พอออกมาจากห้องฝึกเรียนไวโอลินกลางเมืองเชียงใหม่ ผมบอกเจ้า 9 ขวบว่าไปเยี่ยมคุณลุงหน่อยนะ เจ้าเก้าขวบถามทันทีที่ไหน ผมตอบกลับวัดเจดีย์หลวง ไปทำอะไรเหรอ เขาสงสัย อยากไปเยี่ยม พ่อไม่ได้เข้าไปนานแล้ว
\\/--break--\>
พื้นที่บริเวณท้ายวัดเงียบเปลี่ยว บ่ายโมงกว่าๆ แดดร้อนๆหนาวๆของหน้าหนาว ไม่มีลมพัด แต่เหมือนมีลมพัดไหวใบหูกวางอยู่ตลอดเวลา จนใบร่วงกราวเกลื่อนพื้น
ประตูเหล็กไม่ได้ล็อคกุญแจ ผมลากประตูแรงๆจนเกิดช่องแค่เดินเข้าไปได้ สถานเก็บอาอยู่ใต้ร่มเงาหูกวางแผ่นกิ่งกว้างมาก เราเดินฝ่าใบหูกวางแห้งๆเข้าไป เจ้า 9 ขวบไม่พูดใดๆสักคำ เดินตามเงียบเชียบ
สองพ่อลูกนั่งลงพนมมือ บอกอาว่า มาเยี่ยม คิดถึง เจ้าลูกชายมีเสียงไวโอลินมาฝากด้วย อาลองฟังดู ปีนี้เขา 9 ขวบแล้วครับ
เจ้า 9 ขวบ เปิดกล่องไวโอลินอย่างว่าง่าย ตั้งคันชัก(โบ) แล้วสีกับยางสน จากนั้นก็ติดตั้งที่รองหลังไวโอลิน พร้อมเล่น
บรรทัดเที่ยงตรงมาจากห้องฝึกเรียน เริ่มด้วยวอร์มเสียง
เสียงไวโอลินดังขึ้นในกำแพงซีเมนต์ ใต้เงาหูกวาง เนื้อเสียงเรียบเรื่อยสูงต่ำหนักเบา คลอเคลียไปกับลมหายใจ
เพลงแรกดังขึ้น ผมแทบน้ำตาคลอ ผมเห็นสายตาของอา มองจ้องด้วยความสนใจ แทบไม่กระพริบตา ไม่มีคำพูด คำพูดตรึงอยู่ในสายตา
นานหลายนาที อาอยากพูดอะไรออกไป??
เพลงที่สอง เพลงที่สามและเพลงที่สี่ ดังต่อเนื่องติดต่อกันไป เสียงไวโอลินยามบ่ายบนที่พักสุดท้ายของ อา' รงค์ วงษ์สวรรค์ ผมหมดคำพูด พูดใดๆไม่ออก มองดอกไม้ในภาชนะ กระถางต้นไม้มีต้นไม้ และเหล่าใบไม้ร่วงหล่นลงราวกับรอยเท้าที่ย่างเข้ามาคารวะ มากมายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เจ้า 9 ขวบ เล่นไวโอลินอย่างไม่ขวยเขิน ไม่แปลกที่แปลกถิ่น
ผมบอกอาว่า เขาชอบไวโอลิน ผมอยากให้เขาได้ที่หลบภัยดีๆ เก็บไว้กับตัวเองในยามที่ต้องออกไปต่อสู้ตามลำพัง
ในกระเป่าผมพก "ระบำนกป่า" อยู่หลายวันแล้ว อ่านด้วยใจเชิญชวนควบคู่ไปกับ "ผกานุช บุรีรำ"
"เพชรเป็นตัณหาเร้นลับ แต่ประกายของมันไม่แอบแฝง"
...
"เศร้า? หล่อนรู้สึกเศร้าบ้าง
ใครสามารถทำลายความเศร้าได้นอกจากหล่อน
สมบัติในตัวหล่อนหมายถึงสติปัญญา
แน่นอน-สมบัติซึ่งหล่อนไม่ยินยอมให้ใครขโมย
หล่อนรับสภาพความเปลี่ยนแปลงในชีวิตโดยไม่ครั่นคร้าม..."
ไล่คำประโยค อาโปรยคำออกมาแต่ละคำด้วยความรู้สึกขบเคี้ยวอย่างไม่รีบร้อน สิ้นเสียงไวโอลิน ความเงียบอาลัยก็จู่โจมเข้าปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