Skip to main content


ยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้งดูเหมือนเมืองจะวุ่นวายชนิดที่ไม่เคยวุ่นวาย บนถนน จากดาก้าไปจิตตะกอง ตัวเมืองจิตตะกอง ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองเล็กๆ อย่างคากราชาริที่ใช้ขบวนรถจิ๊ปออกมาชุมนุมหาเสียงสนับสนุน

ทุกๆ วัน ผู้คนจำนวนหลายร้อยซึ่งสนับสนุนพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบจะออกมาชุมนุมและเดินขบวนกันบนท้องถนน ปรบมือเปล่งเสียงเชียร์ ชื่นชมผู้แทนของตน

ตื่นตาตื่นใจเหมือนกำลังดูโทรทัศน์ช่อง BBC
"เป็นความตื่นตัวทางการเมืองหรือตื่นเต้นที่จะได้เลือกตั้งก็ไม่รู้" เพื่อนผมติดตลก

สัญลักษณ์ของพรรคการเมืองในบังคลาเทศถูกแทนด้วยรูปภาพสิ่งต่างๆ เช่น ต้นข้าว เรือ ช้าง ขวดหมึก เสือ สับปะรด บันได เคียว ฯลฯ พรรคที่มาแรงตลอดกาล คือ พรรคเรือกับพรรคต้นข้าว (เดโมแครตกะรีพับรีกัล)

พรรคเรือเป็นพรรคเก่าแก่ ก่อตั้งโดยนักเคลื่อนไหวผู้ปลดปล่อยบังคลาเทศออกจากปากีสถาน
"เหมือนกับอินทิราหรือราหุล คานธี ทายาทมหาตมะ คานธี ที่ยังเป็นผู้นำพรรคการเมืองและครองใจคนในประเทศอินเดีย" การสืบสายเลือดหรือความรักในทายาททางการเมืองถือเป็นบุคลิกในสังคม(การเมือง)ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนผมสรุป 

สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ส่วนหนึ่ง คือ คนบังคลาเทศยังมีระดับของความรู้ที่ต่างกันมาก หากจะให้ผู้คนจดจำเป็นชื่อพรรคหรือตัวเลขอาจจะยาก "จำเป็นสิ่งของใกล้ตัวจะชัดเจนกว่า" เพื่อนตั้งข้อสังเกตุ

สิ่งที่น่าสนใจ คือ ระบบป้องกันการทุจริตในหน่วยเลือกตั้ง
เรียบง่ายแต่ได้ผลที่สุด คือ ...
ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนจะถูกทำเครื่องหมาย ด้วยการป้ายสีที่โคนเล็บ นิ้วหัวแม่มือ(เล็กๆ แต่ชัดเจน)ก่อนเดินเข้าคูหาไปลงคะแนนเสียงเพื่อป้องกันการลงคะแนนเสียงซ้ำหรือการสวมเป็นบุคคลอื่น
"สีที่โคนเล็บ ล้างไม่ออก อย่างน้อยก็ 2-3 วัน ไม่ต้องบอกเหตุผลก็คงเดาออก" เพื่อนมันยิ้มกรุ้มกริ่ม

หีบเลือกตั้งในบังคลาเทศเป็นสีขาวขุ่น ใส มองเห็นข้างใน(โปร่งใส)ล็อกด้วยสายพลาสติกที่รูดเป็นเงื่อนตายต้องใช้กรรไกรตัดออกเท่านั้นและมีบาร์โค้ดเป็นตัวเลขเดียวกัน

"หนึ่งสายต่อหนึ่งหีบเท่านั้น ห้ามหาย ห้ามขาดเด็ดขาด" เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เข้มงวดกันมาก

คูหาเลือกตั้งถูกกำหนดอยู่ในพื้นที่ปิด มีผ้าผืนใหญ่กั้นระหว่างคนเข้าไปใช้สิทธิ์กับบุคคลภายนอกคูหา ภายในจะมีตราปั๊มเอาไว้ให้ผู้มีสิทธิ์ปั๊มเครื่องหมายลงบนภาพ(พรรค)ที่ตนเองเลือก

หนึ่งเสียงต่อหนึ่งปั๊ม
...

