Skip to main content

20080115 ภาพประกอบ1

นกปีกขาวบินมาจากทิศไหน ผมไม่ทันได้สังเกต มันบินวนอยู่เหนือโขดหิน ฉวัดเฉวียนไปเหนือหลังคาบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ดูมันคุ้นเคยกับอากาศอึมครึมรอบตัว ไม่มีใครใส่ใจว่ามันจะบินมาอีกหรือไม่ บินไปทางไหน สิ้นสุดลงที่ใด

ผมมองตามปีกไหวๆ สลับไปมากับมองแม่น้ำ มองลุงเวยซาที่ยืนเป็นหินไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งนั่นเอง มันตีปีกทะยานบินข้ามแม่น้ำเต็มฝั่ง หายเข้าไปอีกฟากแม่น้ำ แล้วชั่วอึดใจต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงปืนดังเป็นคลื่นสะท้อนกังวานข้ามแม่น้ำ ผ่านไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านกาแฟ ป้อมค่ายทหาร ร้านค้าขายสิ่งของจิปาถะ แล้วสะท้อนกลับไปมาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะดังลับหายไปยังฝั่งพม่าอีกครั้ง


เสียงปืนหนึ่งนัด ไม่ต่างกับเสียงใบไม้หนึ่งใบร่วงตกพื้นกลางป่า

ผมไม่ห่วงว่านกตัวนั้นจะโดนลูกหลงหรือไม่ มันคงไม่โชคร้ายขนาดบินไปชนกระสุนปืนที่ดังอย่างไม่มีเหตุผล


เสียงดังโหวกเหวกขึ้นบนฝั่งต่างหาก ทำให้ลุงเวยซาถอนตัวจากก้อนหินริมแม่น้ำ ขึ้นไปยืนบนที่สูงๆ ให้เห็นบางอย่างที่ลอยมากับน้ำ ผมวิ่งตามไปดูด้วย เป็นท่อนซุงลอยตามน้ำมาก่อน สีน้ำดินขุ่นๆขับให้ซุงดูเข้มชัดขึ้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มคนยืนมองสนใจ แต่เป็นสิ่งที่ลอยตามซุงมาต่างหาก

ตายแล้วยัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงพ่อค้าจากเมืองใหญ่ แต่เสียงอื่นฟังไม่รู้เรื่องส่งเสียงโต้ตอบกันอย่างกับฝูงนก


ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เสื้อผ้าเท่าตัวคนรัดแน่นตึงลอยหมุนวนมากลางแม่น้ำ แล้วเบี่ยงหน้ามาหาฝั่ง แต่เหมือนมีมือกำกับอยู่เบื้องล่าง คอยผลักหนุนส่งให้หมุนลอยไปกลางแม่น้ำอีกครั้ง สีดำๆเก่าๆผุดๆโผล่ๆหมุนวนอยู่อย่างนั้น ราวกับจัดฉากแสดง ก่อนจะไหลตามน้ำไกลออกไป ไกลออกไปจนลิบลับหายไปจากสายตาทุกคน


ศพลอยน้ำ” ..

ผมผะอืดพะอมกับภาพผ่านหน้า เศษสวะ กิ่งไม้ใบไม้ที่ลอยตามกันมา แม้ไม่ได้รับความสนใจจากสายตามองดู แต่ความหมายของมันช่างไม่ต่างจากศพลอยน้ำ


ลุงเวยซายืนสงบนิ่ง นิ้วมือแตะหน้าอก พึมพำถ้อยคำอยู่ในลำคอ สิ่งที่พอทำได้มอบให้หนึ่งชีวิตนิรนามลอยไปกับน้ำ


พะเลอโดะบอกว่า คนบนฝั่งแม่น้ำเห็นศพไม่มีชื่อลอยตามน้ำมาตลอด แต่ไม่เคยมีใครพิสูจน์ความจริงศพหนึ่งศพใดได้เลย บัญชีคนตายยาวเป็นหางว่าวอยู่แต่ในความทรงจำเท่านั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่า ที่สุดของคนโชคร้ายเหล่านั้นไปหยุดลงที่ใด

 

20080115 ภาพประกอบ2

 

เสียงโหวกเหวกโกลาหลดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ เป็นกลุ่มคนมุงดูบางอย่าง ผมกับลุงเวยซาเดินไปดูด้วย เป็นใบหน้าชายวัยกลางคนนอนหลับตานิ่งอยู่ริมน้ำ เปลือยท่อนบน ปรากฏแผงขนบนแผ่นอกกล้ามเนื้อแข็งแรง นุ่งผ้าถุงเก่าๆ ข้างตัวมีกระสอบใบใหญ่วางอยู่ ท้องกระเพื่อมหายใจติดขัด เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังใช้ช้อนสอดงัดเข้าไปในปากที่กรามขบแน่น มือหนึ่งทายาหม่องตามซอกคอ จมูก ให้สูดดม


ชายกอลาซูบังคลาเทศเป็นลมชัก มีเสียงพูดอยู่ใกล้ๆบอกว่า เป็นลมเพราะข้าวยังไม่ตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า เขาเป็นกุลีรับจ้างแบกหามอยู่ริมแม่น้ำ เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าโลกรอบตัวเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล มีคนประคองเขาไปนั่งพักใต้ร่มไม้ แล้วข้าวจานหนึ่งก็มาถึงมือเขา


แต่ไม่นานจากนั้น ผมเห็นเขาแบกกระสอบผ่านหน้าไปอีกครั้ง

นกปีกขาวตัวเดิมหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ มันบินกลับมาตอนบ่ายแก่ๆ ฝนตกพรำๆ แต่มันบินผ่านม่านฝนไปอย่างเฉยเมย เรานั่งหลบฝนกันอยู่ในร้านขายข้าว กาแฟ มีระเบียงยื่นออกไปจากฝั่ง มองเห็นแม่น้ำทั้งสายไหลอยู่ในหมอกฝน


เหมือนว่าสายฝนเข้ามาหยุดความเคลื่อนไหวริมฝั่งแม่น้ำ ไม่มีเรือวิ่งออกจากฝั่ง ไม่มีคนเดินไปมา นานๆจะมีรถแล่นฝ่าสายฝนเข้ามาในสภาพเปียกโชกเลอะโคลน มองไปทางไหนเห็นแต่กริยาซึมเซาหงอยเหงา เชื่องช้า หยุดนิ่ง เว้นแต่กิ่งไม้ เศษไม้ ซุง เศษสวะ ไหลเนื่องมากับแม่น้ำผ่านไปอย่างไม่ขาดตอน


ทุกอย่างเงียบนิ่ง ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

 


บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
  ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกับบัวหิมะ นาทีเผชิญหน้าราวกับพบนักบวชในป่าหินบนความสูงของยอดเขา 2,100 เมตร ยอดเขาที่ผมบอกผ่านจอไม่ได้เสียด้วย จึงไม่อาจเขียนรายละเอียดใดๆ อันบอกถึงถิ่นพำนักที่อยู่ของดอกไม้บนหินชนิดนี้
ชนกลุ่มน้อย
  กระท่อมของลุงชวนเสพติด ผมนั่งๆเดินๆนอนๆในแบบของมนุษย์ถ้ำ กระท่อมปีกไม้อีกหลังหนึ่งอยู่ใกล้ลำเหมือง ลำเหมืองที่ไหลมีชีวิตผ่านดงกล้วย เลาะกอไผ่ หายเข้าไปในสวนผลไม้ ความเงียบของกระท่อมน่าหลงใหลเหลือเกิน
ชนกลุ่มน้อย
  เหมือนคนฟื้นจากป่วยไข้ต่อเนื่องมานาน พอไปยืนอยู่กลางไร่ยางโตน เครื่องยนต์ที่ผ่านโรงซ่อมมาใหม่หมาด ก็ถูกทดสอบชิ้นส่วนแตกหักที่ประกอบขึ้นมาใหม่ กลไกภายในเริ่มเข้ารูปรอย ให้กลับมาใช้งานอย่างเดิมได้อีกครั้ง พบลุงในช่วงเวลาภายในผมอย่างนั้น …
ชนกลุ่มน้อย
    โลกของเขาช่างแตกต่างจากคนอื่น ยากจะถามหาเหตุผลด้วยซ้ำว่า ผลน้ำเต้าแก่แกะเม็ดในออกไป เอามารวมกับลำไม้ไผ่เล็กๆ เปิดรูตามปล้อง กลายเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า “ฟูหลู” หรือแคนน้ำเต้าได้อย่างไร และสิ่งนั้นนำพาเรื่องใดมาสู่ตัวเขาบ้าง
ชนกลุ่มน้อย
Soy la sombra de una pena, ฉันคือท่วงทำนองแห่งความเศร้า
ชนกลุ่มน้อย
I've been lately thinking พักนี้ฉันมักคิดถึง About my lifes time ช่วงชีวิตของฉัน All the things I've done สิ่งที่ทำลงไปแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
 ถนนสายนี้เกิดขึ้นมาในความเงียบเปลี่ยว ผมผ่านไปทุกครั้ง สวนทางกับรถแล่นผ่านไปมาน้อยมาก ผมยืนอยู่บนตำแหน่งข้างถนนปากทางเข้าบ้านแม่ป๋าม ขวามือไปเชียงใหม่ ซ้ายมือไปพร้าว อำเภอที่ดูราวติ่งเนื้อโด่เด่สุดเอื้อมของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มีเหตุผลจำเป็นพอที่ใครคนหนึ่งจะผ่านไปหา หากไม่จำเป็นด้วยเลือดเนื้อถิ่นเกิด หรือหน้าที่การงาน
ชนกลุ่มน้อย
  When I was young, my Dad would say Come on Son let's go out and play เมื่อยังเยาว์วัย พ่อจะบอกมานี่มาลูก ออกไปเล่นนะ Sometimes it seems like yesterday อย่างกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน And I'd climb up the closet shelf When I was all by my-self และฉันจะปีนชั้นตู้เสื้อผ้าเมื่ออยู่คนเดียว Grab his hat and fix the brim Pretending I was him คว้าหมวกของเขามาใส่ และทำตัวเป็นพ่อ no matter how hard I try แต่ไม่ว่าจะพยายามหนักเท่าไหร่ No matter how many tears I cry แต่ไม่ว่าจะร้องไห้มากเพียงใด No matter how many years go by แต่ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไป I still can't say good-bye ฉันยังไม่สามารถบอกลา He…
ชนกลุ่มน้อย
  ผมกลับมาเดินทางสู่ “คู่มือมนุษย์” ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ด้วยความรู้สึกอย่างท่องเดินทางไปในธรรม ในช่วงเวลาวิกฤติชีวิตไล่ตามสั่นคลอน เกิดภาวะความไม่ปกติ จนดูราวกับว่า อากาศรอบตัวมืดดำลงฉับพลันอีกครั้งหนึ่ง
ชนกลุ่มน้อย
  "ได้" พ่อของลูกคือลูกของพ่อ ตอบเพียงแค่นั้น  ลูกของพ่อคือหลานของปู่ก็ลิงโลด  "ได้ขึ้นภูเขาแล้ว ได้ไปภูเขา...""ลูกต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะ"  พ่อของลูกคือลูกของพ่อบอกแล้วเงียบคิด"มีอะไรเหรอ""เราไปร่วมงานคุณตานะ  จำได้มั้ย  คุณตาที่ให้ปูแม่น้ำ""จำได้ๆ  แต่มันตายหมด เหลือสองตัว คุณพ่อเอาไปปล่อยในสระพืชไร่มอชอ"