี ลือสกุล อาจารย์สาขาวิชาภาษาสเปน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยแบ่งวรรณกรรมกลุ่มลาตินอเมริกาไว้ 5 กลุ่ม

1.กลุ่มประเทศลุ่มน้ำริโอ เด ลา ปลาตา ได้แก่ อาร์เจนตินาและอุรุกวัย

2.กลุ่มประเทศเทือกเขาแอนดีส ได้แก่ ชิลี เปรู โบลิเวีย

3.กลุ่มประเทศแคริบเบียน ได้แก่ คิวบา เปอร์โตริโก โดมินิกัน

4.กลุ่มประเทศอเมริกากลาง ได้แก่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส คอสตาริกา

5.เม็กซิโก ซึ่งมีความหลากหลายทางวรรณกรรม แต่ก็ปรากฏงานเขียนสำคัญที่นำแนวคิดชนเผ่า แอสเท็กมาผสมผสานกับแนวเขียนสมัยใหม่ รวมถึงแนวสัจนิยมมหัศจรรย์


โดยแนวสัจนิยมมหัศจรรย์นี้ ถือเป็นแนวการเขียน “ร้อยแก้วแนวใหม่” ซึ่งมี 3 แนวหลัก คือ สัจนิยมแฟนตาซี สัจนิยมมหัศจรรย์ แฟนตาซีแนวใหม่ ถือกำเนิดในทศวรรษ 1950- 1970 โดยมีกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ เป็นความโดดเด่นแห่งยุค จากนวนิยายเรื่อง หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว


ลักษณะสำคัญของสัจนิยมมหัศจรรย์คือ การขยายความเป็นไปได้ของ “ความเป็นจริง” โดยผสมผสานความจริงและจินตนาการจากตำนานความเชื่อดั้งเดิมเพื่อบอกเล่า “ความเป็นจริง” ของสังคม เป็นการตั้งคำถามต่อความเป็นจริงด้วยสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ ต้องอาศัยบริบทของสังคม วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของสังคมมาร่วมด้วย มิใช่ถือกำเนิดขึ้นมาโดด ๆ เช่นเดียวกับบริบททางสังคมของประเทศลาตินอเมริกา ที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ มีชนพื้นเมือง มีชาติตะวันตก มีตำนานชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ก่อน ซึ่งน่าสนใจตรงที่ บทความดังกล่าวเขียนไว้ว่า (หน้า76)


ทั้งที่ความเป็นจริง ทฤษฎีต้นกำเนิดของชนพื้นเมืองในอเมริกาซึ่งยอมรับกว้างขวางที่สุดระบุไว้ว่า ชนพื้นเมืองเหล่านั้นอพยพจากเอเชียข้ามไปยังทวีปอเมริกาผ่านทางบริเวณช่องแคบแบริ่ง ในยุคที่ผืนแผ่นดินบริเวณดังกล่าวยังไม่แยกออกจากกันทำให้ชาวเอเชียและชนพื้นเมืองมีรูปพรรณสัณฐาน วัฒนธรรมความเชื่อที่คล้ายคลึงกันอันเชื่อมโยงถึงความ “คล้ายคลึง” ของแนวความคิดที่ปรากฏในวรรณกรรมของทั้งสองซีกโลกด้วยเช่นกัน


ดังที่นักเขียนไทยบางคนเคยพูดว่า บรรยากาศ วัฒนธรรมท้องถิ่นทางภาคใต้ของไทย มีบริบท มีกลิ่นอายเอื้อให้เกิดงานเขียนแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ขึ้นได้ ก็เป็นข้อพิสูจน์หนึ่งที่สอดคล้องกับทฤษฎีต้นกำเนิดของชนพื้นเมืองดังกล่าวนี้ด้วย


กลับมาที่ประเทศไทย ที่เราพบว่า วรรณกรรมแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ กำลังก่อร่างสร้างตัวจนถึงขั้นแผ่ขยายเป็นความมั่งคั่งไปแล้ว อย่างนี้ถือว่ามนตร์เสน่ห์ของงานเขียนแนวนี้ยังคงไว้ซึ่งความขลังอลังการมาได้เป็นร้อยปีแล้วอย่างน่าทึ่ง และนักเขียนไทยก็ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังสือเล่มเดียวกัน เพราะปัญหาการขาดแคลนนักแปลภาษาสเปนของไทยนี่เอง อย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้วรรณกรรมไทยมีใบหน้าคล้ายคลึงกันไปหมด ซึ่งก็ไม่สำคัญเท่ากับใบหน้าที่เสแสร้งในงานวรรณกรรม ไม่ว่าจะเสแสร้งให้เป็นเมจิกคัลฯ หรือเสแสร้งให้เซอร์เรียลลิสม์ก็ตาม


หากเรา ผู้อ่านสามารถตีความและเข้าถึงความเป็นเมจิกคัลเรียลลิสม์ได้ถึงแก่น ก็จะสามารถจำแนกแยกแยะงานที่เป็นของจริงกับการเสแสร้งออกจากกันได้ไม่ยาก และการที่จะเข้าถึงหัวใจของเมจิกคัลฯนั้น เราควรศึกษาถึงบริบททางสังคม เข้าใจถึงตำนาน วัฒนธรรมที่เป็นฉากหลังของวรรณกรรมนั้นด้วย หาไม่แล้ว เมจิกฯจะกลายเป็นงานที่ทำให้เราเงอะงะเท่านั้นเอง


สาเหตุที่เมจิกคัลฯ ยังถูกใช้งานเพื่อตีความ เสียดสี หรือตั้งคำถามเกี่ยวกับ “ความจริง” อยู่จนทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะ “ความจริง” และ “ความลวง” มีความซับซ้อนมากขึ้น และถูกตีความจากมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น บ่อยครั้งที่ไม่สามารถหาบรรทัดฐานใดอย่างโดด ๆ มาวัด จัดค่า ชี้ให้เห็นถึง ความถูก ความผิด ได้เลย ไม่สามารถแม้กระทั่งจะเปลี่ยนขั้ว จากดีเป็นชั่ว จากชั่วเป็นดี จากนักบุญเป็นปีศาจ เราต่างรู้ซึ้งว่าสังคมไทยก้าวล่วงไปสู่พัฒนาการอื่น ที่ไม่ใช่แค่ การเปลี่ยนขั้ว เท่านั้น เรากำลังจะก้าวสู่ศตวรรษใหม่ ด้วยท่าทีแยบคายกว่าเดิม


เช่นเดียวกับวรรณกรรมไทย ที่นักเขียนต่างพยายามแสวงหา “เครื่องมือ” ทางวรรณกรรม มารับใช้แนวคิดของตนเอง และเครื่องมือสุดฮอตก็คือ เมจิกคัลเรียลลิสม์ นั่นเอง ไม่เชื่อก็ลองหยิบเรื่องสั้น นวนิยายแนวที่เรียกตัวเองว่า สร้างสรรค์ ทั้งหลายนั่นแหละ เชื่อเหอะว่า คุณได้ลิ้มรสกับเมจิกคัลฯอย่างง่ายดาย แต่ไม่รับรองนะว่า เมจิกคัลฯ ที่บังเอิญติดมือมาจะเป็นของจริงหรือของปลอม และถ้าต้องชี้ชัดลงไปว่าเล่มไหนของจริง เล่มไหนของเก๊ ก็เป็นการไม่สมควรอย่างแรง หรือว่าไม่จริง


ที่กล้าชี้ชัดลงไปอย่างนี้ ก็ด้วยเหตุผลที่เมจิกคัลฯ เป็นเรื่องของสุนทรียรสอย่างเที่ยงธรรม และไม่ได้ขึ้นต่อศีลธรรมซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้สุนทรียรสผิดแผกไปได้ แต่เรากลับพบงานเขียนเมจิกคัลฯที่กำลังพ่นคำเทศนาทางศีลธรรม จนแทบจะยกมือกราบไหว้บูชาเลยทีเดียว


ดูจะเป็นการเอาจริงเอาจังเกินไป ทั้งที่บรรยากาศไม่ค่อยอำนวยเลย ว่ามั้ย

แต่อยากให้นักเขียนนิยมเมจิกคัลฯทั้งหลาย รอบคอบและประณีตกับ “เครื่องมือ” ของท่านสักหน่อย อย่าให้มันเร่อร่า ลุ่น ๆ ออกมาแบบมักง่ายนัก ของดี ๆ เขามีให้ศึกษาก็ควรพิถีพิถัน ให้เกียรติเจ้าของสกุลงานเขาหน่อย ไม่ใช่สักแต่จะจำลองภาพเท่านั้น


โดยทั่วไปแล้ว เมจิกคัลฯ มักจะมีพื้นฐานมาจากบรรยากาศในท้องถิ่นดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และโดยบรรยากาศนั้นก็มีความพิลึก มหัศจรรย์ในตัวมันเองอยู่แล้ว ดังนั้นการเสแสร้งให้ดูลึกลับ พิลึกพิลั่น จึงเป็นการกระทำของนักเขียนที่ยังอ่านเมจิกคัลฯไม่แตกเท่านั้นเอง และโดยเฉพาะกับตัวละครด้วย เห็นชัดเจนในเรื่องเปโดร ปาราโม ที่ภูมิประเทศเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง ร้อนระอุดุจเดียวกับนรก ตัวละครในเรื่องที่ต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศร้ายกาจรุนแรง จึงไม่ยี่หระว่า เมื่อตายไปแล้ว เขาจะต้องทนทรมานในนรกอเวจี เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่ เขาก็ได้รู้ซึ้งแล้วว่า นรกเป็นอย่างไร ไม่ใช่เป็นเพียงการล้อเลียน หรือลอกแบบเช่น เรียกโสเภณีว่าเป็นนางอัปสร เพียงเพื่อจะยั่วล้อการแปรสภาพของมายาคติเท่านั้น


ถ้าได้เอ่ยถึงงานเขียนที่ยังเป็นเพียงข้อปฏิเสธของเมจิกคัลเรียลลิสม์แล้วจะเกิดอาการ “ไม่เวิร์ค” ในอารมณ์ขึ้นมาทันที ดังนั้นแล้ว เราควรมาทำให้มันเวิร์คด้วยการพินิจพิเคราะห์งานที่เข้าขั้นจะดีกว่า ว่ามั้ย


เอาเป็นว่า จะนำผลงานของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มาเขียนถึงเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

โทษทีนะ ไม่ใช่เพราะกนกพงศ์จะลาโลกไปแล้ว ค่อยนำมาเขียนสดุดีกันอย่างที่สังคมวรรณกรรมนิยมกันหรอก อย่างประเภทว่า ถ้านักเขียน กวี คนไหนลาโลกไปก่อนวัยอันควร ผลงานของพวกเขาจะถูกตีพิมพ์กันจนเกร่อ ทำไมตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ จึงไม่มีใครดูดำดูดีเขาบ้าง หรือเป็นคนประเภทตอนมีชีวิตอยู่คุยกันไม่รู้เรื่อง นิยมคุยผ่านควันธูปอย่างงั้นหรือ


เหตุที่เลือกผลงานของกนกพงศ์นั้นก็เพราะ... เอ.. หรือจะเลือก เงาสีขาว ของแดนอรัญ แสงทอง ดีนะ

ชักเลือกไม่ถูก ว่าไปแล้ว อสรพิษ หรือ เจ้าการะเกด ของแดนอรัญ แสงทอง ก็ไม่เป็นสองรองใคร ฝีมืออยู่ในขั้นน่ายกย่องทั้งสิ้น เอาเป็นว่า ไว้เจอกันใหม่ค่อยเฉลยดีกว่า ตอนนี้ยังเลือกไม่ถูก.

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ ผู้เขียน : องอาจ เดชา ประเภท : สารคดี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา พ.ศ.2548 ได้อ่านงานเขียนสารคดีที่เป็นบทบันทึกช่วงชีวิตของอ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ที่กลั่นร้อยจากความมุ่งมั่นขององอาจ เดชา นักเขียนสารคดีหนุ่มมือเอกแล้ว มีหลายความรู้สึกที่อยากเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งทำให้อยากลุกมาเขียนจดหมายถึงคนต้นเรื่องคนนั้นด้วย กล่าวถึงงานเขียนสารคดีสักครู่หนึ่งเถอะ... สารคดีเป็นงานเขียนที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อมูลทุกรายละเอียดล้วนเคารพต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันงานเขียนสารคดีเล่ม ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ นี้ เป็นลักษณะกึ่งอัตชีวประวัติ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ม่านดอกไม้ ผู้เขียน : ร. จันทพิมพะ ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พ.ศ.2541 ไม่นานมานี้มีโอกาสไปเยี่ยมชมวังเก่าที่เมืองโคราช เจ้าของบ้านเป็นครูสาวเกษียณราชการแล้ว คนวัยนี้แล้วยังจะเรียก “สาว” ได้อีกหรือ.. ได้แน่นอนเพราะเธอยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งน้ำเสียงกังวานและแววตาที่มีความฝันเปี่ยมอยู่ในนั้น วังเก่าหลังนั้นอยู่ใกล้หลักเมือง วางตัวสงบเย็นอยู่ใจกลางแถวของอาคารร้านค้า ลมลอดช่องตึกทำให้อากาศโล่ง เย็นชื่น พวกไม้ดอกประดับแย้มใบเขียวสดรับละอองฝน…
สวนหนังสือ
นายยืนยง      ชื่อหนังสือ     : ชีวิตและงานกวีเอกของไทย ผู้เขียน          : สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร จัดพิมพ์โดย   : สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา พิมพ์ครั้งแรก  : 27 มีนาคม พ.ศ.2508 ตั้งแต่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เริ่มชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงจากสถานีเอเอสทีวีก็กังวานไปทั่วบริเวณบ้านที่เช่าเขาอยู่ มันเป็นบ้านที่มีบ้านบริเวณกว้างขวาง และมีบ้านหลายหลังปลูกใกล้ ๆ กัน ใครเปิดทีวีช่องอะไรเป็นได้ยินกันทั่ว คนที่ไม่ได้เปิดก็เลยฟังไม่ได้สรรพ…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : มาตุภูมิเดียวกัน ผู้เขียน : วิน วนาดร ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกันยายน 2550   ปี 2551 นี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของเรื่องสั้น สำรวจดูจากรายชื่อหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ดูจากชื่อนักเขียนก็พอจะมองเห็นความหลากหลายชัดเจน ทั้งนักเขียนที่ส่งมากันครบทุกรุ่นวัย แนวทางของเรื่องยิ่งชวนให้เกิดบรรยากาศคึกคัก มีสีสันหากว่ามีการวิจารณ์หนังสือกันที่ส่งเข้าประกวดอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคพวกของตัว อย่างที่เขาว่ากันว่า เด็กใครก็ปั้นก็เชียร์กันตามกำลัง นั่นไม่เป็นผลดีต่อผู้อ่านนักหรอก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นกชีวิต ประเภท : กวีนิพนธ์ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2550 ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งบทกวีก็สนทนากันเอง ระหว่างบทกวีกับบทกวี ราวกับกวีสนทนากับกวีด้วยกัน ซึ่งนั่นหาได้สำคัญไม่ เพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้สร้างสรรค์ (กวี) กับผู้เสพอย่างเรา ๆ แต่หมายถึงบรรยากาศแห่งการดื่มด่ำกวีนิพนธ์ เป็นการสื่อสารจากใจสู่ใจ กระนั้นก็ตาม ยังมีบางทัศนคติที่พยายามจะแบ่งแยกกวีนิพนธ์ออกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นกวีฉันทลักษณ์ เป็นกวีไร้ฉันทลักษณ์…
สวนหนังสือ
นายยืนยงประเภท          :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย      :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้า (พิมพ์ครั้งที่ 2 เมษายน 2530)ผู้ประพันธ์     :    Bhabani Bhattacharyaผู้แปล         :    จิตร ภูมิศักดิ์
สวนหนังสือ
นายยืนยง"ความรู้รสในกวีนิพนธ์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ตัวใครก็ตัวใคร จะมาเกณฑ์ให้มีความรู้สึกเรื่องรสของศิลปะเหมือนกันทีเดียวไม่ได้  ถ้าทุกคนรู้รสของศิลปะแห่งสิ่งใดเหมือนกันไปหมด สิ่งนั้นก็เป็นสามัญไม่ใช่มีค่าแห่งศิลปะที่สูง” ท่านเสฐียรโกเศศเขียนไว้ในหนังสือ รสวรรณคดี (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๓) ครั้นแล้วความซาบซึ้งในรสของกวีนิพนธ์อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณผู้อ่านเล่าเป็นอย่างไรหนอ ในสถานการณ์ที่กระแสข่าวเน้นนำเสนอทางด้านเศรษฐกิจการเมือง ความเป็นอยู่ของกวีนิพนธ์จึงดูเหมือนจะซบเซาเหงาเงียบไป ทั้งที่เราต่างก็เติบโตมาท่ามกลางเบ้าหลอมแห่งศิลปะของกวีนิพนธ์ด้วยกัน ทั้งจากเพลงกล่อมเด็ก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง(หมายเหตุ ภาพนี้เป็นภาพปก ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๓๒ เดือน มีนาคม - เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)ภาพจาก : http://burabhawayu.multiply.com/reviews/item/16 ชื่อนิตยสาร : ปาจารยสาร ฉบับที่ ๓ ปีที่ ๒๘ เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส่องศยาม
สวนหนังสือ
นายยืนยงบทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์    :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล         :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ      :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์      :     โครงการจัดพิมพ์คบไฟ  พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม พ.ศ. 2541
สวนหนังสือ
นายยืนยง  บทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์            :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล                 :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ         :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์        …
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