เช้าตรู่ ฟ้ายังมืด ไก่เพิ่งเริ่มโห่
เพื่อน แซะตัวเองออกจากเตียง เริ่มงานสังเกตุการณ์
ผู้คนมืดฟ้ามัวดิน ต่อแถวเรียงหนึ่งหน้าคูหาเลือกตั้ง
แน่นอน ชัยชนะย่อมเป็นของพรรคเรือ เขาครองใจคนมาตั้งแต่ยุคประกาศอิสรภาพ



บรรยากาศการชุมนุมของผู้สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งกลางตลาดในเมืองจิตตะกอง



ขบวนรถจิ๊ปในเมืองคากราชาริ สังเกตุเห็นว่ารถคันหน้ามีเครื่องหมายขวดหมึก



อีกบรรยากาศในเมืองคากราชาริ



ตำรวจรักษาความปลอดภัย ระหว่างผู้ปราศรัยของผู้สมัครอิสระในเมืองคากราชาริ



โพสเตอร์หาเสียงของพรรคเรือ เขียนว่า หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างในภาพ(กลาง)โปรดเลือพรรคเรือ ภาพกลางเป็นภาพการปราบปรามของพรรครัฐบาล(พรรคข้าว)ที่แล้ว



การปราศรัยที่เข้มข้นหนึ่งวันก่อนการเลือกตั้ง ขอไปอยู่มุมไหนก็ได้ที่มองเห็นการปราศรัยอย่างชัดเจน



หน่วยรักษาความปลอดภัยที่จะเข้าไปดูแลหน่วยเลือกตั้ง เข้มข้นในเย็นก่อนถึงวันเลือกตั้ง



หญิงชนเผ่าเข้าแถวรอการเลือกตั้งแต่เช้าก่อนทำการเปิดคูหา



ปิดหีบแล้ว ผู้คนยังคงไม่ไปไหน รอการประกาศผลอย่างใจจดจ่อ



หน่วยเลือกตั้งบนดอย ต้องนับคะแนนใต้แสงเทียนกันเลยทีเดียว

  

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หากไม่เชื่อ ลองถามคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ปู่ย่าตาทวด ก็ได้ว่า “ท่านเกิดมาจากน้ำมือของใคร”ร้อยทั้งร้อย ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “หมอตำแย”ยายคำ อายุ 77 ปี เป็นชาวไทใหญ่ แกเป็นหมอตำแยมาตั้งแต่รุ่นสาวหรือที่เรียกกันว่า ‘แม่เก็บ’ ในภาษาไทใหญ่ ปัจจุบัน ยายคำอาศัยอยู่ที่ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน แข็งแรงและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ...ยายคำเป็นหญิงชราที่ดูอารมณ์ดีที่สุดในโลก แววตาอ่อนโยน ไม่แข็งกร้าวแต่จัดเจนและเข้าใจชีวิต ผม
กดำและพูดจาฉะฉาน ไม่หลงๆลืมๆ เหมือนกับคนเฒ่าในวัยเดียวกันชวนให้คิดถึงคำพูดที่ว่า หนุ่มแก่อยู่ข้างในหัวใจหลังการแต่งงาน ยายคำกับสามีชื่อนายหม่องคนกะเหรี่ยง…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
         
