Skip to main content

นายยืนยง

20080317 ภาพปก รายงานจากหมู่บ้าน

ชื่อหนังสือ       :    รายงานจากหมู่บ้าน       
ประเภท         :    กวีนิพนธ์     
ผู้เขียน         :    กานติ ณ ศรัทธา    
จัดพิมพ์โดย     :    สำนักพิมพ์ใบไม้ผลิ
พิมพ์ครั้งแรก      :    มีนาคม  พ.ศ. ๒๕๕๐
เขียนบทวิจารณ์     :    นายยืนยง

ขณะกระแสบริโภคนิยมตกเป็นจำเลยสำคัญของสังคมปัจจุบันในสายตาของหลายกลุ่มคนโดยเฉพาะกับเหล่ากวีนักเขียน และกระแสวิถีพอเพียงประกบติดหน้าจอโทรทัศน์ในเม็ดเงินซื้อค่าโฆษณาอย่างแพง... และขณะลมหายใจแปรสภาพเป็นต้นทุนชีวิตในค่าเช่าบ้าน  และ..และ หลายชีวิตนิยมทุนตกเป็นต้นทุนให้สินค้าแทบทุกชนิดโดยเผลอลืมไปเสียสนิท

กระแสบริโภคนิยมเป็นผู้ร้ายจริงหรือ??  

แต่...กวีนิพนธ์  รายงานจากหมู่บ้าน เล่มใหม่เอี่ยมของ กานติ ณ ศรัทธาได้เกริ่นกับเราไว้ว่า ความงามและความอัปลักษณ์แห่งวิถีมนุษย์ในกระแสบริโภคนิยมไปแล้ว  นั่นย่อมทำให้นิ่งนอนใจได้ว่า กวีนิพนธ์ในนามของกานติกำลังจะถอนคำสาปส่งทุนนิยมไปครึ่งหนึ่ง  แต่จะเป็นเช่นคำโฆษณาบนหน้าปกหนังสือเล่มนี้หรือไม่... เชิญอ่านคำแนะนำข้างกล่องต่อไป...

ไม่ต้องสังเกตเลยก็จะพบได้ว่า ปัจจุบันแทบทุกสิ่งมีราคาขาย หากไม่ประทับให้เห็นกันชัด ๆ อยู่ก็ซ่อนไว้ในห้องนอนของเรา เช่นค่าเช่าบ้าน เป็นต้น  และในกวีนิพนธ์ชื่อเล่มรายงานจากหมู่บ้านบอกเราว่า แม้นกระทั่งผู้คนในหมู่บ้านพร้าญี่ปุ่นอันเป็นฉากหน้าของเล่มนี้ ยังรู้จักสร้างอรรถประโยชน์ให้กับทรัพยากรในท้องถิ่นได้อย่างดีเยี่ยม โดยกานติบอกเราผ่านน้ำเสียงหวงแหนและโหยหาอยู่ในบทกวีไร้ฉันทลักษณ์ที่ชื่อว่า เงาะโบราณ(น.๕๙) โดยบรรยายความเป็นมาของเงาะต้นนี้  ว่าเป็นดั่งจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ ทั้งหยาดเหงื่อที่หลั่งไหลอยู่ในนั้น ลักษณะการบอกเล่าเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างอรรถประโยชน์ให้แก่ต้นเงาะโบราณเพื่อให้ในการแข่งขันในตลาดบริโภคได้ด้วย เนื่องว่าหนังสือกวีนิพนธ์เล่มนี้ก็มีราคาขาย

ครั้นแล้ว ลองแกะกล่องสำรวจดูทีว่าผลิตภัณฑ์กวีนิพนธ์เล่มนี้มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ประการแรกสำคัญตรงที่ความโดดเด่นในฝีมือการเขียนภายใต้รูปกรอบของฉันทลักษณ์  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลอนสุภาพ ขณะโคลงสี่สุภาพในบทไหว้ครู บิดามารดานั้น ชั้นเชิงก็สมค่ากับประสบการณ์ที่สั่งสมเคี่ยวกรำอย่างยาวนานกว่ายี่สิบปี  ดังบท แม่(น.๑๖)

            (๑) คือแสงสวรรค์สาดส่องฟ้า    อำไพ
            คือเด่นดาวพราวใส        สุดซึ้ง
            คือเมฆแต่งเรืองไร        เริงร่าย
            คือหยดหวานดังผึ้ง        เก็บน้ำเกสร ฯลฯ


เป็นความรู้สึกเรียบง่ายแต่ล้ำลึกด้วยการเลือกใช้คำธรรมดาทั่วไป แต่เปรียบเทียบได้บริสุทธิ์ ล้ำลึก และหมดจด  

เมื่อบวกเข้ากับชั้นเชิงการใช้อุปมาโวหารเพื่อเชื่อมโยงทัศนคติระหว่างกวีกับผู้อ่าน ให้สื่อสารได้ชัดเจนเต็มความรู้สึก กานติยิ่งเขียนได้โดดเด่นในคุณลักษณะข้อนี้  โดยเฉพาะจากบทที่ชื่อ อาหารของเด็ก ๆ (น.๓๔)

                นานมาแล้วชมพู่คู่เด็กน้อย        
            เหมือนเมฆลอยเริงร่าคู่ฟ้าใส
            ไม่ทันสุกเก็บสิ้นแย่งกินไป        
            นี่สุกแล้วเหตุไรไม่เหลียวมอง
                ไม่เพียงชมพู่เขียวเปล่าเปลี่ยวนัก        
            ยัง “ลูกหว้า”ว่ารักไม่สาดส่อง
            “ลูกขบ”ขบปัญหาน้ำตานอง        
            “ลูกไฟ”ร้องว่าไฟไหม้โลกแล้ว ...

ซึ่งบทลักษณะเดียวกันนี้มีอยู่หลายบททีเดียว และเปรียบเทียบได้ภาพพจน์ชัดเจนอีกด้วย อีกทั้งการเลือกใช้สัญลักษณ์ให้เหมาะสมกับสภาวะอารมณ์ร่วมสมัย กานติก็เป็นกวีผู้สามารถในข้อพิจารณานี้  ขณะเดียวกันทำนองการเขียนที่ตรงไปตรงมา กระชับแต่ชัดถ้อยชัดคำที่ปรากฏในแทบทุกบทตอน ยังเอื้อให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงเนื้อสาระ อารมณ์ ทัศนคติของกวีได้อย่างง่ายดาย

รวมถึงน้ำเสียงอย่างประชด เหน็บแนม ในแนวถนัดของเขาก็มีให้อ่านแบบเจ็บคันนิด ๆ จากบทชื่อ นครศรีธรรมราช ๒ ขัตตุคาม-รามเทพ, หอกระจายข่าว, ยุคเปลือย, บ่อนไก่, งานศพ ฯลฯ เรียกว่ามีให้แสบใจเล่น ๆ จนเพียบแปล้

ทั้งนี้ หากผู้อ่านต้องการจะขบคิดหรือชอบสนุกในการตีความจากกวีนิพนธ์  อาจรำพึงว่า นี่เป็นกวีนิพนธ์สำหรับเยาวชนหรือกระไรกัน !  ในทางตรงข้าม สิ่งที่จะติดตรึงไปกับใจผู้อ่านก็คือเนื้อสาระ ซึ่งเป็นข้อพิจารณาประการที่สอง

ลักษณะการบอกเล่าเนื้อสาระผ่านกวีนิพนธ์ของกานติที่พยายามสร้างแรงกระทบใจต่อผู้อ่านเป็นฉากแรกนั้น  ได้อาศัยกลวิธีการวางโครงเรื่องอย่างเรื่องสั้น โดยเน้นไปในแนวโศกนาฎกรรม หรือแบบขันขื่น เช่นบท พร้าญี่ปุ่น(น.๔๘)  ที่อาศัยอุปลักษณ์โวหารทำให้สะดุดใจแต่แรกสัมผัส
        
                 คำเรียกเครื่องตัดหญ้า “พร้าญี่ปุ่น”    
            แบบมีดหมุนเหมือนจักรนารายณ์ผัน
            สะพายเครื่องเดินตัดมหัศจรรย์        
            สรรพสิ่งขาดสะบั้นหั่นกระจุย
                เจอะขวดแก้วแตกเปรี้ยงเหมือนเสียงประทัด
            แก้วกระจายเกินขจัดวิบัติลุ่ย
            เจอะก้อนหินบินผางเป็นทางกรุย
            หรือมีดหักหมุนคุ้ยขึ้นเสียบคน
                ฯลฯ
                พร้าญี่ปุ่นเกรียงไกรในงานหนัก
            ถางสวนยางไม่กี่พักก็เสร็จทั่ว
            พร้าโบราณเหนื่อยพรั่นเนื้อสั่นรัว
            ถางจนกลัวงอกใหม่ไล่หลังมา
                จึงทุกสวนล้วนมีพร้าญี่ปุ่น
            เป็นจักรคุ้นพระนารายณ์ให้คุณค่า
            สวนเรียบเหมือนสนามกอล์ฟสวยรอบตา
            แม้บางรายจักรกล้าปาดขาพลัน  ฯลฯ

ถือเป็นบทที่ครบครัน ครบรส ทั้งอารมณ์ขัน-ขื่น กระทบใจ ให้แง่คิด แม้จะเชยเร่อร่าไปบ้างแต่ถือได้ว่าข้อดีอื่นได้กลบไปหมด ขณะเดียวกันก็มีข้อขัดข้องนิดหนึ่งตรงที่กานติใจร้อนจะใส่คำตำหนิติเตียนถึงข้อเสียของการเข้ามาของพร้าญี่ปุ่นด้วยอารมณ์เคร่งเครียดดุดัน โดยให้ภาพของผืนดินทำกินที่เสื่อมสภาพของธรรมชาติดั้งเดิมไปแล้ว อย่างพยายามจะสรุปจบด้วยวิธีหักมุม ซึ่งก็ไม่ได้เปิดทางออกของปัญหาไว้ นอกจากปิดประตูตีหัวใจผู้คนที่ตกเป็นจำเลยและผู้ถูกกระทำจากกระแสบริโภคนิยมอย่างกล้ำกลืนฝืนทน  ดังเช่นในบทดังกล่าว (น.๔๙-๕๐)
                

                    ผลไม้ป่า-กะทกรก, พร้าวนกคุ่ม
                ทั้งเล็บเหยี่ยวเกาะกลุ่มกันสูญหาย
                นานาพืชขาดพันธุ์ขั้นล้มละลาย
                นานาสัตว์กระจัดกระจายละลายล้ม
                    เหลือเพียงสัตว์พันธุ์ใหม่ในสวนหรู
                คือ “ทาก”ชูตัวส่ายคล้ายขู่ข่ม
                เกิดเพราะหญ้าเป็นใหญ่สมัยนิยม
                ตัดยางก้มปลดทากยุ่งยากนัก
                    ต้องฉีดยาฆ่าทากยุ่งยากใหญ่
                ปัญหาอยู่ที่ใดใครประจักษ์
                ที่เครื่องมือเครื่องไม้อันไร้รัก
                หรือที่ใจเป็นหลักอันไร้รู้
                    พร้าญี่ปุ่นเหมือนเลื่อยโซ่โผล่แทนขวาน
                ไม้ใหญ่ล้มแหลกลาญเห็นกันอยู่
                นี่ไม้ย่อยย่อยยับเกินนับดู
                หรือประตูพัฒนาจะปิดตาย.

หากพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นถึงความตั้งใจของกานติที่พยายามจัดวางทัศนคติของตัวเองไว้ต่อผู้อ่าน โดยแสดงภาพความงามและอัปลักษณ์ไว้  ซึ่งสัดสวนนั้นจะหนักไปทางความอัปลักษณ์เสียมากกว่า  ขณะเดียวกันก็ได้วางบทที่อาจจะเรียกว่า ทางสายกลาง ไว้ในเล่ม ซึ่งก็เป็นส่วนกลาง ๆ ของเล่มเสียด้วย ในกลอนสุภาพชื่อ  ในวิถีของข้าพเจ้า (น.๕๔)

จะเห็นได้ชัดเจนว่ากานติพยายามอย่างยิ่งเพื่อจะแสดงให้ผู้อ่านร่วมรับรู้ไปกับวิถีกลาง ๆ ของเขาว่าช่างงามจับใจเพียงใด  เขาเคารพธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม ตั้งแต่ แดดฉาย, น้ำค้างฉาน  หรือ ต้องหิ้วน้ำเดินฝ่าหญ้าบริสุทธิ์และ ขอโทษไม้ขอโทษหญ้าก่อนฆ่าฟัน แต่น่าสังเกตว่ากานติไม่อาจขจัดอารมณ์ฉุนเฉียวได้แม้ในบทที่เน้นน้ำหนักเนื้อสาระไปในแนวทางปฏิบัติภาวนา  โดยใช้หลักธรรมเยียวยาสภาวะใจให้ดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติดั้งเดิมได้อย่างสงบ  ดังเช่น  (น.๕๕)  

                อาหารเช้ามีสิ่งใดก็ใส่ท้อง        
            ปลอบประคองชีวิตจ๋าอย่าร้องไห้
            กินเพื่อเกิดเหมือนต้นไม้ทุกลายใบ    
            ใช่เกิดเพื่อกินไปเหมือนคนโกง  
                อาจบางเช้าภาวนาสมาธิ            
            นั่งตรองตริ “อนิจจัง”หวังจิตโล่ง
            โลกภายนอก, ภายใจไหลเชื่อมโยง    
            เห็นฟ้าโปร่งว่าไร้ฟ้าทุกคราคราว
                     ฯลฯ

ซึ่งอารมณ์กระทบที่โดดออกมาในลักษณะเดียวกันนี้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งในใจผู้อ่านทันที และมีให้เห็นอยู่อย่างชัดเจน จริงจังในหลายบทพอสมควร

ถ้าหากจะเรียก รายงานจากหมู่บ้านว่าเป็นกวีนิพนธ์เพื่อวิพากษ์สังคมทุนนิยมและการก้าวล่วงเข้าสู่วิถีชีวิตผู้คนในหมู่บ้านของกระแสบริโภคนิยมคงไม่ผิด  แต่หากจะผิดก็คงเพราะสภาวะสังคมทุกวันนี้ซับซ้อน ละเอียดอ่อนมากเหลือเกิน ทั้งในแง่หลักการและห้วงจิตใจของมนุษย์ ทางเลือกของกานติที่เสมือนได้บอกกล่าวแก่ผู้อ่านนั้นก็คือทางสายกลางของพระพุทธเจ้าที่เราเรียกรู้กันมาแสนนานแล้วนั่นเอง

ต่อประเด็นที่เกี่ยวเนื่องนั้น จะเห็นได้ว่า ลักษณะการวางบทบาทระหว่างตัวกวีกับผู้อ่านนั้น จะอยู่ในรูปแบบของการเทศนา เสมือนหนึ่งกวีได้นั่งอยู่บนตั่งสูงกว่าผู้อ่าน และทอดสายตาแห่งแสงธรรมลงมา ซ้ำระยะห่างนั้นก็ไม่ได้เหลื่อมล้ำกันมาก ก็เพราะว่ากานติพยายามจะบอกผู้อ่านว่า เขาได้เทศนาในสิ่งที่เขาดำรงอยู่ในโลกทุนนิยม ท่ามกลางกระแสบริโภคเต็มขั้น โดยมีวิถีชีวิตอันสงบ ปลดปลงแล้ว  แต่สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือในน้ำเสียงปลดปลงนั้น เป็นความขัดแย้งอย่างร้ายแรงที่บรรยายผ่านกวีนิพนธ์หลายต่อบทในเล่มนี้

แม้นความขัดแย้งจะปรากฏเป็นจุดกระจายอยู่ทั้งเล่ม  ก็ถือเป็นคุณต่อผู้อ่านได้เช่นกัน  เพราะในเมื่อกานติมีวิถีของเขาเอง  เรา ”ผู้อ่าน”ก็ย่อมมีวิถีของเรา ...  ติดเพียงว่า ใครจะเลือกใช้คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์กวีนิพนธ์ “รายงานจากหมู่บ้าน”หรือไม่เท่านั้น  หากใครปรารถนาถึงชั้นเชิงทางฉันทลักษณ์ โคลงกลอน กานติได้รายงานคุณภาพให้เต็มกล่อง  แต่หากต้องการเนื้อสาระที่แปลกใหม่อาจผิดหวังสักหน่อยแล้ว  

ทั้งนี้แม้นกวีนิพนธ์จะมีติดราคาขาย มีต้นทุน และต้องอาศัยแผนการตลาดเพื่อให้หนังสือถึงมือผู้อ่านดังเช่นสินค้าประเภทอื่น  แต่กวีนิพนธ์มีคุณค่าสำคัญอยู่ตรงมิตรภาพทางใจและความรับผิดชอบในอารมณ์ร่วมกันระหว่างกวีและผู้อ่าน ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่ปราศจากข้อจำกัดทั้งจากราคาหน้าปกและดัชนีชี้วัดความเติบโตทางเศรษฐกิจ.

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…