Skip to main content

นายยืนยง

20080310 ภาพปก ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป

ชื่อหนังสือ      :    ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป
ประเภท    :    เรื่องสั้น    
ผู้เขียน    :    จำลอง  ฝั่งชลจิตร
จัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์
พิมพ์ครั้งแรก    :    มีนาคม  ๒๕๔๘    

 

รวมเรื่องสั้น เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ๑๕ เรื่องสั้น ผลงานล่าสุดของ จำลอง  ฝั่งชลจิตร ที่กำลังวางแผง อ่านแล้วต้องยอมรับในกลวิธีการเล่าเรื่องของเขา ที่ก้าวนำนักเขียนแนวเพื่อชีวิตไปหลายขุม ขณะรวมเรื่องสั้น ลิกอร์  พวกเขาเปลี่ยนไป ผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ ๒๕๔๘  ก็ยังมีข้อสังเกตควรกล่าวถึงต่อกลวิธีการเล่าเรื่องของจำลอง ถึงเครื่องมือเครื่องใช้ วัตถุดิบรอบตัวอันนำมาซึ่งการปรุงแต่งรสเรื่องสั้นให้ชวนอ่าน

เคยกล่าวถึงวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตมาพอสมควรแล้ว หากจะชื่นชมนักเขียนคนใดกว่าใคร หาใช่เพราะรู้จักใกล้ชิด สนิทพิศวาสแต่อย่างใดทั้งสิ้น เหตุผลเดียวคือต้องการบอกเล่าถึงวิธีการเขียนที่น่าสนใจเป็นสำคัญ

ขอยกตัวอย่างเรื่องสั้น ชื่อ ทำบุญบ้าน (หน้า ๓๓) ที่มุ่งสะท้อนวิถีชีวิตของสังคม (ไม่เฉพาะเมืองลิกอร์) ที่เปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ

เรื่องสั้นชุดนี้ จำลองทำหมันการวางโครงเรื่องเดี่ยวทิ้งไป โดยเลือกใช้วิธีการวางกับดัก เปิดจุดชนวนความขัดแย้งย่อย ๆ ที่ผูกร้อยกับความขัดแย้งใหญ่ที่ครอบอยู่อย่างคร่าว ๆ  นำตัวละครใหม่เข้ามาพร้อมดึงชนวนความขัดแย้งย่อยให้ระเบิดต่อเนื่องกันไปกระทั่งจบเรื่อง ทั้งนี้เขาก็ไม่หลงลืมที่จะให้ความสำคัญกับแก่นของเรื่อง

ทำบุญบ้าน – เริ่มเรื่องจากความฝัน ความเชื่อ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญหนึ่งของวิถีชีวิตในชุมชน  เมื่อนางสะอาดฝันถึงพ่อแม่ที่ตายจากไปแล้ว นางคิดฝังใจต่อความฝัน (ตามแบบแผนความเชื่อ) ว่าพ่อแม่มาขอให้ทำบุญส่งอุทิศกุศลไปให้ในยมโลก การทำบุญตามคตินิยมต้องอาศัยเงินเป็นปัจจัยส่งให้ได้บุญ ต้องนิมนต์พระ เชิญเพื่อนบ้านญาติพี่น้องมาร่วมงาน ทำอาหารคาวหวานเลี้ยงแขกคน ขณะที่นางเองก็มีชีวิตยากลำบาก ต้องอาศัยญาติพี่น้องจุนเจือ

ดังหน้า ๓๖ --- วันไหนครัวโหรงเหรง  หลานสาวจะขี่จักรยานยนต์เก่าคร่ำคร่าไปหาน้องสาวพี่เลี้ยงเด็ก  ไม่ต้องบอกเล่าอะไร  เห็นหลานมาหาก็เป็นที่รู้กัน..ฯลฯ.. บางวันน้องสาวฝากมาให้ห้าร้อย  หลานชายอีกสามร้อย ทุกข์ยากบรรเทาลงไปสักเก้าวันสิบวัน  แล้ววนกลับมาเริ่มรอบใหม่  เป็นวงรอบเล็ก ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น  ไม่รู้สักอีกกี่รอบถึงจะหลุดพ้นวงเวียนกรรมไปอีกคน ---

โชคดีน้องชายที่เป็นข้าราชการออกปากช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทำบุญบ้านครั้งนี้เอง  จากนั้นก็เป็นฉากชุลมุนของการตระเตรียมงาน ซึ่งแสดงออกชัดเจนถึงวิถีชีวิตที่เกื้อกูล เอื้ออาศัยซึ่งกันและกัน  

จำลองบรรยายละเอียดลออถึงวิธีล้างผัก หั่นสะตอ พร้อมเติมทัศนคติของชุมชนเข้าไปอย่างแนบเนียน ดังบทพูดในหน้า ๓๙ -- เม็ดไหนหนอนฝังตัวข้างใจ  แกะทิ้งไปก่อน  บาปกรรมจะได้ไม่เปื้อนปากพระเณร

ขณะเดียวกันปมขัดแย้งย่อยก็เดินเข้ามาพร้อมบทสนทนาในวิถีชีวิตแบบที่จำลองนำเสนอ (แบบอวดนิด ๆ ) “ข้าวสารซื้อกินกูไม่เคยถูกปากเหมือนทำนาเอง”   (หน้า ๔๐)

เรื่องดำเนินต่อในบรรยากาศของงานบุญ และเพิ่มปมผูกเข้ามาใหม่ด้วยเรื่องของบทบาท หน้าที่ สถานภาพทางเพศระหว่างชาย – หญิง  ที่กำลังจะแปรสภาพจากหน้ามือเป็นหลังมือ  เช่น  งานหุงข้าวเลี้ยงแขกที่ต้องหุงในกระทะใบบัวขนาดใหญ่ ที่เมื่อก่อนเคยเป็นงานของพวกผู้ชาย  แต่เมื่อคนเป็นงานตายไปแล้วก็ไร้คนสานต่อ  นางศรีต้องรับมือเอง แม้ยากเย็นในช่วงแรกแต่ต่อมานางก็ทำได้ดี

เมื่อฝ่ายผู้ใหญ่ในบ้านต่างเร่งมือช่วยงานนั่นนี่จนไม่หยุดมืออย่างรู้หน้าที่ ฝ่ายคนรุ่นลูกหลานก็รู้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัว จึงตั้งวงเหล้าแยกไปต่างหาก  จนนางสะอาดนึกตำหนิอยู่ในใจ  นี่เป็นปมขัดแย้งระหว่างคนสองรุ่น หัวเก่า – หัวใหม่ ที่เชื่อมรัดเข้ามาในเรื่องอีกข้อ

อีกปมหนึ่งคือ เรื่องบ่อนไก่ชน ที่เมื่อก่อนเคยผิดกฎหมาย แต่เดี๋ยวนี้กลับเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เล่นกันเปิดเผยทุกชนชั้น  พวกผู้ชายได้โอกาสเข้าบ่อนสะดวกขึ้น บางคนไม่เป็นอันทำมาหากิน

สุดท้าย บทบาทของผู้ที่ต้องรับหน้าที่ประเคนถาดอาหารถวายพระ ก็ตกมาเป็นของพวกผู้หญิง  บทสนทนาระหว่างพระกับโยมในหน้า ๔๔ ที่ว่า
“ เดี๋ยวนี้พวกผู้ชายบ้านเราเขาไม่ทำเรื่องพวกนี้กันแล้ว ”  
“ หมู่บ้านไหน ๆ ก็คล้ายกันแหละโยมช่วย  เด็กเดี๋ยวนี้มันไม่เอากันแล้ว  อย่าว่าแต่เด็กเลย  ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่เอา... หลายที่ผู้หญิงเป็นคนนำไหว้พระขออาราธนาศีล  อาราธนาพระปริตรเสียเอง ”
“ แล้วผิดไหม ”
“ ไม่ผิดนะโยม  ผู้หญิงก็อาราธนาพระปริตรได้  แต่โยมลองนึกให้ดี ๆ เมื่อก่อนเป็นหน้าที่ผู้ชาย  โดยเฉพาะคนที่เคยบวชเรียนมาแล้ว  เดี๋ยวนี้ผู้หญิงไม่ได้บวชเรียนต้องทำแทน ...ฯลฯ ...”


ลักษณะมุมมองของจำลองในเรื่องนี้ นอกจากการวางจุดขัดแย้งย่อย ๆ ให้สัมพันธ์เกี่ยวโยงกันแล้ว มุมมองดังกล่าวยังสำแดงให้เห็นว่า กลไกการเคลื่อนไหวของสังคมนั้นเกี่ยวโยงกันไปหมด ดังที่เราเคยชินกับคำว่า  “ พลวัต ”

ขณะเดียวกัน มุมมองของเรื่องไม่ได้มาจากมุมเดียวอย่างที่เราเคยชิน  แต่เป็นการมองจากหลายที่ หลายมุม และพยายามกวาดต้อนให้รอบด้านมากที่สุด  

จากมุมมองแบบตาสัปปะรดนี่เอง  ที่สามารถสะท้อนภาพซ้อน ที่เหลื่อมล้ำกันอยู่ตามมุมต่าง ๆ ในสังคมออกมาอย่างมากมาย บางครั้งหากนักเขียนควบคุมจังหวะจะโคน และการเชื่อมโยงเข้า - ออก ของปมขัดแย้งย่อยไม่อยู่มือ อาจทำให้เรื่องล้นหละหลวม สุดท้ายจะล่มไม่เป็น  

มุมมองดังกล่าวนั้นเมื่อนำมาผสมผสานอยู่ในเรื่อง ทำให้เราได้ยินเสียง มองเห็นทัศนคติที่พุ่งเข้ามารอบด้าน รู้จักอารมณ์ของเรื่องได้จากตัวละครแทบทุกตัวที่เดินเข้ามาสู่เรื่องราว

วิธีการเช่นนี้ทำให้เรื่องมีชีวิตและไม่แล้งแห้งขอดดั่งเช่นวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตอื่น  ทำให้เราตีความได้ครอบคลุม รอบด้านมากขึ้น ไม่กระตุ้นให้เราด่วนสรุป ตัดสิน คาดโทษกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งจากคนในสังคม ทั้งจากนายทุน หรือรัฐ  เท่ากับเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้ผู้อ่านได้เข้าไปมีส่วนร่วมพิจารณาถึงข้อปัญหาที่กำลังก่อตัวขึ้น หรือได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่ใช่ปัญหาข้อเดียว เดี่ยว ๆ  

จำลองสามารถใช้ศิลปะของเรื่องสั้นแสดงศักยภาพของตัวเองได้มากกว่าหลายคน  นี่กระมังที่ทำให้เขายืนหยัดมาได้ถึง ๓๐ ปี  ในผลงานเล่มใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไร  คำว่าประสบการณ์ ๓๐ ปี จะมีเรื่องให้ต้องเปรียบเทียบระหว่าง  ระยะเวลา  คุณภาพ  ปริมาณ ได้อย่างสมเหตุสมผลหรือไม่  แล้วเรื่องสั้น
“อย่างว่าจะคลี่คลาย”  ของจำลองจะมีจริงหรือไม่? ต้องหามาอ่านเพื่อพิสูจน์  .

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ                     :    เค้าขวัญวรรณกรรมผู้เขียน                         :    เขมานันทะพิมพ์ครั้งที่สอง (ฉบับปรับปรุง) ตุลาคม ๒๕๔๓     :    สำนักพิมพ์ศยาม  
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อนิตยสาร      :    ฅ คน ปีที่ ๓  ฉบับที่ ๕ (๒๔)  มีนาคม ๒๕๕๑บรรณาธิการ     :    กฤษกร  วงค์กรวุฒิเจ้าของ           :    บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชะตากรรมของสังคมฝากความหวังไว้กับวรรณกรรมเพื่อชีวิตเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว  หากเมื่อความเป็นไปหรือกลไกการเคลื่อนไหวของสังคมถูกนักเขียนมองสรุปอย่างง่ายเกินไป  ดังนั้นคงไม่แปลกที่ผลงานเหล่านั้นถูกนักอ่านมองผ่านอย่างง่ายเช่นกัน  เพราะนอกจากจะเชยเร่อร่าแล้ว ยังเศร้าสลด ชวนให้หดหู่...จนเกือบสิ้นหวังไม่ว่าโลกจะเศร้าได้มากแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายรวมว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่แต่กับโลกแห่งความเศร้าใช่หรือไม่? เพราะบ่อยครั้งเราพบว่าความเศร้าก็ไม่ใช่ความทุกข์ที่ไร้แสงสว่าง  ความคาดหวังดังกล่าวจุดประกายขึ้นต่อฉัน เมื่อตั้งใจจะอ่านรวมเรื่องสั้น โลกใบเก่ายังเศร้าเหมือนเดิม ของ…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ       :    รายงานจากหมู่บ้าน       ประเภท         :    กวีนิพนธ์     ผู้เขียน         :    กานติ ณ ศรัทธา    จัดพิมพ์โดย     :    สำนักพิมพ์ใบไม้ผลิพิมพ์ครั้งแรก      :    มีนาคม  พ.ศ. ๒๕๕๐เขียนบทวิจารณ์     :    นายยืนยง
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ      :    ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไปประเภท    :    เรื่องสั้น    ผู้เขียน    :    จำลอง  ฝั่งชลจิตรจัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์พิมพ์ครั้งแรก    :    มีนาคม  ๒๕๔๘    
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด ๔๒ ( ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา สาเหตุที่วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตยังคงมีลมหายใจอยู่ในหน้าหนังสือ มีหลายเหตุผลด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ตัวนักเขียนเองที่อาจมีรสนิยม ความรู้สึกฝังใจต่อวรรณกรรมแนวนี้ว่าทรงพลังสามารถขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหาสังคมได้ ในที่นี้ขอกล่าวถึงเหตุผลนี้เพียงประการเดียวก่อน คำว่า แนวเพื่อชีวิต ไม่ใช่ของเชยแน่หากเราได้อ่านเพื่อชีวิตน้ำดี ซึ่งเห็นว่าเรื่องนั้นต้องมีน้ำเสียงของความรับผิดชอบสังคมและตัวเองอย่างจริงใจของนักเขียน…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อหนังสือ      :    เถ้าถ่านแห่งวารวัน    The Remains of the Day ประเภท            :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์พิมพ์ครั้งที่ ๑    :    กุมภาพันธ์   ๒๕๔๙ผู้เขียน            :    คาสึโอะ  อิชิงุโระ ผู้แปล            :    นาลันทา  คุปต์
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชื่อหนังสือ      :    คลื่นทะเลใต้ประเภท    :    เรื่องสั้น    จัดพิมพ์โดย    :    สำนักพิมพ์นาครพิมพ์ครั้งแรก    :    ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๔๘  ผู้เขียน    :    กนกพงศ์  สงสมพันธุ์, จำลอง ฝั่งชลจิตร, ไพฑูรย์ ธัญญา, ประมวล มณีโรจน์, ขจรฤทธิ์ รักษา, ภิญโญ ศรีจำลอง, พนม นันทพฤกษ์, อัตถากร บำรุง เรื่องสั้นแนวเพื่อชีวิตในเล่ม คลื่นทะเลใต้เล่มนี้  ทุกเรื่องล้วนมีความต่าง…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อหนังสือ : คลื่นทะเลใต้ประเภท : เรื่องสั้น    จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาครพิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๔๘  ผู้เขียน : กนกพงศ์  สงสมพันธุ์, จำลอง ฝั่งชลจิตร, ไพฑูรย์ ธัญญา, ประมวล มณีโรจน์, ขจรฤทธิ์ รักษา, ภิญโญ ศรีจำลอง, พนม นันทพฤกษ์, อัตถากร บำรุงวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นมีความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการตลอดเวลาถึงปัจจุบัน ในยุคหนึ่งเรื่องสั้นเคยเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนสภาวะปัญหาสังคม สะท้อนภาพชนชั้นที่ถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ และยุคนั้นเราเคยรู้สึกว่าเรื่องสั้นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมได้…
สวนหนังสือ
‘พิณประภา ขันธวุธ’ ชื่อหนังสือ : ฉลามผู้แต่ง: ณัฐสวาสดิ์ หมั้นทรัพย์สำนักพิมพ์ : ระหว่างบรรทัดข้อดีของการอ่านิยายสักเรื่องคือได้เห็นตอนจบของเรื่องราวเหล่านั้นไม่จำเป็นเลย...ไม่จำเป็น...ที่จะต้องเดินย่ำไปรอยเดียวกับตัวละครเล่านั้นในขณะที่สังคมไทยกำลังเคลื่อนเข้าสู่ความเป็น “วัตถุนิยม” ที่เรียกว่า เป็นวัฒนธรรมอุปโภคบริโภค อย่างเต็มรูปแบบ ลัทธิสุขนิยม (hedonism) ก็เข้ามาแทบจะแยกไม่ออก ทำให้ความเป็น ปัจเจกบุคคล ชัดเจนขึ้นทุกขณะ ทั้งสามสิ่งที่เอ่ยไปนั้นคน สังคมไทยกำลัง โดดเดี่ยว เราเปิดเผยความโดดเดี่ยวนั้นด้วยรูปแบบของ ภาษาและถ้อยคำสำนวนที่สะท้อนโลกทัศน์ของความเป็นปัจเจกนิยมได้แก่ เอาตัวรอด…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’  ชื่อหนังสือ      :    วิมานมายา  The house of the sleeping beautiesประเภท         :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย    :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้าพิมพ์ครั้งที่ ๑   :    มิถุนายน ๒๕๓๐ผู้เขียน          :    ยาสึนาริ คาวาบาตะ ผู้แปล           :    วันเพ็ญ บงกชสถิตย์   
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชื่อหนังสือประเภทจัดพิมพ์โดยผู้ประพันธ์ผู้แปล:::::เปโดร  ปาราโม ( PEDRO  PARAMO )วรรณกรรมแปลสำนักพิมพ์โพเอม่าฮวน รุลโฟราอูล  การวิจารณ์วรรณกรรมนั้น บ่อยครั้งมักพบว่าบทวิจารณ์ไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านหรืออ่านวรรณกรรมเล่มนั้นแล้วได้เข้าใจถึงแก่นสาร สาระของเรื่องลึกซึ้งขึ้น แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่บทวิจารณ์ต้องมีคือ การชี้ให้เห็นหรือตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดเด่นสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ของวรรณกรรมเล่มนั้น วรรณกรรมที่ดีย่อมถ่ายทอดผ่านมุมมองอันละเอียดอ่อน ด้วยอารมณ์ประณีตของผู้ประพันธ์…