Skip to main content

 

ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกับบัวหิมะ นาทีเผชิญหน้าราวกับพบนักบวชในป่าหินบนความสูงของยอดเขา 2,100 เมตร ยอดเขาที่ผมบอกผ่านจอไม่ได้เสียด้วย จึงไม่อาจเขียนรายละเอียดใดๆ อันบอกถึงถิ่นพำนักที่อยู่ของดอกไม้บนหินชนิดนี้

\\/--break--\>

สองขาอย่างเดียวไม่พอสำหรับปีนเขาลูกนี้ ต้องใช้สองเข่า สองมือด้วย สัมผัสทุกส่วน และเสียงสูบฉีดหัวใจแรงๆ บนหน้าผาที่ไม่อยากเหลียวมองหลัง ลุ่มลึกที่มีหินแหลมคมเหมือนมีดวางเรียงราย


ผมตะกายขึ้นไปทีละก้าวสั้นๆ คนนำทางบอกว่าหินที่ตั้งวางเรียงให้ดูแข็งแรงมั่นคงนั้น อย่าเพิ่งเชื่ออย่างนั้น มันพร้อมจะโยกคลอนหลุดออกมาเป็นเศษชิ้นเล็กได้ง่ายๆ

 


หินแต่ละก้อนอาจเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสรอยเท้ามนุษย์ก็ว่าได้ มันตั้งวางเรียงขึ้นเป็นภูเขาหินลูกหนึ่ง ผ่านน้ำฝนน้ำค้างบี้บดชะล้างกี่ร้อยพันหมื่นปีมาแล้ว กว่าจะเป็นก้อนหินตั้งวางเรียงตัวอย่างกับถูกจัดวางเช่นนี้


คนนำทางปีนล่วงหน้าไปก่อนในระยะห่างกันราว 5 เมตร เขามองหลังบ่อยๆ ให้แน่ใจว่าผมยังกลมกลืนกับก้อนหิน คืบคลานศอกขึ้นไปได้

ระวังหินก้อนนี้ไม่แข็งแรง” เขาบอก ผมรีบมองจ้องตาไม่กระพริบ ให้รู้ว่าผมจะต้องไม่อาศัยหินก้อนนั้นพาตัวขึ้นไปบนความสูงชันขึ้นเรื่อยๆ


ผมนึกถึงหนุมานออกไปหายามารักษาพระลักษณ์ที่โดนหอก ต้องเดินทางไปยากลำบาก พอปีนไต่ขึ้นยอดเขา ยาหายากก็หลบมาอยู่ตีนเขา พอลงมาตีนเขายาก็หลบไปส่งเสียงอยู่บนยอดเขา จนหนุมานต้องใช้หางรัดภูเขาไว้ กว่าจะจับตัวยาเอาไปได้

เป็นฉากที่ครูเล่าเรื่องรามเกียรติ์ในห้องเรียนชั้นปถม ผมจดจำฝังใจมาถึงตอนนี้


ผมไม่ได้สวมบทหนุมานออกไปหายา แต่ก็คิดถึงหนุมานขึ้นมาอย่างจับใจ ทำให้รู้สึกอยากมีหางเป็นอวัยวะหนึ่งขึ้นมา คงจะช่วยให้การปีนป่ายขึ้นเขาลูกนี้ง่ายขึ้น

ผมอยากไปให้ถึงเรือนยอด ตามมองกายภาพเขาลูกนี้ให้ชัดเต็มตา และพื้นผิวโลกรายรอบยอดเขา อีกทั้งพืชพันธุ์ไม้ที่อยู่ร่วมกับหิน


ยามเผชิญหน้ากับความสูงชัน ไม่มั่นคง ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเชื่อมั่นต่อสิ่งที่ก้าวผ่านไปทีละก้าวขณะนั้น ทุกลมหายใจเข้าออกมีความหมายเหลือเกิน หินทุกก้อนที่มือเท้าจับยึด แม้จะถึงพร้อมด้วยเสียงเต้นแรงของหัวใจ แข้งขาสั่น รู้สึกกลัว เหงื่อไหลท่วมตัว มองไม่เห็นข้างหน้า ข้างหลังก็อยู่ไกลเหลือเกิน แต่ยังวางใจในสิ่งยึดเหนี่ยวไว้

ผมบอกกับใจตัวเองว่า หุบเหวอันน่ากลัวนั้น ที่แท้เป็นที่พักแรมค้างคืน เป็นที่หลับที่นอนเมื่อคืน ที่กินที่นั่งดื่ม จะไม่วางใจหุบเหวได้อย่างไร


บัวหิมะ” เสียงคนนำทางดังขึ้น ผมรู้สึกเหมือนเสียงยาที่หนุมานตามหาจริงๆ

ผมมองด้วยความตื่นเต้นดีใจ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นบัวหิมะ ดอกไม้ผลิบานออกมาจากปลีหิน มันเกาะซอกหลืบหินไว้แน่น เรียงดอกต่อเนื่องกัน ดอกต่อดอก เรียงระยะได้งามเหลือเกิน

 


ผมขอล่วงเกินดมเอากลิ่น กลิ่นกลางๆของความเก่าแก่ กลิ่นผ้าเก่าๆวางอยู่กลางแดด กลิ่นตะไคร่น้ำที่จับเกาะอยู่ตามต้นไม้ หรือไม่ก็กลิ่นเปลือกไม้เครื่องยาสมุนไพร


