Skip to main content

ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
\\/--break--\>

การไปท้วร์ครั้งนี้ทำไมเลือกที่อเมริกาก่อน ทำไมไม่ทัวร์ที่เมืองไทยคะ?” สื่อมวลชนสุภาพสตรีท่านหนึ่งถาม

เราคิดว่าตลาดเพลงแนวนี้ในเมืองไทย แนว World music ไม่ค่อยมีพื้นที่เท่าที่ควร จึงยังไม่น่าสนใจเท่าที่ต่างประเทศ คนไทยยังไม่ค่อยอยากฟังเพลงที่มีสำเนียงไทยๆ วัฒนธรรมไทยที่ประกอบด้วยภูมิภาคต่างๆ ทั้งใต้ อีสาน กลาง เหนือ รวมไปถึงความเป็นชนเผ่าในเมืองไทย จริงๆมีศิลปินไทยที่พยายามสร้างสรรค์เพลงแนวนี้พอสมควร แต่กลุ่มคนฟังมันมีน้อยไนประเทศไทย คนไทยอยากฟังเพลงเกาหลีมากกว่า เราจึงเริ่มที่ต่างประเทศก่อน "พี่ทอด์ด" ตอบนักข่าว


แล้วไม่คิดจะปลูกฝังคนไทยให้หันมาฟังเพลงแนวนี้มากขึ้นเหรอคะ?” นักข่าวหญิงต่างสำนักถามต่อ

ผมว่าเป็นคำแนะนำที่ดี เราพยายามจัดเทศกาลดนตรีแนวนี้ เป็นเทศกาลจังหวะแผ่นดิน มาเป็นเวลา 4 ปี จัดมาทั้งทางใต้ ตะวันตก กลาง อีสานและทางเหนือด้วย ผู้คนมาฟังในงานเยอะ มัน สนุก แต่ไม่มีใครซื้อซีดีศิลปินเลย (ฮา) คนไทยยังมีเพลงของพี่เบิร์ดให้ฟังอยู่ครับ (ฮา) แต่ถ้ากระแสที่เมืองไทยดีขึ้นเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีครับ” พี่ทอด์ด อธิบายให้นักข่าวฟังอีกครั้ง


รุ่งเช้าตีสามกว่าของวันที่ 3 ผมถูกปลูกให้ตื่นเพราะต้องไปเช็คอินที่สุวรรณภูมิเครื่องจะออกประมาณ 6 โมง ผมขึ้นนั่งรถตู้ข้าง ๆ พี่ทอด์ด


ชิ อีก 20 นาทีเราจะถึงสนามบิน เราต้องโหลดของเยอะมาก ซึ่งเกินน้ำหนักที่เขากำหนดไว้ เพราะฉะนั้นอย่าถือสาพฤติกรรมผมอีก 20 นาทีข้างหน้านะ เพราะมันจะมีทั้งโหด เศร้า ร้องไห้ ขอความเห็นใจ เพื่อจะสามารถเอาของที่เป็นเครื่องดนตรีไปให้ได้ อเมริกาเขาจะกลัวไม้ที่มาจากต่างประเทศ เพราะเขากลัวปลวกจากต่างประเทศซึ่งเขาไม่สามารถกำจัดได้ บางทีมันกินบ้านพังไปทั้งหลัง อันนี้ก็เข้าใจเขา” พี่ทอด์ด คุยให้ฟัง ก่อนเราจะมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูทางเข้า


การโหลดของเป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากน้ำหนักเกินจะต้องใช้การเจรจาอย่างที่ว่า กว่าเราจะขึ้นเครื่องได้ เราก็กลายเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ขึ้นเครื่อง ปลายทางอยู่ที่ไทเป เราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่นั่น โดยต้องใช้เวลารอเพื่อเปลี่ยนเครื่องประมาณ 8 ชั่วโมง ได้มีโอกาสชมบรรยากาศรอบ ๆ ในสนามบินไทเป นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสแวะชิม อาหารพื้นบ้านไต้หวัน

 

 
ร้านอาหารพื้นบ้านไต้หวัน ในสนามบิน


ไทเปหรือไต้หวัน ดูแล้วก็คล้าย ๆ จีน ทั้งภาษาเขียน ภาษาพูด รวมทั้งบุคลิกหน้าตาของผู้คน แต่เมื่อเราไปถามคนไต้หวันเขาจะบอกเพียงแต่ว่าเขาคล้ายจีนแต่เขาไม่เหมือนจีน และเขาไม่ใช่จีน เขาคือไต้หวัน เขาพยายามนำเสนอความเป็น อัตลักษณ์ของไต้หวัน ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นเฉพาะที่ต่างจากจีน และในความเป็นอัตลักษณ์ของไต้หวันนั้น ยังได้รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 14 ชาติพันธุ์ อยู่ในนั้น


รูปแบบการต่อสู้ของไต้หวันเป็นการชูอัตลักษณ์ที่เด่นเพื่อประกาศความเป็นอิสระในอยู่เหนือการครอบครองออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของคนที่อยู่ในประเทศไต้หวันทั้งประเทศทุกคน ทุกชาติพันธุ์ และในการต่อสู้นั้น ส่วนหนึ่งใช้อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อประกาศความเป็นเอกเทศ แม้จีนแผ่นดินใหญ่จะพยายามกดดันทุกวิถีทาง แต่วันนี้ไต้หวันยังคงยืนหยัดในความเป็นเอกเทศของตนเอง ยังคงเปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนชาติพันธุ์ได้มีโอกาสประกาศตัวตน เกียรติ ศักดิ์ศรีในดินแดนแห่งนั้น


ทำให้นึกย้อนกลับมาดูการต่อสู้หลายๆ ที่ หลายๆ แห่ง หลายๆ กลุ่ม ที่มุ่งเน้นแต่การเมืองการทหารจนละเลยมิติอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมจนลูกหลานคนรุ่นใหม่ขาดจิตสำนึกในความเป็นชาติพันธุ์ และขาดความเข้าใจถึงรากเหง้าแก่นแท้ของเกียรติและศักดิ์ศรี วัฒนธรรมชนเผ่าของตนเอง ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดพลังที่เป็นชาติพันธุ์นิยมทำให้พื้นที่การขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมลดน้อยลงไป เมื่อวัฒนธรรมที่เป็นจุดร่วมของคนชาติพันธุ์เดียวกันลดน้อยลง พลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นปึกแผ่น ย่อมถูกกัดเซาะได้ง่ายขึ้น


ยิ่งทำให้นึกถึงการต่อสู้ของคนกะเหรี่ยงทางฝั่งพม่าที่หลงลืมความเป็นอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์เดียวกันแต่ถูกกัดเซาะ ยุแยง โดยการนำศาสนามาเป็นเครื่องมือในการแบ่งแยก แล้วปกครองอย่างง่ายดาย น่าเป็นห่วงว่าหลังจากความขัดแย้งด้านศาสนาซาลงไป ถ้าคนกะเหรี่ยงไม่มอง ไม่วิเคราะห์ ความเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเดียวกันให้ชัดเจน ฝ่ายตรงข้ามจะใช้เครื่องมืออีกตัวหนึ่งเพื่อแบ่งแยกซ้ำคนกะเหรี่ยงอีกทีหนึ่ง นั่นคือ การจะพยายามแยกคนกะเหรี่ยงโผล่ว์กับกะเหรี่ยงจอห์ออกจากกัน ครั้งนี้จะทำให้กะเหรี่ยงแตกแยก กระจัดกระจาย ไร้พลังไปกันใหญ่ ได้แต่หวังว่า ความเจ็บปวดของสงครามริมฝั่งเมยรอบล่าสุดจะเป็นบทเรียนที่จะทำชาติพันธุ์ตนเองที่อยู่คนละฝั่งน้ำกันได้เป็นอย่างดี

 

 


 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม