ด้วยความที่อยากให้เกียรติวีรบุรุษในการต่อสู้ของคนที่อยู่กับป่า ทางทีมงานของเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจึงเลือกเพลง ปูนุ ดอกจีมู เป็นเพลงเปิดหัวในการประชาสัมพันธ์อัลบั้มเพลงเกอะญอเก่อเรอ
ที่แรกที่เราส่งไปคือสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ท่าเป็นช่วงภาคภาษาชนเผ่า โดยเฉพาะภาษาปกาเกอะญอ ซึ่งมีพี่มานะ หรือบิหนะ เป็นผู้ประกาศข่าวคราวต่างไปถึงพี่น้องปกาเกอะญอในเขตภูเขา
หลังจากที่เพลงถูกเปิด มีพี่น้องปกาเกอะญอจากที่ต่างๆโทรมาแสดงความเห็นมากมาย
“ส่วนใหญ่เค้าบอกว่า เค้าชอบเพลงนี้มาก แต่เค้าขอร้องมาว่า ถ้าถึงท่อนที่เป็น ธาโย ช่วยปิดเลยได้มั้ย เพราะเขค้าฟังแล้วขนลุก โดยเฉพาะเวลานั่งหรือนอนฟังในบ้าน มันทำให้นึกถึงบรรยากาศงานศพขึ้นมาทันที เค้าบอกว่าทำให้เค้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย” พี่บิหนะ ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาปกาเกอะญอโทรมาบอกผม
นอกจากมีคนโทรบอกพี่บิหนะแล้ว ช่วงแรกๆที่เพลงนี้ออกมา เวลาผมเดินทางไปเล่นดนตรีในชุมชนปกาเกอะญอที่ยังนับถือศาสนาดั้งเดิม มักมีคนพูดกับผมในลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งผมเองคาดไม่ถึงว่ามันจะมีผลต่อจิตใจเขามากเพียงนี้
เมื่อการตายของพาตี่ปุนุ เวียนมาบรรจบครบวาระหนึ่งปี มีการจัดงานรำลึกที่บ้านเกิดของเขา ณ บ้านแม่วาง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานโดยที่ผมไม่ลืมพกเพลงปูนุ ดอกจีมูไปด้วย โดยในวันนั้นมีนักดนตรีปกาเกอะญอมาร่วมหลายคน เช่น พาตี่อ็อด จุ๊ย เส่อา โดยที่แต่ละคนได้สร้างความบันเทิงให้กับพี่น้องปกาเกอะญอที่มาร่วมงานอย่างไม่ผิดหวัง
เมื่อถึงช่วงที่ผมต้องขึ้นไปทำหน้าที่บนเวที ความกังวลมาโอบกอดผมทันที ผมรู้สึกหวั่นๆกับเพลงพาตี่ปูนุ ว่า ผู้คนจะรับท่อนของ ธาโย ได้หรือไม่ เพราะเป็นท่อนเฉพาะสำหรับงานศพ แต่ก่อนผมจะขึ้นเวที พิธีกรได้ประกาศว่าว่า
“พบกับกับผู้ที่เขียนเพลง ปูนุ ดอกจีมู” ทำให้ความมั่นใจกลับคืนมาบ้างว่า อย่างไรเสีย ก็ต้องร้องเพลงนี้ในค่ำคืนนี้
แรกๆผมยังไม่กล้าร้องเพลงปุนุ ผมร้องเพลงอื่นก่อนสองเพลง แล้วผมจึงนำเพลงปูนุ มาบรรเลง เพียงแค่เสียงอินโทร คนฟังก็จำได้ว่าเป็นเพลงปูนุ ดอกจีมู สังเกตได้จากเสียงตบมือต้อนรับเพลงของคนฟัง ผมเริ่มร้องและร้องต่อไปจนใกล้ถึงท่อน ธาโย มันจะเป็นท่อนย้ำชื่อของ ปูนุ ปูนุ ดอกจีมู พี่น้องปกาเกอะญอที่มาฟังในวันนั้นที่ร้องเพลงนี้ได้ เริ่มขยับปากร้องร่วมกับผม ปูนุ ปูนุ ดอกจีมู พอถึงท่อน ธาโย ผมกะว่าจะไม่ร้องเพราะผมกลัวคนฟังจะรับไม่ได้ ก่อนที่ผมจะหยุด คนที่มาร่วมงานชิงร้องก่อนผม โย เอ โย ออๆๆๆๆๆๆ คนที่ร้องได้ในงานก็ร่วมกันร้องท่อนนี้ จนผมขนลุกไปหมด ผมเพลินกับการฟังคนฟังร้องท่อน ธาโย และดีดกีต่าร์ตาม จนสายกีตาร์ผมขาดสองเส้นในคราวเดียวกัน
“พี่น้องครับ เอาไว้แค่นี้นะครับ สายกีตาร์ผมขาดไปสองสายแล้ว” ผมบอกกับคนดูในวันนั้น หลังจากนั้นพี่พฤ นักต่อสู้เพื่อคนอยู่กับป่าอีกคนหนึ่งของปกาเกอะญอขึ้นมาพูดบนเวที
“ผมว่านี่เป็นสิ่งที่พาตี่ปูนุ ต้องการพูดอะไรบางอย่างกับพวกเรา ผ่านบทเพลงที่เขียนถึงเขา สังเกตได้จากการที่สายกีตาร์ที่ชิ เล่นขาดสองสายในเวลาเดียวกัน อยากให้พี่น้องยืนหยัดในวิถีของตนเอง ดูแลทรัพยากรในชุมชนให้ดี เราจะอยู่กับมันได้ตลอดไป”
แต่สิ่งที่ผมแปลกใจคือ งานนี้แม้ไม่ใช่งานศพแต่ผมร้องเพลงปูนุ ได้โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรเลย
“อาจเป็นเพราะว่าเป็นงานที่รำลึกถึงคนตายจริงๆ” ผมนึกในใจ
แต่ที่แปลกกว่านั้น บางครั้งเวลาที่ผมไปเล่นดนตรีในชุมชนปกาเกอะญอที่เป็นคริสเตียน ก็มีการเรียกร้องให้ร้องเพลงนี้บ้าง แต่เมื่อร้องถึงท่อน ธาโย แต่ไม่มีการทักท้วงให้หยุด กลับปล่อยให้ร้องตามสบายและร้องร่วมด้วยซ้ำ แม้เป็นงานรื่นเริงก็ตาม เขาไม่ถือแล้วหรือ เพลงต้องห้ามเหล่านี้ หรือเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเพลงต้องห้ามเหล่านี้แล้ว