มาพบในช่วงเวลาบัวหิมะบานดอกแห้งแล้ว แต่ความอัศจรรย์ของดอกไม้หิน ยิ่งชวนหลงใหล

ผมใช้เวลาอยู่กับบัวหิมะนานมาก

 


ผมจำได้ว่า หนังจีนกำลังภายในหลายเรื่องทำให้ใจฟุ้งฝัน เมื่อบัวหิมะเข้ามาช่วยชีวิตตัวเอกที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติชีวิต ต้องหลบไปอยู่ในถ้ำ ในที่เร้นลับไม่มีคนผ่านเพื่อรักษาตัวจากพิษบาดแผล และบัวหิมะเท่านั้นจะช่วยชีวิตไว้ได้


บัวหิมะเป็นของหายาก ต้องฝ่าฟันกันสุดฤทธิ์ กว่าจะได้ตัวยาก็ต้องฝ่าด่านเหล่าร้าย สังเวยชีวิตกัน หรือไม่ก็อาจโดนเล่ห์สะกดของสตรีงามลักพาเอาไป

บัวหิมะจึงเป็นตัวกำหนดความเป็นตายชีวิตตัวเอก

พอบัวหิมะเข้าปาก ตัวเอกก็กลับฟื้นคืนชีวิต ออกท่องยุทธภพสู้กับพวกเหล่าร้อยดังเดิม

แต่นอกเหนืออื่นใด ผมทึ่งกับความแข็งแรงของดอกไม้ที่งอกออกมาจากหิน ดื่มกินความชื้นจากน้ำค้าง หมอกเมฆ ความเย็นของหิน แล้วออกดอกท้าแดดลมอยู่ในที่ไกลลึกอย่างนั้น

 


เดินหนึ่งวันเต็มๆ ค้างคืนหนึ่งคืน กว่าจะไปถึงที่อยู่ของบัวหิมะ


ผมไม่กล้าแม้แต่ละล่วงเกินแม้เพียงหนึ่งกลีบดอก ไม่อยากเห็นกลีบดอกฉีกขาด หรือผิดเพี้ยนรูปเงาไปจากเดิมแม้เพียงน้อยนิด ได้แต่สูดกลิ่นไว้ในอก สูดเก็บไว้ในความทรงจำ

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่   ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 
ชนกลุ่มน้อย
ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์
ชนกลุ่มน้อย
สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ ”จ่าเพียร”(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา  ร่วมรำลึก ...   
ชนกลุ่มน้อย
ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที
ชนกลุ่มน้อย
  “เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย “ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …
ชนกลุ่มน้อย
  สวรรค์ปักษ์ใต้มีสะตอกับลูกเนียงรวมอยู่ด้วย หรอยที่สุดต้องเหนาะ(จิ้ม)กับน้ำชุบ(น้ำพริก-ต้องกะปิเท่านั้น) หรือกินกับแกงคั่ว คั่วกะทิหรือแกงคั่วเผ็ดไม่กะทิ เผ็ดร้อนไม่แพ้ขาดเหลือกันนัก ไม่มีใครบอกว่าพริกพัทลุงหรือพริกนครศรีธรรมราช เผ็ดแรงร้อนกว่ากัน...
ชนกลุ่มน้อย
นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม
ชนกลุ่มน้อย
คำ  สุวิชานนท์ รัตนภิมล และคำของอา' รงค์ ทำนอง  สุวิชานนท์  รัตนภิมล
ชนกลุ่มน้อย
ลมบาดหิน ของอา… “ผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงของเขาตัดสินใจแรมคืนในกระโจม(เต็นท์) เขาพบว่าการเสียบก้านปลั๊กตัวผู้ลงในรูปลั๊กตัวเมียเพื่อต้มน้ำกับกาไฟฟ้านั้นเป็นความสะดวกสบายของคนในทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และอย่างน่าอิจฉา แต่การมองหาก้อนหินนำมาวางเป็นก้อนเส้า กิ่งไม้ง่ามปักกับดินแล้วพาดราวแขวนหม้อและริ้วชิ้นวัวฝานหมักเกลือ ก่อกองไฟและต้มกาแฟ นี้เป็นบางแบบของชีวิตซึ่งผู้ชายควรเรียนรู้...”
ชนกลุ่มน้อย
พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่  ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ   เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน  ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง  ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย  อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
ชนกลุ่มน้อย
  ในห้องทำงาน โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ไม้ไม่เหมือนวันก่อน หนังสือเล่มใหม่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเล่มมาวาง ชั้นหนังสือเรียงตามกัน โน้ตสั้นๆ เขียนถึงเวลานัดหมาย เวลาส่งงาน หมายเลขโทรศัพท์ ม้านั่งไม้ไว้นอนเอกเขนก โคมไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะกลม กีตาร์ กล้องถ่ายรูป รูปภาพบนผนัง ...
ชนกลุ่มน้อย
  ในชีวิต ณ ปัจจุบัน ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาข้องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชื่อ ไวโอลิน และยิ่งไม่เคยนึกว่าวันหนึ่ง จะมีไวโอลินมานอนอยู่ในห้อง ตั้งวางอยู่ข้างตัว รวมถึงได้ยินมันส่งเสียงทุกวันตอนย่ำค่ำ