Skip to main content

 

ถ้าคุณจะบอกว่า

"รสนิยมการเสพแฟชั่น การแสดงออกซึ่ง ยศ ฐานะ บรรดาศักดิ์ 

ผ่านการแต่งเนื้อแต่งตัว รวมทั้ง การเข้าถึงไลฟสไตล์  แบบ Hi class

มันเป็นเรื่องที่ถูกจำกัดไว้แค่ กลุ่มคนชนชั้นสูง เท่านั้น" นั่นหนะหรือ

มันเป็นโลกของ อดีต ไปแล้ว

 


ถ้าพูดถึงเรื่องแฟชั่น มันไม่ใช่เรื่องที่ยากจะเข้าถึงอีกต่อไป                                   

เดี๋ยวนี้เสื้อผ้าถูกดีไซน์ขึ้นมาจากชนชั้นกลาง                                       

ส่งผ่านShopหน้าร้านที่ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะเดินเข้าไปหยิบซื้อ

แล้วมาสวมใส่ได้ คนชนชั้นกลางจำนวนมาก จึงมีบทบาท ในการแสดงออกทางแฟชั่นมากขึ้น

 

และต้องยอมรับเลยว่า ปัจจุบัน ไม่มีใครแล้วที่มัวมาสนใจว่า คุณใส่แบรนด์อะไรอยู่

แล้วจัดแจงคุณว่า อยู่ในชนชั้นไหน เป็นไพร่ หรือ ผู้ดี อีกต่อไป                          

แต่การที่คุณนั้น จะแต่งตัวอย่างไร  แมชชิ่ง เข้ากันได้ลงตัวหรือไม่ 

นั่นแหละ ที่ผมมองว่า คนเราควรจะให้ความสำคัญ 

 

 

ใช่ แล้ว ผมกำลังเริ่มต้นเปิดประเด็นพูดคุยถึง เรื่องของ แฟชั่น                           

ที่มันควรจะถูกตีคุณค่าด้วย “Style” สไตล์ที่บ่งบอกถึง ตัวตน                          

มันเป็นปัจเจกบุคคล มากกว่า “มูลค่า” ของสิ่งที่ใคร่หามาสวมใส่ไว้บนเรือนร่าง

 

ยกตัวอย่างเช่นว่า อีช้อย นามสมมุติ นางเกิดมาอยู่ในชนชั้นฐานะปลานกลาง

แล้วมีใจรักใคร่ในการแต่งตัวมากกว่าการ ออกหาสามี (ลืมไปสามีไม่เกี่ยวอะไร)                

และการที่ อีช้อย จะออกไปดำเนินชีวิตข้างนอก ก็ต้องแต่งตัว                          

แต่ด้วยทางบ้าน ฐานะปลานกลาง  คุณพ่อ คุณแม่ นาง                               

ก็ไม่ได้ บำเริงบำเรอ นางด้วยเงินหมื่น เงินแสนเพื่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน                   

นางก็คงไม่มีความคิดที่จะไปถอย ชุดเดรสของ ชาแนล คอเลคชั่นล่าสุด                      

ในราคาหลักแสน มาสวมใส่ คู่กับ กางเกงใน ของ วิคตอเรียซีเครท                      

เพื่อนั่งวินมอร์ไซร์ ไปตะไบเล็บขบที่ร้านหน้าปากซอย หรอก เอาจริงๆ

   

 

คำ ถามคือ --ถ้าอีช้อย ไม่มีของ แบรนด์เนมราคาแพง ประดับประดาชีวิตเลย                  

คุณคิดว่า นางสามารถสวยได้ไหม? ดูดีขึ้นได้ไหม? น่าสนใจขึ้นหรือไม่?                   

คำถามทั้งหมดที่ว่ามานี้ ลงเอยครบ จบได้ในคำตอบเดียวว่า “ได้สิ”                     

เพราะการที่คุณไม่ได้สวมใส่ แบรนด์เนมราคาแพง ไม่ได้บอกว่าคุณ "ไม่มีคุณค่า"              

แต่มันอยู่ที่ว่า การจะแต่งตัวให้ออกมาสวยดูดี มีสไตล์ได้                              

มันต้องเลือกสรรหา ข้าวของที่จะมาสวมใส่เป็น

 

อย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างมา ถ้าอีช้อยนางไม่ได้ใส่ของที่เป็นซุปเปอร์แบรนด์ราคาแพง              

เลยแม้แต่ชิ้นเดียวแต่ สวมเสื้อของ Top shop  กระโปรงของ H&M                   

กระเป๋าตกรุ่นของ Kate Space และรองเท้าส้นจิกที่หาได้จากร้าน อาม่า แถวประตูน้ำ          

ทุกอย่างแมทเข้ากันไม่ให้ออกมาเฉิ่มเชย เป็น อีช้อยห้องเช่า มันก็โอเคแล้วไหม?

                  

 


การ ที่คนเราต้นทุนชีวิตไม่เหมือนกัน ก็ไม่ได้แปลว่า                                  

คุณจะไม่มีสิทธิแต่งตัว สวย หล่อ ดูดี ได้ซะเมื่อไหร่ ใครบัญญัติไว้                       

และก็ไม่ขอเข้าใจ สำหรับคนแบบไหน                                           

ที่ชอบตัดสินชีวิตคนอื่น อย่างโน้น…อย่างนี้…อย่างนั้น                                

จากการแค่เขาได้หยิบรองเท้า ที่หาซื้อได้ด้วยเงินของเขา จากประตูน้ำ                     

หาใช่ เป็นรองเท้าส้นสูงเลี่ยมทองคำขาว ประดับ คริสตัล จาก คริสเตียนลูบูแตง              

เดรส ที่ทำด้วยผ้าทอจากขนแกะ นำเข้าจากสวิซ ของ อีฟแซงรอรองค์

 

 

--แฟชั่นไม่ได้บอกว่า อะไรของชนชั้นไหน ควรจะอยู่ที่ไหน

มันหมดยุคแล้ว สำหรับการแยกระหว่าง hi culture และ low culture ออกจากกัน

เพราะ ในวันนี้ โลกสองใบได้หลอมรวมกัน เบลนเข้าหากันหมด

เราไม่สามารถ ที่จะนิยามตัวเอง หรือแม้แต่การ ประนามหยามด่า คนอื่น

ผ่านรสนิยม เสื้อผ้า อาหารการกิน  การเลือกใช้เข้าของ

หรือแม้ สถานที่ที่เลือกไปได้อีกต่อไป  

ในวันที่ใครๆ ต่างก็มีสิทธ์ที่จะเข้าถึง ทุกสิ่งทุกอย่างได้

และ สามารถแชร์ ทุกอย่างได้ถ้ามีโอกาส

 

ซึ่งโดย แก่นแท้แล้วสรรพสิ่งที่ถูกเรียกว่าเป็น เสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องใช้                    

ม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์แบรนด์  ไฮสตรีท สินค้า โลวแบรนด์ ตลาดกลาง-ล่าง                 

หรือแม้แต่ โนวเนม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ ถูกคนออกแบบขึ้นมา                              

เพื่อ สนองแก่ กิเลศของคนด้วยกัน

โดยมีตัว คุณค่า เคลือบแฝงอยู่ในส่วนของ แหล่งที่มาของวัสดุ                        

ความปราณีตในการผลิต  ตำนาน Storyของแบรนด์ที่มันมีมาช้านาน                    

แล้วของที่ออกแบบนั้น จะทำหน้าที่ ในการบ่งบอกถึงรสนิยม ความชอบ                    

การแสดงออกซึ่งไลฟสไตล์เฉพาะบุคคล กับ บุคคล เพียงเท่านั้นก็จริง                    

แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่าการที่คุณมีของ ซุปเปอร์แบรนด์ไปครองนั้น                       

คุณจะสูงส่งกว่าคนอื่น

 

การที่คุณจะใช้ "แบรนด์เนมราคาแพง ของตามท้องตลาดราคาถูก” 

หรือไม่นั้น ก็หาได้เป็นสิ่งที่ใช้วัด"คุณค่า"ของ "ความเป็นมนุษย์" ไม่

สุดท้ายแล้ว จะ “ไฮแบรนด์“ซุปเปอร์แบรนด์”

ไฮสตรีท หรือว่า “โนเนม” สิ่งเหล่านี้

คือสิ่งจำแนก ชนชั้นของคนออกจากกัน

และสามารถบ่งบอกถึง “คุณค่าของความเป็นมนุษย์” ได้จริงอยู่หรือ?

 

--CHAYA Killer Silent

 

 

บล็อกของ Chaya Killer Silent

Chaya Killer Silent
 เครื่องแบบ- ฮิตเลอร์ ในแบบน้อง จากที่มีข่าวดราม่าในบ้านเมืองเราหลายต่อหลายครั้ง เรื่องการนำชุดที่มีสัญลักษณ์สวัสดิกะของนาซี
Chaya Killer Silent
ตอนช่วงเวลา ตีสองสามสิบสี่นาที ค่ำคืนหนึ่งเวลาดีที่ไม่มีสุ่มเสียงใดๆมารบกวนสมาธิผม
Chaya Killer Silent
 ภายในสังคม..สังคมหนึ่ง ย่อมปะปนคละเคล้าไปด้วย
Chaya Killer Silent
ใครบางคนอาจมองว่า “รอยสัก” คือความเท่