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ใครเคย เล่น (อี) มอญซ่อนผ้าบ้าง ..? หากเจอคำถามนี้แล้วคุณยกมือ แสดงว่า อายุของคุณไม่ควรจะต่ำกว่า 35 UP … ha H a a a a,ย้อนความจำกันนิด การละเล่นชนิดนี้ใช้ผู้เล่นกี่คนก็ได้แล้วแต่ถนัดและจำนวนของกลุ่มเพื่อน เลือกผู้เล่นขึ้นมาเพื่อเป็นตัววิ่ง 1 คน (อันนี้จะด้วยวิธีการใดใดก็ได้ รุ่นผมใช้โอน้อยออก) ตัววิ่งจะกุมผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในมือให้มิดชิด ก่อนจะเดินรอบวง เมื่อเดินพอหอบ ตัววิ่งจะอาศัยช่วงจังหวะเวลาและโอกาสเข้าทำ ด้วยการแอบทิ้งผ้าไว้ข้างหลังผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง ซึ่งระหว่างที่ตัววิ่งเดินรอบวง ผู้เล่นภายในวงจะร้องเป็นทำนองว่า  “(อี) มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ใครนั่งไม่ระวัง ฉันจะตีก้นเธอ”…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ฆูณุงจไร เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยใหม่ เชื่อว่า เป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์ตน กล่าวกันว่า ถึงแม้ ชาวอูรักลาโว้ยจะเดินทางท่องไปในทะเลกว้าง จากอันดามันจรดช่องแคบมะละกา ไม่มีหลักแหล่งแห่งที่ที่แน่นอน แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฆูณุงจไรได้เชื่อมเอาดวงวิญญาณแห่งความถวิลถึงกันและกันเอาไว้ ฆูณุงจไร ในความหมายนี้ คือ ยอดเขาบนเกาะแห่งหนึ่งในรัฐเคดาห์หรือเมืองไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกลจากท้องทะเล ก่อนจะอพยพมาตั้งถิ่นฐานบนดินแห้งในแถบอันดามัน หลังการแผ่ขยายอิทธิพลของศาสนาอิสลาม...โดยเฉพาะบนเกาะลันตาที่เคยได้ชื่อว่า เมืองหลวงของชาวน้ำน้ำทะเลแหวกเป็นสายเมื่อ Speed Boat ขนาดบรรทุก…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เชื่อกันว่า ช่วงเวลาระหว่าง 200-500 ปี ชาวไทยใหม่อูรักลาโว้ยหรือโอรังละอุตจากดินแดนฆูณุงจไร เดินทางมาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตา จนหลายสิบปีต่อมา เมื่อคนจากแผ่นดินใหญ่หลั่งไหลมาถึง พร้อมเปิดศักราชใหม่ของการท่องเที่ยว เกาะลันตาที่เคยสงบสันโดษกลับกลายเป็นดินแดนแห่งสีสัน...เฉดสีต่างๆ ถูกละเลงโดยนักแสวงสุขมากหน้า...ท้องฟ้าสีฟ้าเบื้องหน้าหัวเรือข้ามเกาะดูเจิดจ้า จากท่าเรือคลองจิหลาด จ.กระบี่ ข้ามไปเกาะลันตาถึงท่าศาลาด่านใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ในอัตรา 350 บาท/หัว ภายใต้ท้องฟ้าและผืนน้ำสีเขียวคราม หลายคนรวมทั้งผมและเพื่อนนับสิบ ตัดสินใจไปละเลงชีวิตช่วงปีใหม่ที่เกาะลันตา...…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนมาจากไหน ?8 พ.ย. 50 คนมากกว่า เก้าพันสามร้อยสามสิบเจ็ดคน เดินขึ้นภูกระดึง ภายในวันเดียวอะไรทำให้คนมากมายมาภูกระดึง นโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล ,แรงประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ,หนังสืออสท. ,ปากต่อปากถึงมนต์ขลังที่มิอาจจะปฏิเสธ ,ความยากลำบากของการเป็นหนึ่งในผู้พิชิต ,หรืออาการเริ่มแรกของโรคเบื่อการเมืองผมไม่รู้และไม่คิดอยากจะรู้ เพียงแต่การจัดอันดับ 10 อุทยานยอดนิยมของหนังสือท่องเที่ยว Trip ปลายปี 50 ภูกระดึงเป็นอุทยานที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง...ว่ากันว่า 300 ล้านปีก่อน พื้นที่บริเวณโดยรอบภูกระดึงเคยเป็นทะเลมาก่อน จน 250 ล้านปีต่อมา…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
