Skip to main content
ป่านนี้แล้ว (พ.ศ. 2552) ใครไม่เคยได้ยินเสียงขู่ หรือคำร้องขอเชิงคุกคามให้ร่วมชุบชูจิตวิญญาณสีเขียว ให้ร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ให้ตระหนักในปัญหาวิกฤตอาหารถาวร โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ฉันว่าคุณคงมัวปลีกวิเวกนานเกินไปแล้ว

เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกฉบับมิถุนายนนี้ ก็ร่วมบรรเลงเพลงสวรรค์สีเขียวกับเขาด้วยคน ในท่วงทำนองแบบกระตุ้นให้เราหวาดวิตก หวั่นผวากับภาวการณ์ร่วมของยุคข้าวยากหมากแพง ในรายงานพิเศษเรื่อง
วิกฤติอาหารโลก ข้าวยากหมากแพง

ตามธรรมดาที่บทความซึ่งมุ่งกระตุ้นให้ภาวะตระหนักรู้ในสภาวะแวดล้อม ย่อมชี้แจงให้เห็นเหตุผลที่ชัดเจนและอุดมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ นับเป็นการคุกคามความรู้สึกแบบอิงข้อมูลตัวเลขที่ใช้งานได้ผล  เพราะใครก็ตามที่รับรู้ข้อมูล ที่ถูกส่งมาในรูปแบบข้อความสั้นเหล่านี้ ย่อมออกอาการ "เหงื่อตก" 

เมื่อคุณได้รับรู้ข้อมูลตัวเลขที่ผ่านการประมวลผลให้ชัดเจน ตรงประเด็น และมันคล้ายได้แฝงข้อความสั้นในจินตการมาตอกย้ำว่า โลกแย่แล้ว วิกฤตแล้วล่ะเพื่อนรัก เป็นคุณจะเหงื่อตกไหมล่ะ หากเจอข้อความเหล่านี้

ราคาข้าวในตลาดโลกที่พุ่งสูงเกือบสองเท่าตลอดสองปีที่ผ่านมา ซ้ำเติมด้วยอุทกภัยและพายุไซโคลนถล่มทลายในปี 2007 ทำให้บังกลาเทศมีประชากรอดอยากหิวโหยเพิ่มเป็น 35 ล้านคน

ข้าวโพดที่ใช้ผลิตเอทานอล พลังงานสีเขียว 1 ถัง ขนาดบรรจุ 95 ลิตร นั้น เป็นปริมาณข้าวโพดที่เลี้ยงคนหนึ่งคนได้ตลอด 1 ปี

นโยบายส่งเสริมการผลิตเอทานอลของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ทำให้ราคาข้าวโพดในสหรัฐฯ สูงขึ้น
ร้อยละ 30 จากปี 2005 จนถึง ปี 2008 นับว่าสูงขึ้นถึง 3 เท่า

จีนเลี้ยงหมูเป็นปริมาณครึ่งหนึ่งของหมูทั่วโลก ต้องนำเข้าธัญพืชเพื่อขุนหมู เพื่อเลี้ยงปากท้องประชาชนชาวจีนอีกทอดหนึ่ง

โปรตีนราคาแพง ธัญพืชราวร้อยละ 35 ของโลก ถูกนำไปใช้ในการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มปศุสัตว์ กระเพาะของผู้หิวโหยจึงต้องว่างเปล่าต่อไป

ถ้าคุณต้องการพลังงานจากเนื้อหมูในปริมาณเท่า ๆ กับที่ได้จากธัญพืช คุณต้องขุนหมูด้วยธัญพืชมากกว่าที่คุณกินถึง 5 เท่า

การบริโภคเพิ่มขึ้นจาก 815 ล้านตันในปี 1960 มาเป็น 2.160 ล้านตันในปี 2008

จีนปลูกข้าวโพดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ยังไม่พอจะขุนหมูภายในประเทศของตัวเอง จำต้องนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และบราซิล โดยบราซิลต้องถากถางป่าอะเมซอนเพื่อปลูกถั่วเหลืองไปขุนหมูของจีน

มนุษย์เพิ่มขึ้นในอัตราเรขาคณิต คือ เป็น 2 เท่า ทุก ๆ 25 ปี หากไม่มีการควบคุม ขณะผลผลิตทางภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นแบบเลขคณิต หรือช้ากว่ากันมาก ภาวการณ์เช่นนี้ จะนำพามนุษย์ไปสู่กับดักทางชีวภาพ

อุปสงค์แซงหน้าอุปทาน  เรามีอาหารไม่พอสำหรับทุกคน

ปี 2005 - ฤดูร้อน ปี 2008 ข้าวสาลี ข้าวโพด ราคาสูงขึ้น 3 เท่าตัว ราคาข้าวเพิ่ม 5 เท่า

แม้ราคาอาหารจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย แต่ยังจัดว่าสูงเป็นประวัติการณ์

จากบทความดังกล่าวนั่นแหละ ที่เล่นเอาต่อมเห็นแก่ตัวของฉันหดเกร็งจนแทบอัมพาต แต่นั่นไม่ได้หมายถึงการประกาศตัวว่าจะเป็นคนดีอะไรเลย เพราะหากเรายังร่วมแรงรวมใจเห็นแก่ตัวต่อไปอีก อนาคตข้างหน้าย่อมเลี่ยงนรกขุมเล็ก ๆ ไม่ได้แน่ ดังนั้น เราควรหันมาร่วมแรงรวมใจเห็นแก่ประโยชน์โภคผลแก่มนุษยชาติ แก่โลกของเรา ภายใต้เงื่อนไข "ถ้าโลกรอด เราย่อมไม่ตาย " หรือ " ถ้าโลกตาย เราต้องตายตกไปตามกัน "

ในเมื่อบทความ ข้าวยากหมากแพง นี้ ได้ทำการถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ได้กระทำทารุณกรรมโลกสีน้ำเงินใบนี้ ในนามของพระเจ้าสีเขียว ที่จะนำพาให้ประชากรมนุษย์โลกมีข้าวกินอิ่มท้องกันทั่วหน้า พระเจ้าองค์นั้นรู้จักกันดีในนามของ การปฏิวัติเขียว (green revolution) ที่ก่อการขึ้นราวปี 1950 ถึงกลางปี 1990 นามแห่งความรุนแรงสีเขียวนี้ นาย วิลเลียม เอส. โกด อดีตผู้บริหารยูเสด เป็นผู้คิดคำว่า

ปฏิวัติเขียวขึ้นในปี 1968 เพื่อล้อเลียน การปฏิวัติแดงของรัสเซีย

ปฏิวัติเขียว กับการปลูกพืชขนานใหญ่หรือเกษตรเชิงเดี่ยว ที่ต้องพึ่งเมล็ดพันธุ์ที่ดัดแปลงให้เก่งกล้าสามารถ ให้ผลผลิตดกดื่นน่าชื่นใจ ทนแล้ง ทนมือทนเท้า

นั่นคือพระเจ้าสีเขียว ฮีโร่ที่ปราบความหิวของประชากรโลกได้อยู่หมัด

แต่น่าเสียดาย พืชเกษตรเหล่านั้นกลับเสพติดปุ๋ยเคมีชนิดเข้ากระแสเลือด ยังผลให้เกษตรกรที่ศรัทธาพระเจ้าองค์นี้ ต้องถวายตัวเป็นหนี้ค่าปุ๋ยเคมีชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์พรหมที่ไหน

ไม่เท่านั้นผืนดิน ผืนน้ำ อันเป็นทรัพยากรเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตที่ถูกใช้งานอย่างสาหัสก็ฟ้องร้อง

หาความเป็นธรรม โดยแปรดินอุดม น้ำอุดม เป็นพิษอุดมไปเสีย เกษตรกรในภาคพื้นแห่งการปฏิวัติเขียวกลายเป็นมนุษย์มะเร็ง อ่อนปวกเปียก ทั้งร่างกายและจิตใจ

รัฐปัญจาบ อินเดีย ซึ่งเคยท้องที่สีเขียวอันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของชมพูทวีป ต้องกลับเป็นอาณาบริเวณอันตราย อุดมด้วยพิษของดิน น้ำ ลม ไฟ และเชื้อจุลชีพร้ายกาจ ประเทศไทยเราเองก็เคยเคารพนับถือปฏิวัติเขียว และหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้

กระทั่งมีคำถามเสียงดังสนั่นว่าคุณูปการของการปฏิวัติเขียวแลกมาด้วยอะไร

ปฏิว้ติเขียว เคยเป็นพระเจ้าเมื่อประชากรโลกหิวโหย

พวกเราศรัทธาพระองค์ ขณะพระองค์ก็ทรงเรียกร้องจากเรามากมายเหลือเกิน เราต้องถวายพระแม่โพสพ

พระแม่คงคา และอีกหลายพระแม่ของเรา

เห็นทีเราต้องโลกมือลา เลิกศรัทธาพระเจ้าสีเขียวองค์นี้แล้วล่ะ ถึงแม้องค์การสหประชาชาติ หรือนักวิชาการด้านพันธุวิศวกรรมยังยืนยันจะสถาปนาพระเจ้าสีเขียวองค์นี้ขึ้นอีกครั้ง ในนามลูกชายคนใหม่ที่มีชื่อแสนเท่ว่า พืชจีเอ็มโอ ชื่อน่ารักแต่ฟังแล้วขนลุก

ขณะเดียวกัน พระเจ้าอีกองค์หนึ่งก็ถือกำเนิดขึ้น แต่ยังคงเป็นองค์สีเขียวเหมือนองค์เก่า ไม่แน่ว่าพระเจ้าสีเขียวใหม่นี้อาจเป็นปางอวตารของพระเจ้าที่ชื่อปฏิวัติเขียวก็เป็นได้

องค์นี้มีหลายชื่อ แต่มีแบบรูปเดียวกันคือ รักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์โลกร้อน ลดเคมี เกษตรอินทรีย์ เกษตรชีวภาพ อาหารชีวภาพ และอีกหลายชื่อที่ใคร ๆ พากันขนานนามให้ ใครศรัทธาก็จะเป็นกลุ่มชนที่ลดการเห็นแก่ความสะดวกสบายส่วนตัว ให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนรวม เรื่องมลพิษสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ

เหล่าผู้ศรัทธาจะลดการใช้น้ำมันปิโตรเลียม และหันมาใช้น้ำมันชีวภาพอย่างเอทานอล หรือไบโอดีเซล แต่ถ้าจะให้ลึกซึ้งเข้าขั้น จะพยายามลดปริมาณการใช้น้ำมันตามนโยบายโลกสีเขียว

แต่ให้ตายเถอะ เชื่อไหมว่าผู้ศรัทธากลุ่มนี้ หลายคนอาจไม่เคยรู้จักคำว่า "หิว"

ขณะที่หลายประเทศแถบแอฟริกายังอุดมไปด้วยความหิวโหย จนถูกขนานนามอย่างเรียกร้องอยู่ในทีว่า หัวใจที่หิวโหย

ฉันไม่รู้หรอกว่า เราหรือคุณ นับถือพระเจ้าองค์ไหน พระเจ้าสีเขียวเดิม หรือสีเขียวใหม่

ตราบใดที่พลังงานยังมีราคาแพง เชื้อเพลิงชีวภาพจะแย่งพื้นที่เพาะปลูกพืชที่ใช้เป็นอาหารและแหล่งน้ำในหลายภูมิภาคทั่วโลก  นักวิชาการฝ่ายหนึ่งเสนอว่า เราจำเป็นต้องปฏิวัติเขียวอีกครั้งและต้องทำให้สำเร็จในเวลาที่น้อยกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง และนักวิชาการอีกฝ่ายเสนอว่า เราจำเป็นต้องกลับไปสู่ดินแดนที่ปลอดจากเคมี เราต้องฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมทรุดให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ทั้งสองฝ่ายตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งสองก็เสนอทางรอดให้เรา ให้ฉัน และให้คุณแล้ว

ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกฝ่ายไหน และที่สุดแล้ว อาจขึ้นอยู่กับว่า คุณ เรา หรือฉัน เคย "หิว" บ้างหรือเปล่า.

...........................

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…