Skip to main content

 


ถ้า คสช.จะจับคนที่คลิ๊กไลค์ สเตตัสหรือภาพในเฟซบุ๊ก ในข้อหา 112 นี่น่าจะได้ผู้ต้องขังเอาไปเป็นผลงานเป็นแสนน่ะครับ


ผมเขียนสเตตัสยาวเป็นหน้า แชร์ลงเฟซบุ๊กในเสี้ยววินาทีนั้นก็มีเพื่อนมาไลค์เลย

น้ำตาไหลพราก crying ไม่ใช่เพราะว่าซาบซึ้ง แต่ตะหงิดๆคิดว่า "สัส...มึงช่วยอ่านไอ้ที่กูเขียนให้จบก่อนดีไหม ขอแค่อ่านจบ จบแล้วไม่ต้องไลค์ก็ได้" wink

แต่ก็อย่างว่า ทำยังไงได้ พฤติกรรมการไลค์บนเฟซบุ๊กมันไม่ได้มีความหมายว่าเห็นด้วยแต่เพียงอย่างเดียวซักหน่อย  หลายๆคนใช้เป็นเครื่องหมายแค่ว่าได้อ่านได้พิจารณาแล้ว และอีกหลายคนอาจยังไม่ได้อ่านแต่คลิ๊กไลค์เพื่อที่ระบบบนเฟซบุ๊กอาจจะได้รู้ว่าเราสนใจสเตตัสของคนนี้เพื่อที่จะได้ feed สเตตัสอื่นขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ

การไลค์อาจใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกตามสาขาอาชีพ อาจารย์ต้องการทวงงานวิทยานิพนธ์ลูกศิษย์แบบสุภาพ หรือนายจ้างจะทวงงานลูกน้องแบบละมุนละม่อมก็มักจะเข้ามาไลค์แบบเบาๆบนสเตตัสเวิ่นเว้อที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานของลูกศิษย์หรือลูกจ้าง

แค่นี้ลูกศิษย์หรือลูกจ้างก็จะรีบกลับไปทำงานที่ติดค้างด้วยความสยดสยองพองขน

นอกจากนั้นการไลค์อาจหมายความว่ารัก ห่วงใย หรืออาจเพราะว่าสงสารสมเพชก็ได้

แต่คนที่ไลค์สเตตัสผมเร็วๆนี่น่าจะเป็นอย่างหลัง crying

โดยส่วนตัว ผมเองก็ไลค์รัวๆเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะต่างจากคนอื่น ไม่ได้มีเหตุผลแค่ถูกใจหรือชอบ เมื่อแปลความหมายอย่างตรงตัวทับศัพท์ด้วย 

ความจริงมันก็เป็นเหตุผลปนเปอย่างที่ผมอ้างมาทั้งหมดจากข้างต้น

สรุปง่ายๆว่าการไลค์ ก็คือเครื่องมืออย่าง"หยาบๆ" สำหรับการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้ใช้เฟซบุ๊กบนโลกออนไลน์  และที่สำคัญมันเป็นเครื่องมือที่ไม่ได้มีมาตรฐานเดียวด้วย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนจะวางมาตรฐานให้กับมันเลย

หลายมาตรฐาน หรืออาจจะหามาตรฐานไม่ได้ด้วยซ้ำมันยืดหยุ่นมาก และคงอีกนานกว่ามันจะตกผลึก หรืออาจจะไม่มีวันเลยก็เป็นได้

ดังนั้นกรณีการที่ วิจารณ์ จดแตง กับ บุรินทร์ ทองประไพ สองเสนาธิการใหญ่ของ คสช. จะมาแจ้งจับคนคลิ๊กไลค์ว่าผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112 จึงเป็นเรื่องที่ปัญญาอ่อน เลวร้าย บัดซบมาก

เป็นการสร้างกระแส กลบข้อครหาเรื่องการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ "หมาไม่แดก" 

นอกจากนั้นแล้วยังทำให้เห็นได้อย่างเด่นชัดถึงการนำ "สถาบันกษัตริย์" มาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของรัฐบาลทหารได้อย่างชัดเจน

นี่คือการแสดงความจงรักภักดีเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในแวดวงผู้นำเหล่าทัพ 

โดยเอาคนเล็กคนน้อยเป็นเครื่องบัดพลีสังเวย

การเอาสถาบันกษัตริย์ลงมาเป็นเครื่องมือไล่ทุบ ไล่ฟาดฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือผู้ด้อยอำนาจที่ไม่มีปากเสียงโดยการดูจากพฤติกรรมการไลค์ ยิ่งจะทำให้เห็นว่า ยิ่งโหนยิ่งชิบหาย

ไม่เชื่อก็ทำไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการสู่ประชาธิปไตยจะเป็นไปโดยเร็วยิ่งขึ้น


 

บล็อกของ gadfly

gadfly
  เห็นบนเฟซบุ๊กมีการพูดกันบ่อยๆว่า แกนนำ นปช.พาคนไปตาย พาคนไปติดคุก แกนนำไม่รับผิดชอบกับชีวิตของมวลชน ผมคิดว่ามันเป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่นเพื่อเป็นการยกตนขึ้นสูง หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม
gadfly
ผมคิดว่าผู้ที่ให้บทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหาร ก็คือ ทหาร รัฐบาลทหาร และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง
gadfly
เมื่อคืนผมไม่ได้ดื่มเหล้า เลยเกิดอาการตาสว่าง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลับ และกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกินตีสาม .หลับแล้วก็ยังฝันต่ออีก.ฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้าน บ้านก็ยังคงมีสภาพเหมือนเดิม แต่สภาพแวดล้อมรอบบ้านกลับเปลี่ยนไป มันกลายเป็นทุ่งหญ้า กว้าง กว้าง และกว้าง...
gadfly
เมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสทางการศึกษา ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112ผมคิดถึงนักศึกษาสองคนคนหนึ่งเรียนอยู่ ม.เทคโนโลยีมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีสุดท้าย เขาชื่ออัครเดช ชื่อเล่นว่า เค
gadfly
อ่านข้อถกเถียงในประเด็นเรื่องฟรีสปีช เฮทสปีช ความรุนแรง เสรีภาพในการแสดงออก ฯลฯ ของบรรดาปัญญาชนมากมาย แต่ใจกลับย้อนคิดถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวไม่ข้องกับเหตุการณ์ข้างต้นเลย ก็เลยลองยกมา