Skip to main content
 หลังเสร็จงานศพ ความรู้สึกจำใจจากบ้านมาเยือนอีกครั้ง  แต่การกลับบ้านครั้งนี้แม้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยเฉพาะในวิถีประเพณี ที่มีคนตายในชุมชน  ได้เห็นสภาพของป่าช้าที่ถูกผ่าตัดตอนแล้วพยายามเปลี่ยนอวัยวะชิ้นส่วนใหม่จากภายนอกเข้ามาแทนที่ 

\\/--break--\>
ภายในใจอดเป็นห่วงบ้านที่เกิด สายน้ำที่เคยว่ายดำ ป่าที่เคยหากิน  ทุ่งนาที่เคยวิ่งเล่นไม่ได้ว่า  เขาจะอยู่รอดปลอดภัยจากกระแสการพัฒนาจากข้างนอกที่หลั่งไหลเข้ามาตามทุนนิยมสามานย์ได้นานสักเพียงใด  ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือ หัวใจของคนในชุมชนปกาเกอะญอมูเจะคีว่า จะสามารถยืนหยัดในวิถีความเป็นคนปกาเกอะญอได้อีกนานแค่ไหน และจะมีการรับมืออย่างไรกับสิ่งที่มาล่ออยู่ทุกวี่ทุกวัน

ในช่วงระยะเวลาเกือบ 6-7 ทศวรรษที่ผ่านมา คนชนเผ่าดั้งเดิมอย่างคนปกาเกอะญอ ถูกตราหน้า ถูกดูถูก ดูหมิ่นดูแคลนให้เป็นผู้ล้าหลัง ผู้ด้อยกว่า ผู้คนป่า คนเถื่อน ผู้คนแปลกหน้า ผู้อื่น ผู้คนที่ไม่มีอารยธรรม เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดจนล่วงเลยผ่านช่วงอายุคนสามสี่รุ่นแล้ว  ทำให้คนชนเผ่าไม่น้อยเกิดความรู้สึกไม่ภูมิใจ ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีในความเป็นคนชนเผ่าเอาเสียเลย  

มายุคนี้มีคนปกาเกอะญอจำนวนไม่น้อยที่มองว่า คนปกาเกอะญอต้องมีการยกระดับชีวิตตนเองโดยการทำตัวให้เท่าเทียมกับคนที่อยู่ในเมือง  ต้องมีพัฒนาการพูดภาษาไทยให้ชัดเหมือนคนในเมืองเจ้าของภาษา รวมทั้งภาษาสากล เขาจะได้ไม่ดูถูกเรา ภาษาของชนเผ่าตนเองนั้น เก็บพับไว้ก่อน

ต้องพัฒนาการแต่งตัวของตนเองให้เท่าทันยุคสมัยและกระแสนิยม  เพื่อให้เหมือนและกลมกลืนกับคนที่อยู่ในเมือง จะได้ไม่เชยไม่ตกยุค เขาจะได้ไม่ดูถูกเอา  ส่วนลวดลายเสื้อผ้า เครื่องประดับประดาของชนเผ่าตนเองเก็บพับไว้ก่อน

ต้องพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน   ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและแลกเปลี่ยนกับสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้  เพราะต้องมีเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ต้องมีเงินไว้ซื้อวิทยุ  ทีวี ตู้เย็น เครื่องเล่นซีดี มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้เป็นตัววัดความเจริญทางสังคมที่คนในเมืองให้การยอมรับ  เพราะฉะนั้นต้องหามาให้ได้ ต้องมีเงินทำห้องน้ำห้องส้วมที่ดี เวลาคนในเมืองมาหาเขาจะได้ไม่มองว่าคนชนเผ่าสกปรก ไม่มีสุขอนามัย 

ทางที่จะหาเงินได้คือเปลี่ยนระบบการผลิตของชุมชน จากผลิตเพื่อกินมาเป็นผลิตเพื่อขาย  จากดูแลรักษาเพื่อใช้มาเป็นครอบครองเพื่อขาย จากปลูกแบบผสมผสานรวมกันหลายอย่างมาเป็นปลูกเพียงอย่างเดียวแต่ปลูกทีละมากๆ  ระบบการผลิตแบบเดิมของชนเผ่าที่ให้ความสำคัญและเคารพในธรรมชาตินั้น เก็บพับไว้ก่อน

ในชุมชนของเราต้องมีการจัดผังให้ดี  มีซอกมีซอย ต้องมีการปรับภูมิทัศน์ชุมชนให้ทันสมัย  โดยการนำไม้ประดับที่ขึ้นชื่อจากที่อื่นเข้ามา  ต้องเอาหญ้านำเข้าจากญี่ปุ่นมาคลุมดิน เอาหญ้าที่นำมาจากมาเลเซียมาปกพื้น  เอาพันธุ์ดอกที่ไม้หลากสีจากที่อื่นที่ไกลมาปลูกเพิ่มสีสัน  เนื่องจากสิ่งที่มาจากข้างนอกคือสิ่งที่คนในเมืองให้การยอมรับ  ส่วนหญ้าชูแหม่ปวิ หรือหญ้าเจ้าชู้,  หน่อเก่อเส่อฉ่า  หรือหญ้าม้า ,ดอกไม้หลากกลิ่นในพงไพรนั้นเก็บพับไว้ก่อน

พื้นที่ทำกินในชุมชนนั้นต้องมีการปลูกไม้ผลต่างๆไว้ หากมีไม้ดั้งเดิมที่มีขนาดใหญ่โตจะไม่สามารถทำกินได้ ชาวบ้านหลายคนต้องรีบล้มไม้ใหญ่ให้หมด เพื่อจะได้ปลูกต้นไม้อื่นๆ แทนที่ได้อย่างสะดวกและจะได้มีความชอบธรรมในการทำกินในพื้นที่ตรงนั้นตามกฎเกณฑ์ที่ทางการได้กำหนดมา  เจ้าป่าเจ้าเขานั้น เก็บพับไว้ก่อน ท่านคงเข้าใจและเห็นใจ

ลูกหลานคนชนเผ่าต้องได้รับการศึกษาตามระบบการศึกษาของรัฐไทย เพื่อยกระดับวุฒิการศึกษาให้เท่าเทียมกับคนที่อยู่ในเมือง จะได้มีโอกาสเข้าสู่ภาคแรงงานที่มีความรู้และมีฝืมือมากขึ้น  จะได้รู้เท่าทันความเป็นไปของโลกภายนอก จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ จะได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเขาบ้าง  องค์ความรู้ภูมิปัญญาของชนเผ่านั้น เก็บพับไว้ก่อน

ต้องเปลี่ยนระบบความเชื่อให้เป็นความเชื่อตามศาสนาสากลที่มีคนในเมืองยอมรับ  ที่รัฐบาลรับรองเพื่อความปลอดภัยในความมั่นคงของชุมชน  เมื่อระบบความเชื่อเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อประเพณี วัฒนธรรมที่ต้องรับมาจากภายนอกมากขึ้น ปีใหม่เปลี่ยนเดือน เปลี่ยนวัน  สงกรานต์ ลอยกระทงเข้ามาที่หมู่บ้าน ทั้งๆ ที่คนในชุมชนยังไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร  ดนตรี บทเพลง บทธา บทสอน บทสวด เปลี่ยนเครื่องมือเปลี่ยนภาษา  จารีต ธรรมเนียม ค่านิยม ข้อห้ามความเชื่อเดิมของบรรพบุรุษนั้น ลืมมันไปก่อน

นานวันคนยิ่งห่างจากรากเหง้าของตนเองมากขึ้น  ยิ่งสัมพันธ์กับภายนอกมากขึ้นยิ่งหลงลืมรีตรอยตนเองมากขึ้น คนมูเจะคียามนี้กำลังอยู่ในช่วงที่เพลิดเพลินสนุกสนานกับการวิ่งตามกระแสอย่างเมามัน  วันหนึ่งหากเหนื่อยล้า จะมีที่ไหนเป็นที่พัก?  วันหนึ่งหากพลาดพลั้งจะมีทางใดให้เดินได้?  แม้ว่าคนกำลังเมามันแต่สังเกตธรรมชาติเริ่มโรยรา  แม่น้ำหลายสายป่วยหนัก ดินเริ่มหมดสภาพ ป่าถูกรุมโทรมหนักขึ้น  โดยเฉพาะป่าความเชื่ออาการน่าเป็นห่วง

แต่ก็ยังมีสิ่งที่ภูมิใจอยู่บ้างที่สามารถนำเพลง ธา ปลือ ให้กลับมาขับขานในพิธีศพอีกครั้ง ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของตนเองอีกครั้ง แม้มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของงานก็ตาม 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม