Skip to main content

จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง

เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี
“ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas

“มีแต่ คนคาเรน ที่มาจากเรฟฟูจี ถ้าอยากไปดูเดี๋ยวพี่จะติดต่อพี่จิต เค้าเป็นครูในโรงเรียนที่นั่น” ผมมองหน้าภรรยาและยิ้มด้วยความหวังว่า จะได้พบเจอพี่น้องปกาเกอะญอที่มาอยู่ประเทศที่สาม พี่จิตเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะศึกษาศาสตร์ คณะเดียวกับผม นั่นเป็นจุดเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีและเร็วขึ้น พี่จิตเป็นครูคนไทยและครูเอเชียคนเดียวในโรงเรียนของเด็ก ที่ไปอยู่ประเทศที่สามแห่งนั้น    “ตอนแรกพี่ได้ยินว่ามีเด็กมาจากพี่นึกว่าเขาจะพูดไทย ได้ พอพี่เข้าไปคุยปรากฏว่าเขาพูดไทยไม่ได้ มีปัญหาเรื่องการสื่อสารมาก ตอนนี้ที่โรงเรียนกำลังต้องทำหลักสูตรใหม่สำหรับเด็กที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยอยู่ ลองเข้าไปดูเผื่อมีไอเดียในการแนะนำเราบ้าง”พี่ จิตบอกผม ผมตกใจนิดหน่อยเมื่อไปถึงห้องประชุมของโรงเรียน นักเรียนประมาณ 300 คนมารออยู่พร้อมกับครูอีกจำนวนหนึ่ง ผมเพียงแค่อยากมาพบเจอกับเด็กปกาเกอะญอ นี่เล่นเอาทุกสัญชาติมาให้หมด แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ผมก็ต้องเดินหน้าต่อ เด็ก 300 คน นั่งคละกันไปสีผิวเหลืองกับผิวดำ จนดูลำบากว่าเด็กไหนปกาเกอะญอ เด็กไหนชาติพันธุ์อื่น ส่วนเด็กที่มาจากกาฬทวีปนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังจากที่ทักทายกับคุณครูเรียบร้อยแล้ว ผม จึงถูกโยนบทบาทหน้าชั้นเรียนให้ดำเนินการต่อ ยังดี ที่มีพี่ทอด์ด มาร่วมขบวนทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น ผมแนะนำที่มาของตนเองให้นักเรียนรู้จักเพื่อปูทางสู่ความรู้สึก เท่าเทียมในความเป็นมนุษย์หัวอกเดียวกัน “ใครเป็นชนเผ่าปกาเกอะญอ ช่วยยกมือหน่อยครับ” ผมต้องการรู้จักเด็กปกาเกอะญอมากขึ้น นั่นยิ่งทำให้ผมงงมากขึ้นเพราะทุกคนยกมือกันหมด สรุปแล้วทุกคนเป็นเด็กปกาเกอะญอหมด ทั้งผิวเหลือง ผิวดำ มันจึงนำไปสู่ความเข้าใจในการเรียกชื่อชนเผ่า ของบรรพบุรุษปคนปกาเกอะญอ ว่า ปกาเกอะญอ เราคือคนหรือมนุษย์   เด็กทุกคนที่ยกมือ เขารู้ตัวเองดีว่า เขาเป็นคนปกาเกอะญอ เขาคือคนหรือมนุษย์ เหมือนกัน ทุกคนจึงเป็นปกาเกอะญอ เด็กเข้าใจความเป็นมนุษย์มากกว่าผู้ใหญ่หลายๆคนอีก ผมบรรเลงเพลงนกให้เด็กร้องตาม เด็กร้องคล่อง จนคุณครูแปลกใจว่า ภาษาที่ใช้เหมือนเป็นภาษาสากลที่เด็กทุกสัญชาติที่อยู่ในนี้คุ้นเคยเป็น อย่างดี นั่นยิ่งตอกย้ำผมอีก ภาษาปกาเกอะญอเป็นภาษาคนหรือมนุษย์ ย่อมเป็นภาษาสากลอยู่แล้ว  มีเด็กนักเรียนอาสาสมัครมาขอสัมผัสเตหน่ากู นั่น เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของการเดินทางมาที่นี่  แต่ที่ แปลกใจคือเด็กที่ขึ้นมาเป็นเด็กจากกาฬทวีปทั้งหญิงและชาย แต่ก็ยังดีที่เด็กปกาเกอะญอไม่ถือความอายเป็นใหญ่จนทิ้งโอกาสในการมาสัมผัส เตหน่ากู ที่มาข้ามน้ำ ข้ามฟ้า ข้ามทะเล มาเยี่ยมหาถึงที่  ผมถือโอกาสรอส่งเด็กปกาเกอะญอ ขึ้นรถพร้อมกับเชิญชวนให้ไปดูคอนเสิร์ตกลางคืน ช่วง ที่รอส่งเด็กอยู่นั้นผมประทับใจน้องปกาเกอะญออยู่คนหนึ่ง ใน ขณะที่คนอื่นสะพายกระเป๋านักเรียนที่เป็นเป้กันหมด แต่ น้องยังใช้ย่ามแบบปกาเกอะญอ บรรทุกหนังสือเรียนของตนเองอย่างไม่ขวยเขิน  ก่อนขึ้นรถน้องๆปกาเกอะญอมาขอถ่ายรูปกับผมอีกครั้ง ผม สังเกตเห็นน้องคนหนึ่งหน้าตาดูเคร่งเครียดไม่ค่อยยิ้ม ผม จึงเข้าไปทักทาย

“ผมเพิ่งมาได้ 3 อาทิตย์เองคับ พ่อผมไม่ไหนมาไหนยังไม่ถูกเลย ผมอยากไปดู
คอนเสิร์ต ผมจำได้ผมเคยเจอพี่ไปเล่นที่ศูนย์อพยพแม่หละ ถ้าผมไปเล่าให้พ่อแม่ฟังเขาต้องอยากมาแน่ๆเลย แต่มาไม่ได้” เขาร่ายยาวให้ผมฟัง “ผมมาอยู่ได้เดือนกว่าคับ พูด ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องเลย ผมไม่ค่อยอยากมาโรงเรียนเลย บางทีมันกลัวครูจะเข้ามาพูดด้วย” อีกคนพูดเสร็จหัวเราะ “ผมพูดได้แค่ 2 คำ yes, no” เด็กคนหนึ่งพูดออกมา

“ผมพูดได้มากกว่าเขาคำหนึ่งคือ ok” อีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับหัวเราะ

 “ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ไม่ได้เห็นเด็กได้หัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มาก่อน วันนี้ประทับใจมาก ผมมีไอเดียอยากให้มีการแลกเปลี่ยนครูที่อยู่ในศูนย์และครูที่โรงเรียนของเรา เพื่อเราจะสามารถปรับหลักสูตรที่เหมาะสมกับเด็กได้” ครูใหญ่ของโรงเรียนมาคุยกับผม หลังจากที่แลกเปลี่ยนที่อยู่ที่ติดต่อกันแล้ว ผมจึงเดินออกจากโรงเรียนนั้นไปอย่างรู้สึกอิ่มในความรู้สึก

 
 
 
Long Horn (ไอ้ เขายาว)
 
 
Long Horn ตอนก้ม 
 
 
โอโฮ เขายาวจัง 
 

คุยกับเด็กปกาเกอะญอ
  

ทุกคนยกมือแสดงว่าเป็นคนปกาเกอะญอหมด
  

น้องอยากมาใกล้ชิด เตหน่ากู
 

น้องอยากสัมผัส
  
 
ย่ามปกาเกอะญอไปโรงเรียนในอเมริกา
 
 
ผมเพิ่งมาได้ 2 อาทิตย์คับ
 
 
วันนี้เด็กปกาเกอะญอที่ USA ยิ้มได้ เมื่อได้ฟังเตหน่ากู

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม