Skip to main content


บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน

 

หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง


 

มันดูงอนๆผมอยู่ที่ผมไม่ยอมอุ้มขึ้นเครื่อง แต่เลือกดาวน์โหลดในส่วนสัมภาระแทนเพื่อความสะดวกในการเดินทางระยะไกล เขาต่อว่าผมที่ยัดมันลงกล่องอันแออัด ผมไม่ได้ยินแต่ผมพอจะรู้ว่ามันสามารถพูดได้ ผมหยิบมันขึ้นมาเช็ดถูแล้วเปลี่ยนสายใหม่ โดยพกสายเบรกจักรยานยนต์จากเมืองไทยมา ตั้งสายให้มันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เมื่อต่างคนต่างสำรวจดูของตัวเองว่าสภาพเป็นอย่างไร และยังมีสิ่งที่ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่ มือกลองต้องการไปซื้อสแนร์ มือเบสต้องการซื้อแอมป์ มือกีตาร์ต้องการซื้อแอฟเฟค มือคีย์บอร์ดต้องการสายแจ็ค โปงลาง
,ระนาด ต้องการไมค์จ่อ ทีมงานทำการจดไว้อย่างละเอียด เมื่อทบทวนดูอีกทีก่อนออกไปซื้อของ ทุกสายตาจึงหันมามองที่เตหน่ากู

มึงไม่ต้องการอะไรเหรอ แน่ใจว่าเรียบร้อยดีนะ” พี่ทอด์ดหันถามผม ซึ่งผมยังไม่ทันตอบ
ผมว่าต้องหาปิกอัพมาให้เตหน่ากูใหม่นะ เพราะที่ผ่านมาที่มีอยู่มันจะมีเสียงหอนและ Feedback เยอะ มีเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น" พี่สานุ มือคีย์บอร์ดและโปรดิวเซอร์เสนอความเห็น
ผมเห็นด้วย อยากให้มันมีเสียงออกมาดีๆ ชัดๆ เดี๋ยวเราไปดูกันว่ามีอะไรที่เหมาะกับมัน ผมมีเพื่อนที่มีร้านขายอุปกรณ์ดนตรี เดี๋ยวจะลองให้เขาดู เผื่อมีคำแนะนำดีๆ” พี่ทอด์ดบอก


ร้านขายอุปกรณ์ดนตรีร้านแรก

นี่เพื่อนผมตอนเรียนมัธยมด้วยกัน เขาเป็นคนซ่อมกีตาร์ และดนตรีอย่างอื่นด้วยตนเอง” พี่ทอด์ด แนะนำเจ้าของร้าน หลังจากนั้นนักดนตรีแต่ละคนเริ่มหาอุปกรณ์ที่ตนเองต้องการ บางคนได้ บางคนไม่มีสิ่งที่ต้องการ และมาปิดท้ายที่เตหน่ากู

 

ช่วยดู เครื่องดนตรีนี้หน่อย เป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของชนเผ่าที่อยู่บนภูเขาทางเหนือของประเทศไทย มันจะมีปัญหาเรื่อง feedback เวลาใช้แจ๊ค ลองดูว่ามันจะทำอะไรกับมันได้บ้าง”  พี่ทอด์ดถามเจ้าของร้าน เจ้าของร้านขยับเข้ามาดูเตหน่ากูแล้วให้ผมลองเล่นให้ฟัง เพื่อจะรู้ว่าเสียงออกมาจากส่วนไหนของมัน

 

Amazing!!” เขาอุทานออกมาเมื่อได้ยินเสียงเตหน่ากู หลังจากที่เขาหยิบมาดูจนทั่วทั้งร่างแล้วเขาเสนอความคิดเห็นว่าให้เอาไมโครโฟนจ่อดีที่สุด ซึ่งผมเคยจ่อมาแล้วหลายงานแต่ล้มเหลวทุกงาน สรุปแล้วเขาช่วยเตหน่ากูไม่ได้

 

ร้านที่สอง
เขาหยิบเตหน่ากูมาดูเช่นกัน ดูที่หัว ดูข้าง ดูที่สาย ดูที่ตูด เขาแนะนำให้ใช้ไมโครโฟนฝังข้างใน และเขาก็หยิบผลิตภัณฑ์ของเขามาให้ดู เขาบอกว่าเป็นรุ่นที่ดีที่สุด ราคาตกอยู่ที่
199 เหรียญ ผมจึงขอทดลองดูก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ามันใช้ได้จริงหรือไม่ แต่เจ้าของร้านปฏิเสธไม่ให้ลอง

 

ยังไม่ต้องเอาไปดูที่อื่นก่อนแล้ว ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที” พี่สานุพูดพร้อมกับยกพลออกจากร้านดังกล่าว

 

ร้านที่สาม Guitar Center ณ เมืองสแครนตัน
ทันทีที่เข้าในร้าน เรามุ่งตรงไปที่จุดขายปิกอัพ หนุ่มเครายาวจ้องดูเตหน่ากูแล้วถามว่าเป็นเครื่องดนตรีจากที่ไหน จะมาเล่นที่ไหน เมื่อเราบอกว่าเป็นเครื่องดนตรีชนเผ่าปกาเกอะญอมาจากประเทศไทย มาเล่นร่วมกับทอด์ด

 

ทอด์ด ลาเวลล์ คนที่อยู่ สแครนตันหรือเปล่า?” หนุ่มเครายาวถาม
ใช่ คนนั้นไง” แล้วผมชี้มือไปที่พี่ทอด์ด พี่ทอด์ดหันมาหาเขา ช่างบังเอิญหนุ่มเครายาวเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพี่ทอด์ด สมัยเรียนชั้นประถมร่วมกัน การกอดกันกันทักทายตามประสาฝรั่งจึงเกิดขึ้น หนุ่มเครายาวบอกว่าพี่ทอด์ดเป็นคนเพี้ยนตั้งแต่สมัยเรียนประถมแล้ว ในขณะที่หนุ่มเครายาวเรียนมัธยมไม่จบ แต่สุดท้ายทั้งสองก็มาทำงานด้านดนตรีเหมือนกัน

