‘Wild horses run unbridled or their spirit dies’
ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้จากเพลง ฉันจะคิดถึงการ์ตูนอนิเมชั่นของ Dreamwork เรื่อง Spirit : Stallion of the Cimarron หรือในชื่อไทย สปิริต ม้าแสนรู้ มหัศจรรย์ผจญภัย
คุณเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้ไหมคะ? มันเป็นเรื่องของม้าป่าในทวีปอเมริกา ในยุคที่คนขาวจากยุโรปอพยพย้ายเข้าไปอยู่ได้ระยะหนึ่งแล้ว กำลังทำสงครามต่อสู้ติดพันกับอินเดียนแดง และกำลังสร้างทางรถไฟพาดผ่านแผ่นดินจากตะวันออกสู่ตะวันตก Spirit เป็นม้าป่าไร้ชื่อที่กำเนิดในฝูงม้าที่มีเพียงทุ่งหญ้าและสายลมเป็นเจ้าของ มันเติบโตขึ้นเป็นม้าหนุ่มฉกรรจ์ รับหน้าที่เป็นผู้นำฝูง คอยปกป้องคุ้มครองดูแลพี่น้องของมันเหมือนที่พ่อของมันเคยทำมาก่อน ความคะนองทำให้คืนหนึ่ง เมื่อมันเห็นแสงวาบที่ขอบฟ้า มันก็วิ่งทะยานข้ามทุ่งไปดูว่าต้นกำเนิดแสงนั้นคืออะไร และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของชะตากรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
Spirit ถูกจับ โดยคนขาวที่มาตั้งแคมป์นอกค่าย พวกเขาบังคับพามันกลับไปค่ายด้วย โดยหวังจะปราบมันให้เชื่องและใช้เป็นสัตว์พาหนะ ผู้ที่ถูกจับมาไม่ใช่แต่ Spirit เท่านั้น แต่ยังมีหนุ่มน้อยชาวอินเดียนแดงเผ่าลาโกต้าอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่ถูกมัดไว้กับหลักไม้ ไม่ให้กินอาหารและน้ำเป็นเวลาสามวัน
Spirit มองเจ้าหนุ่มดาโกต้าในฐานะผู้ร่วมชะตากรรม ในอีกสามวันต่อมา เมื่อผู้บังคับบัญชาค่ายทหารคิดว่า Spirit หมดแรงได้ที่พอที่จะปราบพยศได้แล้ว ก็ปล่อยตัว Spirit ออกจากพันธนาการและพยายามขึ้นขี่บนหลัง แต่แทนที่จะยอมแพ้ดังที่คาด Spirit กลับใช้แรงเฮือกสุดท้ายหนีออกมาพร้อมเจ้าหนุ่มลาโกต้า ซึ่งทั้งให้ความช่วยเหลือและรับความช่วยเหลือจาก Spirit ไปด้วยพร้อมกัน
แล้วสิ่งตอบแทนที่มันได้รับจากการช่วยเหลือเจ้าหนุ่มดาโกต้าไว้ คือการเปลี่ยนคอกใหม่ จากคอกคนขาว ไปสู่คอกคนแดง
คนขาวกับอินเดียนแดงมีวิธีในการฝึกม้าไม่เหมือนกัน ในขณะที่คนขาวงดอาหารและน้ำเพื่อให้ม้าอ่อนกำลังลงจนหมดแรงสู้ และจำใจต้องยอมรับอาน เหล็กคาดปากและบังเหียน อินเดียนแดงกลับอาศัยวิธีการค่อย ๆ ปลอบประโลมผูกใจ ให้อาหาร แสดงความเป็นมิตร จนกว่าม้าจะยอมคุ้นเคยและให้นั่งขึ้นหลัง
นั่งดูการ์ตูนเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า แม้ว่าวิธีการของคนขาวและอินเดียนแดงจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ไม่ได้แตกต่างกันเลยในแนวคิด
คนขาวมาในฐานะศัตรู อาวุธที่ใช้ต่อสู้คือการบังคับข่มเหง แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีวิสัยอ่อนแอลนลานหวาดกลัวโลกไปทุกอย่างแล้ว ทุกคนต้องมีความรู้สึกต่อต้านและไม่ยอมแพ้ต่อผู้ที่ใช้อาวุธสิ้นคิดเช่นนี้มาต่อสู้กับเราง่าย ๆ แน่
แต่อินเดียนแดงมาในฐานะมิตร ให้การดูแล อาหาร ใช้มิตรภาพเป็นเครื่องมือในการเกลี้ยกล่อม นุ่มนวล และค่อยเป็นค่อยไป แล้วเรียกร้องให้ Spirit ลดเกียรติของตนเป็นข้าช่วงใช้เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนมิตรภาพที่ได้รับ
ใครเลวร้ายกว่ากัน?
ลองมองย้อนกลับไปดูในหมู่ผู้ที่คุณเรียกว่าเพื่อนดูสิคะ มีบ้างหรือเปล่า คนที่มอบมิตรภาพให้คุณ แล้วเรียกร้องเกียรติของคุณเป็นสิ่งตอบแทน สิ่งที่คุณลำบากใจที่จะทำ สิ่งที่คุณคิดว่าไม่ดี สิ่งที่ลดเกียรติและคุณค่าความเป็นคนของคุณ และเมื่อคุณปฏิเสธที่จะทำ คนเหล่านั้นก็ชี้หน้าคุณเป็นคนทรยศต่อน้ำมิตรที่ควรยึดถือยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
น้ำมิตรที่ไม่ได้ทดแทนกันได้ด้วยน้ำมิตร แต่เป็นน้ำมิตรที่ต้องทดแทนด้วยเหล็กคาดปาก อาน และบังเหียน
การผจญภัยดำเนินต่อไป โดยมีคนขาวจี้หลังคอยไล่ล่า ในวาระที่สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติ ไม่มีทางรอดอื่น Spirit ยอมให้เจ้าหนุ่มลาโกต้าขึ้นหลังเพื่อช่วยให้รอดชีวิต คุณคิดว่าเจ้าหนุ่มลาโกต้ารู้สึกยังไงคะ? ซาบซึ้งกับการที่ Spirit ยอมละทิ้งเกียรติของตนเพื่อช่วยเพื่อนอย่างนั้นหรือ?
เปล่าค่ะ
เจ้าหนุ่มนั่นดีใจที่ตัวเองสามารถ "เอาชนะใจ" Spirit จนมันยอมให้ขึ้นหลังจนได้ในที่สุด
ฉันไม่ได้จบการ์ตูนเรื่องนั้นด้วยความซาบซึ้งในมิตรภาพระหว่างคนกับม้า หรือรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของ Spirit ที่ปฏิเสธการรับใช้มนุษย์อย่างที่คนทำการ์ตูนอาจจะคาดหวังไว้ แต่จบมันด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ต่อความรู้สึกนึกคิดของคน เลวร้ายแท้กับการเล่นเกมวัดใจที่ใช้ความรู้สึกดี ๆ เป็นเดิมพัน ...คนที่เกลี้ยกล่อมม้าอย่างนุ่มนวลเพื่อให้มันยอมเป็นข้าช่วงใช้...เพื่อนที่เรียกร้องให้เพื่อนทุจริตเพื่อประโยชน์ของตน... ผู้ชายที่เรียกร้องพรหมจรรย์ของผู้หญิงโดยอ้างความรัก... หากคุณยินยอมโดยยึดถือมิตรภาพเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ความซาบซึ้ง ไม่มีการเห็นความดี หรือความรักหรอกที่คุณจะได้รับ
แต่เป็น "ในที่สุดฉันก็ชนะ" ต่างหาก
แล้วถ้าเป็นคุณล่ะคะ?
คุณจะเลือกอะไร ระหว่างเป็นผู้แพ้ กับถูกชี้หน้าว่าเป็นคนทรยศ?