อุทยานแห่งชาติ ไม่ได้หมายถึง แหล่งนันทนาการเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นการท่องเที่ยวอุทยาน คือ การสัมผัสถึงการมีอยู่ของแต่ละชีวิตในธรรมชาติ เผ่าพันธ์ร่วมโลก เพื่อทำความรู้จัก เข้าถึงและอยู่ร่วมกันโดยเบียดเบียนกันให้น้อยที่สุดภูกระดึง จึงกลายเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ไม่ต้องการยานพาหนะและกระเช้าไฟฟ้า แม้ว่าจะพอมีร้านเช่า Mountain bike สนองอารมณ์นักแคมป์ปิงในอัตราวันละ 350 บาท ก็ตามเพราะฉะนั้น สำหรับภูกระดึง การเดินด้วยเท้าจึงเป็นเรื่องง่ายและดีที่สุด... ยามเช้า อากาศสดใส แดดหน้าหนาวตกกระทบลงบนกิ่งสน เกิดเป็นแฉกฉูดฉาด อาบไล้ ปลุกเร้าให้นักแคมป์ปิงออกมาค้นหาเรื่องราวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ กวางตัวใหญ่…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผมไม่ได้ปีนภูกระดึงในฐานะผู้พิชิต !หากเป็นเรื่องของข้างในที่เรียกร้องผัสสะดิบเถื่อนในธรรมชาติและการมองโลกในมุม 180 องศา การเดินด้วย 2 เท้าและเรียกร้องให้เหงื่อออกจากรูขุมขน,ตอกย้ำความคิดที่ว่า จริงๆ เราเป็นเพียงละอองธุลีของจักรวาลอิอิ“แหวะ เว่อร์ร์ร์ร์ร์ หวะ เพ่” รุ่นน้องคนหนึ่งลากเสียงยาว..หากใครคิดว่า การเดินขึ้นภูกระดึง ถึงหลังแปแล้วจะได้ผ่อนลมหายใจ ละลายความเหนื่อยเมื่อยล้าแล้วละก็ เป็นอันว่าคุณคิดผิดถนัด เพราะจากหลังแปนักเดินทนผู้พยายามพิชิตภูกระดึงจะต้องเดินเท้าต่อไปอีกร่วม 3 กิโลเมตร ทันทีที่คุณเข้าสู่เขตศูนย์บริการวังกวาง (เมื่อก่อนพื้นที่เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของนานาสัตว์…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ดูเหมือนว่า ภูกระดึงจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครๆ หลายคน คิดว่าอยากจะไปเยือนสักครั้งการเดินทาง เป็นเรื่องของการตัดใจ หากทำได้เพียงแต่คิด ทุกสิ่งคงเป็นได้เพียงแค่หมอกควันของอารมณ์ชั่วคราวที่ค่อยๆ บรรเทาเบาบางก่อนจะจางหายไปในที่สุดแต่นั่นแหละกล่าวกันว่า การอ่านเป็นการเดินทางที่ง่ายและถูกที่สุดอย่างน้อยผมก็เชื่อเช่นนั้น…จากหมอชิตเดินทางถึงผานกเค้าในเช้าวันใหม่ ท้องฟ้าเริ่มสาง ไม่ต้องเป็นกังวลหรือหวาดหวั่น เราจะได้พบเพื่อนร่วมทางมากมาย กลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ เจี๊ยวจ๊าวเต็มคันรถ บันทึกถ่ายทำวีดีโอไปตลอดการเดินทาง กระทั่งพนักงานต้อนรับคนงามต้องบอกว่า“…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
วันหยุดยาวปีใหม่ เรียกร้องให้คนส่วนใหญ่ ออกเดินทาง ,ท่องเที่ยว ละเลงความมันส์ออกมาจนหยดสุดท้ายหรือกลับไปอยู่กับครอบครัวอันอบอุ่น ..คำอวยพร ..การ์ดและกล่องของขวัญ ,ทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ๆ ต่างใจจดจ่ออยากจะได้รับ .....เราต่างรอคอย ,ความหวัง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
..ผมพยายาม ถ่ายภาพ Panorama ,2 เฟรม 3 เฟรม ..ก่อนอื่นตั้งโจทย์ในใจว่าจะเก็บมุมใดบ้าง ,ด้วยการมองวิวนานกว่า 5 นาที ...ภาพวิว ดูแล้วเหมือนกับภาพที่หาได้ทั่วไป ..ซ้ำๆ แต่เหมาะสำหรับฝึกฝนการถ่ายภาพ(อย่างน้อย ใครคนหนึ่ง ว่าเอาไว้อย่างนั้น)การถ่าย panor ต้องเริ่มด้วยการจัดองค์ประกอบภาพ ..ให้ได้ทุกอย่างครบตามที่คิด..คะเนเอาตามประสบการณ์ ว่าจะต้องถ่ายกี่ช็อต ..หามุมให้ลงตัวกับการเหลื่อมซ้อนของภาพ ก่อนนำมาปะติดปะต่อ ..จุดสำคัญต้องได้แสงสีที่กลมกลืนกันพอดีดังนั้น จึงต้องมีพื้นฐานของการตั้งค่าแสง อย่างสมเหตุผล ..กล่าวกันว่า การถ่ายภาพ panor ไม่มีสูตรตายตัว…