 


เตหน่ากูตามหา
-เสียงในร้านดนตรี
 

 

หนุ่มเครายาวมั่นใจว่าปิกอัพเอาเตหน่ากูอยู่แน่นอน เขาจึงหยิบปิกอัพที่ดีที่สุดในร้านมาให้
อันนี้เป็นปิกอัพที่รับเสียงดีที่สุด และมี feedback น้อยที่สุด” เขานำเสนอด้วยความภูมิใจ

 

แต่เมื่อลองแล้วปรากฏว่ามันไม่ Feedback ก็จริงแต่เสียงมันออกมาเบามาก หนุ่มเครายาวพยายามลองหาตำแหน่งต่างของเตหน่ากูที่รับเสียงได้ดีที่สุด โดยการเลื่อนไปหลายจุด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขาแปลกใจมาก เขายืนกุมขมับแล้วส่ายหัว เป็นอันว่าไม่เป็นผล คงต้องใช้ของเดิมที่ติดตัวมาจากเมืองไทย

 


ฝรั่งงงกับเส้นเสียงของเตหน่ากู
 

 

เดี๋ยวผมว่าน่าจะใช้ปิกอัพของกลองมาใช้ดู ผมมีเพื่อนเล่น เชลโล่ เขาใช้ปิกอัพกลอง” มือกลองในวงที่มาจากฮอลแลนด์เสนอความเห็น แต่ไม่มีใครเห็นด้วยแม้กระทั่งเจ้าของร้าน แต่เขาไม่ละความพยายาม เขาไปหยิบมาแล้วขอลองดู เจ้าของร้านใจป้ำให้ลอง พอลองแล้วปรากฏว่าพอได้ แม้จะมี feedback บ้างเวลาเปิดเสียงจนสุด แต่ก็ดีกว่าอันเก่า จนเจ้าของร้านต้องแปลกใจอีกครั้งว่า ทำไมถึงใช้ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เตหน่ากูเริ่มมั่นใจในการเปล่งเสียงบนดินแดนมะกันมากขึ้น

 


เมื่อมันเปล่งเสียงออกมา พนักงานร้านดนตรีจ้องอย่างด้วยความทึ่ง

 

หลังจากตามหาเสียงให้เตหน่ากูได้แล้ว ช่วงบ่าย Grayson หลานชายพี่ทอด์ดชวนผมไปดูเขาแข่งเบสบอล ตอนแรกผมคิดว่าไม่ไป


ไม่ไปเป็นกำลังใจให้ผมในเกมเหรอ??” เขาถามด้วยสายตาที่อ้อนผม จนผมตกลงใจไปดู ในเกมเป็นการแข่งขันภายในชุมชนของเขาซึ่งมีเด็กประมาณ 20 กว่าคน แบ่งเป็น 2 ทีม คนที่ดูนักกีฬา คนที่เป็นกรรมการ คนที่เป็นกองเชียร์ ล้วนเป็นผู้ปกครองของเด็ก แม้จำนวนผู้ปกครองจะมีจำนวนไม่มากแต่เสียงเชียร์มีมากกว่าจำนวนคน

Good job” เสียงนี้ดังขึ้นในทุกครั้งที่เด็กทำได้ดี และเมื่อเด็กทำพลาดหรือทำไม่ดี เสียงจะเงียบ ไม่มีการว่า ไม่มีการติ ไม่มีการซ้ำเติม แต่เสียงเฮจะมาอีกทุกครั้งที่เด็กเริ่มต้นลูกใหม่หรือเกมใหม่ สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจอีกอย่างคือ รอบสนามเล็กของชุมชนแห่งนี้เต็มไปด้วยป้ายรายชื่อผู้สนับสนุน ร้านมินิมาร์ทบ้าง ร้านขายอะไหล่รถบ้าง ร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์บ้าง ร้านอาหารบ้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นร้านค้าที่อยู่ในชุมชน

เงินผู้สนับสนุนเหล่านี้ เราเอามาทำสนามแข่งสำหรับเด็กและอุปกรณ์กีฬา ส่วนครูผู้ฝึกสอน เราให้ผู้ปกครองที่มีทักษะมาสอน อนาคตอาจจ้างโค้ชที่เป็นมืออาชีพมา ถ้ามีเงินมากขึ้น สำหรับชุดกีฬา ผู้ปกครองเด็กแต่ละคนจะรับผิดชอบเอง” Tish แม่ของ Grayson เล่าให้ฟัง

ความเป็นมืออาชีพ มันต้องสร้างตั้งแต่เด็ก เราไม่รู้ว่าเด็กทั้งหมดในชุมชนจะมีกี่คนที่จะได้เล่นในลีกอาชีพของประเทศบ้างในอนาคต อาจจะห้าคน สามคน หรือแค่คนเดียว มันอาจจะเป็นลูกฉัน หรือลูกคนอื่น คนโน้น คนนี้ แต่มันน่าภูมิใจว่า คนในชุมชนเราสร้างเขาคนนั้นขึ้นมาร่วมกัน ชุมชนของฉันตั้งความหวังว่าอีกสิบปี คนในชุมชนต้องไปเล่นในลีกอาชีพของประเทศให้ได้ ฉันเองก็เฝ้ารอวันนั้น และฉันจะไปเชียร์ที่ขอบสนามทุกนัดเลย” Tish กล่าวทิ้งท้าย

 

 

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม