Skip to main content

นายยืนยง

 
ชื่อหนังสือ           :           นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย
ผู้แต่ง                 :           วิสุทธิ์ ขาวเนียม
ประเภท              :           กวีนิพนธ์รางวัลนายอินทร์อะวอร์ดครั้งที่ 10
จัดพิมพ์โดย        :           แพรวสำนักพิมพ์
\\/--break--\>

รางวัลนายอินทร์อะวอร์ดครั้งที่ 10 ได้ประกาศผลและมอบรางวัลกันไปแล้ว ใครที่ด้อม ๆ มอง ๆ รางวัลนี้อยู่บ้าง ย่อมได้กลิ่นวับ ๆ แวม ๆ อยู่บ้างแหละน่า ในกรณีที่ตามกติกาการประกวดนั้น ได้ระบุไว้ชัดว่า ผลงานต้องไม่เคยเผยแพร่ที่อื่นมาก่อน อันถือเป็นกฎที่ถูกนำมาใช้เป็นกฎในการประกวดวรรณกรรมชั้น

ต่าง ๆ หลายรางวัล นับเป็นกฎยอดฮิตที่ทั้งคณะกรรมการและผู้ส่งประกวดนิยมทำให้มันเป็นเรื่องวับ ๆ แวม ๆ ไปได้อย่างครื้นเครง เช่นเดียวกับรางวัลนายอินทร์ครั้งนี้

เนื่องจากมีบทกวีบางบทของพี่กวีบางคนเคยเผยแพร่มาแล้วในสื่อประเภทอินเตอร์เน็ต หรือเผยแพร่กัน

สด ๆ ในงานอ่านบทกวีตามสถานชุมนุมชน ทั้งที่หนึ่งในกรรมการก็เป็นผู้รับรู้ว่างานกวีนิพนธ์ชั้นนั้นได้ถูกเผยแพร่แล้วจนเป็นที่ประจักษ์แก่ตาของตัวเองและผู้อื่น แต่ทั่นกรรมการก็ยังดันทุรังหยิบมาให้เข้ารอบลึก ไปได้หน้าตาเฉย

อีอย่างงี้เขาจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ กรรมการตาบอดเรอะ ... ก็เปล่า จะเรียก "ฮั้ว" ตามประสาวงข้าราชการหรือการเมืองเรอะ ก็ฟังระคายรูหูไปหน่อย เรื่องอย่างงี้คนวงในเขาทราบกันดี แต่มิอาจเผยแพร่ให้เสียภาพพจน์กวีผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ไปได้ ส่วนไอ้ที่เคยมีคนป้องปากกระซิบกระซาบมาว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันฉันญาติน้ำหมึกนั้น งานนี้ก็เห็นจะมีมูลละซีทั่น ไม่รู้พากันเฮโลชิงชังรังเกียจนักการเมืองอีท่าไหน ถึงได้ขอยืมนิสัยเลวของนักการเมืองมาใช้ได้อย่างหน้าตาเฉย

ครั้นได้หยิบมาอ่านบรรดาบทกวีที่นำมาเข้าเล่มพิมพ์จำหน่าย เราก็ต้องพยักหน้าหงึก ๆ ยินยอมพร้อมใจรับคอนเซ็ปต์แบบ "หลากหลายทัศน์อย่างกลมกลืน" อย่างหน้าชื่นอกตรม มีทั้งนิยมฉันทลักษณ์และไม่นิยมฉันทลักษณ์กันเลยทีเดียว แหม..ใจกว้างเหลือเกิน (น่าสังเกตว่าเวลาที่มีการประกวดกวีนิพนธ์กันเมื่อไหร่ หากกรรมการตัดสินให้กวีนิพนธ์ไร้ฉันทลักษณ์ได้รับรางวัล ก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กรรมการใจกว้างอย่างโง้นอย่างงี้มั่งล่ะ กรรมการใจถึงมั่งล่ะ) งานนี้ถือว่าเป็นการรวบรวมกวีนิพนธ์เข้าไว้ด้วยกันเช่นเดียวกันงานสันทนาการ ติดแต่มีสีสันที่จืดชืดไปหน่อยเท่านั้นเอง

ไม่ว่ากัน เพราะเรื่องนี้ถือเป็น "รสนิยมของกรรมการ" ทั่นต่าง ๆ นั่นแหละ ดูหน้ากรรมการก็รู้แล้วล่ะว่าผลงานที่ได้รางวัลจะชวนซี๊ดดดหรือชวนเซ็งงง ปานไหน ก็น่าเห็นใจ เพราะทั่นกรรมการอาจยังปรับตัวปรับทัศนะไม่ทัน เนื่องจากหน้าที่อันหนักหนาในอันที่จะต้องตัดสินกวีนิพนธ์ทั่วฟ้าเมืองไทยนั้นก็สาหัสเอาการไม่ใช่เล่น

อย่ากระนั้นเลย เรามาดูไอ้ที่เข้าตากันสักบทเถอะ ก็กวีนิพนธ์ที่ได้รางวัลชนะเลิศนั่นยังไงล่ะ

นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย ผลงานของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม

ฉากแรกเป็นเรื่องของเนื้อหาที่ถูกนำมาเขียนถึงจนบอบช้ำไปหมดแล้ว นั่นคือเรื่องการล่มสลายของภาคเกษตรกรรม หรือชาวนาตายแล้วนั่นเอง

ฉะนั้นนักเขียน กวี โปรดทราบ เมื่อชาวนาตายแล้ว ก็ได้โปรดอย่าตายตามชาวนาไปด้วย เพราะหากท่านลุ่มหลงงมงายกับการเขียนถึงภาคเกษตรกรรมที่ล่มสลายอย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นเดิมล่ะก็ มันก็เท่ากับว่าท่านได้ทำอัตวินิบาตกรรมเท่านั้นเอง

แต่วิสุทธิ์ ขาวเนียมหาได้ทำอัตวินิบาตกรรมไม่ เพราะเขาจงใจเลือกใช้ "มุมมอง" ที่ดู "ซับซ้อน" ขึ้นมา  ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยพยุงเนื้อหาให้วิเศษวิโสขึ้นแต่อย่างใด หากแต่ "ตัวบท" นั้นเองต่างหากเล่าที่ได้สะท้อนนัยยะแฝงซึ่งชัดเจนมากกว่าเนื้อหาที่ว่าชาวนาตายแล้วออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

(ใครอยากอ่านก็เชิญร้านหนังสือได้ตามสะดวก ฉันไม่หยิบฉวยมาให้อ่านกันตรงนี้นะจ๊ะ ขออภัย )
(ใครอ่านตรงนี้แล้ว ไม่นึกอยากอ่านต่อก็ตามสะดวกเหมียนกัลล์)

มุมมองที่ดูซับซ้อนนั้นคือ
ฉันดูรายการถ่ายทอดสดพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญผ่านหน้าจอทีวี
ตากล้องรุ่นใหม่โฟกัสภาพไปที่นัยน์ตาของโคเสี่ยงทายในพิธี
นัยน์ตาของโคเสี่ยงทายสะท้อนภาคเกษตรที่ล่มสลาย
จะเห็นได้ว่า กว่าที่ "ฉัน" จะได้รับรู้ "สาร" คือ ความล่มสลายของภาคเกษตร จนถึงขั้นสะเทือนใจนั้น  
"สาร" ต้องผ่านนัยน์ตาของตากล้อง ซึ่งย่อมมองผ่านเลนส์กล้อง ผ่านคลื่นดาวเทียมในชั้นบรรยากาศ

ผ่านตัวกลางบรรดามีของเทคโนโลยี มาถึงจอรับภาพทีวี สุดท้ายมาถึง "ฉัน" แต่ทั้งนี้ "สาร" ดังกล่าวนั้น วิสุทธิ์จงใจที่จะให้ตากล้องโฟกัสภาพไปที่ นัยน์ตาขดองโคเสี่ยงทาย เพื่อให้โคเสี่ยงทายเป็นผู้ถ่ายทอด "สาร" ที่แท้จริง

ในขณะที่ "ฉัน" ตื้นตันใน "พิธีกรรม" จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่ "หลวง" จัดขึ้นเพื่อปลุกปลอบขวัญชาวนา และฉันยังตื้นตันว่าหลวงยังเห็นคุณค่าของภาคเกษตรกรรมของชาวนานั้น "ฉัน" ต้องสะเทือนใจกับ "สาร" ที่โคเสี่ยงทายเป็นผู้ถ่ายทอดในขั้นสุดท้าย

ฉะนั้น "ฉัน" ย่อมเป็นตัวแทนของคนไทยในภาคเกษตรหรือคนไทยที่มีสายสัมพันธ์กับภาคเกษตรด้วย เนื่องจากการเลือกใช้ "พิธีกรรม" นี้ ย่อมแสดงออกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นพิธีกรรมที่หลวงบัญญัติขึ้นเพื่อภาคเกษตรโดยเฉพาะ

นอกจากนั้นวิสุทธิ์ยังให้ภาพของ "ราษฎร" ที่ "แย่งชิงกันจนลนลาน" เก็บ "ของหลวง" ที่ "คนของหลวง" โปรยลงมาจาก "หาบทอง" ภาพนี้ให้ความรู้สึกราวกับราษฎรกำลังแย่งชิงกันเก็บของวิเศษที่โปรยลงมาจากสรวงสวรรค์

มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า มีนัยยะที่แฝงมากับเนื้อหา "ภาคเกษตรกรรมล่มสลาย" เพิ่มมาอีก

1.การเดินทางของ "สาร" ที่ต้องผ่าน "ตัวกลาง" หลากหลาย
2.รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่าง "หลวง" กับ ชาวนา ที่นอกจากความสะเทือนใจธรรมดา ๆ ที่นัยน์ตาของโคเสี่ยงทายเป็นผู้ถ่ายทอดแล้ว เราย่อมรู้สึกได้มากขึ้นอีกเมื่อชาวนา หรือ ราษฎร เป็นได้ก็เพียงฝ่าย "รับ" ของวิเศษจากหลวง และยังแสดงให้เห็นความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่าง "หลวง" กับ "ราษฎร" ได้อย่างชัดเจน ราวกับเขาได้เปรยขึ้นด้วยความอิดหนาระอาใจ ที่ระคนกันอยู่กับความเศร้าที่ไม่อาจเยียวยาแก้ไขได้

เพราะราษฎรเป็นเพียงคนกลุ่มใหญ่ที่แทบจะสิ้นไร้ไม้ตอก แม้มีที่ดินทำกินก็ไม่อาจประคับประคองชีวิตให้ยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง ต้องคอยพึ่งขวัญกำลังใจจาก "หลวง" เป็นประจำทุกปี ขณะที่หลวงก็ทำได้แค่ประกอบพิธีกรรมตามวัตรกิจอันพึงกระทำตามหลักโบราณราชประเพณีเท่านั้น มันดูเป็นแค่หน้าที่อันฉาบฉวยไม่ต่างจากสีทองที่ฉาบเคลือบตามหาบทอง และถาดทองที่ใช้บรรจุภัตตาหารให้พระโคเสี่ยง

เหล่านี้เป็นนัยยะที่แฝงมาเพื่อเพิ่มความสะเทือนใจให้กับ "สาร" ที่เรียกได้ว่าบอบช้ำซ้ำซาก
เพิ่มอย่างไร ตอบคือ เพิ่มให้ภาคเกษตรเป็นภาคที่น่าเวทนาสงสารที่สุด ถูกหลอกได้ง่ายที่สุด และงมงายที่สุด
ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ตากล้องที่ถือเป็นตัวกลางแห่งการสื่อสาร ถามว่าทำไมต้องจงใจใช้
"นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย" เป็นตัวถ่ายทอด "สาร"
เพราะโคพูดไม่ได้เหมือน "หลวง" กับ "ราษฎร" ใช่หรือไม่
ถ้าใช่ นั่นเท่ากับว่า ปากที่พูดได้ย่อมไม่ใช่ "ตัวกลาง"ที่ซื่อสัตย์พอใช่ไหม
หรือเพราะโคเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับการเกษตรมาช้านาน ตีนติดดินพอ ๆ กับชาวนา แต่ทำไมไม่เลือกใช้ "ปาก" ชาวนาในการถ่ายทอด

อีกข้อหนึ่งคือ ขั้นตอนในการสื่อสาร
กว่า "สาร" จะเดินทางมาถึงผู้รับ คือ "ฉัน" นั้น ก็อย่างที่บอก ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน
นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า วิสุทธิ์ต้องการจะเยาะหยันว่าเป็นเพราะขั้นตอนอันซับซ้อนของ "หลวง" ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้ปัญหาลุกลามจนเกินเยียวยา

สำหรับกวีนิพนธ์บทที่ได้รับรางวัลชนะเลิศครั้งนี้ ฉันถือว่าวิสุทธิ์ได้แสดงออกอย่างลึกซึ้งกว่ากวีนิพนธ์แนวชาวนาตายแล้วอีกหลายต่อหลายบทในตลาดกวีนิพนธ์ขณะนี้ เพราะนอกจากจะบอกภาพแล้ว เขายังวิพากษ์วิจารณ์ทั้ง "หลวง" และ "ราษฎร" ไปพร้อมกัน

สำหรับใครที่ต้องการ "ทางออก" ให้กับปัญหาชาวนาตายแล้ว หรือมีทางออกอยู่แล้วคือ เศรษฐกิจพอเพียงล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องอ่านกวีนิพนธ์ก็ได้ ในเมื่อคุณเชื่อถือในเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ก็จงเชื่อไปเถิด เพราะในโลกของวรรณกรรมนั้น "ทางออก" ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาแต่อย่างเดียว

ไม่เชื่อลองไปถามทั่นกรรมการตัดสินวรรณกรรมดูก็ได้ ไม่แน่คุณกับทั่นอาจเป็นญาติน้ำหมึกกันก็เป็นได้.

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…