Skip to main content

ดูเหมือนว่า ภูกระดึงจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครๆ หลายคน คิดว่าอยากจะไปเยือนสักครั้ง

การเดินทาง เป็นเรื่องของการตัดใจ หากทำได้เพียงแต่คิด ทุกสิ่งคงเป็นได้เพียงแค่หมอกควันของอารมณ์ชั่วคราวที่ค่อยๆ บรรเทาเบาบางก่อนจะจางหายไปในที่สุด

แต่นั่นแหละกล่าวกันว่า การอ่านเป็นการเดินทางที่ง่ายและถูกที่สุด

อย่างน้อยผมก็เชื่อเช่นนั้น

จากหมอชิตเดินทางถึงผานกเค้าในเช้าวันใหม่ ท้องฟ้าเริ่มสาง ไม่ต้องเป็นกังวลหรือหวาดหวั่น เราจะได้พบเพื่อนร่วมทางมากมาย กลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ เจี๊ยวจ๊าวเต็มคันรถ บันทึกถ่ายทำวีดีโอไปตลอดการเดินทาง กระทั่งพนักงานต้อนรับคนงามต้องบอกว่า

“เดี๋ยวพี่จะปิดไฟแล้วน้องต้องเงียบและเตรียมตัวหลับกันได้แล้วนะคะ เพราะพรุ่งนี้น้องๆ ต้องระกำลำบากกันจนลืมไม่ลงทีเดียว” รอยยิ้มของเธอคล้ายกับคุณครูฝ่ายปกครองผู้หวังดี

ผมได้ยินใครรำพันมาจากข้างหลัง

...

จากผานกเค้า เราจะต้องเดินทางต่อรถสองแถวแดง(ทำไมต้องแดง อันนี้คงต้องถามกรมขนส่งทางบกประจำประเทศไทย)เพื่อต่อไปยังบริเวณอุทยาน ในอัตราหัวละ 20 บาท รับได้เต็มคันราว 12 หัว บริเวณผานกเค้า เราสามารถกระทำภาระกิจยามเช้า ตั้งแต่ เข้าห้องน้ำห้องท่า ล้างหน้าล้างตา โด๊ปการแฟ ไข่ลวกหรือกระทั่งหาข้าวแกงราคากรุงเทพฯ กิน ที่ร้านเจ๊กิมและต้องจองตั๋ววันกลับเดี๋ยวนั้น มิฉะนั้น อาจจะหมดสิทธิ์กลับได้

เจ๊กิม แกคงเป็นร้านเก่าร้านแก่ เปิดรอรับนักเดินทางมาตั้งแต่ยุคสมัยไหน ..กล่าวกันว่า นักเดินทางพวกแรกๆ ที่มาภูกระดึงก็เป็นอันต้องใช้บริการเจ๊กิมแล้ว ..

...

ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ลมเย็นๆ พัดผ่าน ผานกเค้าตะหง่านเงื้อม มาคิดๆ ดู มีข้อสันนิษฐานได้ 2 ข้อ ข้อแรก คือ มีนกเค้าอาศัยอยู่มากมาย ข้อสอง หน้าตาของหน้าผาดูคล้ายนกเค้า ซึ่งวันนี้ รอบๆ บริเวณตีนผาบ้านเรือนกลายสภาพเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก มะขามหวาน ผ้าทอพื้นเมือง หมวกกันหนาวและถุงมือ

อะไรๆ ที่ป้องกันความหนาวได้ ขายหมด

“ใครที่ดื่มเหล้า ซื้อตุนไปได้นะครับ บนภูไม่มีขาย” ชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างท้วมแบบหุ่นเถ้าแก่ ตะโกนบอกนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามาภายในร้านเจ๊กิม ในความหมายว่า ทางอุทยานไม่อนุญาตให้ขายเหล้าข้างบนซึ่งในภายหลังถึงได้มาเห็นความจริงกับตาตัวเอง เมื่อขึ้นถึงยอดภูกระดึงว่า บน shelf ในร้านค้าบนภู เต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์และเหล้าหลากยี่ห้อ ราวกับเซเว่น อีเลฟเว่น มาเองทีเดียวเชียวแหละ

...

สองแถวสีแดง มาส่งเราถึงหน้าอุทยานแห่งสวรรค์ กล่าวกันว่า ภูกระดึงถูกค้นพบโดยนายพรานระดับชาวบ้านๆ คนหนึ่งจากหมู่บ้านโพธิ์ศรีฐานที่ติดตามรอยกระทิงขึ้นไปตามทางเดินขึ้นภู

จากซำแฮ่กถึงซำแคร่ผ่านหลังแป ถึงได้รู้ว่า ภูเขาแห่งนี้มียอดตัดเป็นที่ทุ่งราบกว้างใหญ่ หญ้าระบัดใบเสียดยอดอ่อนขึ้นมาจากผืนดิน เก้งกวางและเล็มอย่างเอร็ด ลูกน้อยยืนประชิดติดแม่ เคี้ยวเอื้องอยู่ข้างๆ อย่างรู้สึกถึงความอบอุ่น ตรงลูกน้อยนี่ผมเติมลงไปเองนะครับเพื่อให้เห็นภาพ จริงๆ ข้อมูลไม่มีบอก แต่คิดว่า คงมีภาพอย่างนี้บ้างแหละน่า

หลังจากนั้นนานนับสิบๆ ปี หากพรานคนนี้ยังอยู่ คงได้รับรู้ว่า ภูกระดึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของ คน

คน ค่น ค้น ค๊น ค๋น

...

“พี่กัน ขาตั้งกล้องไปไหน” ยาดาถาม

“...” ตายห่ _ ลืมเอาไว้บนรถสองแถวแดง

ภาพประกอบ
ภูมิภาพทุ่งราบกว้าง, ฤดูหนาว ทุ่งกว้างมองเห็นเป็นสีน้ำตาล มองดูแปลกตาไปอีกแบบ

ภาพประกอบ
มองผ่านดอกหญ้าใกล้ๆ

ภาพประกอบ
เมเปิล, สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของภูกระดึงกำลังเปลี่ยนสี

ภาพประกอบ
น้ำตกดูแดงฉานด้วยใบเมเปิล

ภาพประกอบ
ดอกหญ้าชนิดนี้มองเห็นได้ทั่วไป

ภาพประกอบ
ระหว่างทาง, สนสองใบ ทรายละเอียดและพรมใบสนร่วงตามฤดูกาล, งามราวภาพวาด

ภาพประกอบ
ยามเช้าที่ผานกแอ่น, ต้องตื่นแต่เช้า รอเวลาฟ้าสาง

ภาพประกอบ
กระดิ่ง, สัญลักษณ์อีกชนิดของภูกระดึง

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทิศทางการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวที่สะเปะสะปะทำให้ชาวบ้านหลายคนทิ้งชีวิตเรือกสวนไร่นา หันมาเป็นผู้ประกอบการอย่างไร้ทิศทาง ไร้การจัดการ ไร้ความคิด ในสังคมมือใครยาวสาวได้สาวเอาที่ต้องการแต่ประโยชน์ส่วนตน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดยามบ่ายกระทบสายน้ำเป็นริ้วเต้นระริกรินไหลไปตามแก่งหินน้อยใหญ่ ทิวไม้สองฝั่งแน่นขนัดทอดกายยึดผืนดินไม่ให้น้ำกัดเซาะ ราวกับมืออันอบอุ่นของแม่ที่โอบอุ้มทารกแนบอก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย    
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนงานบนเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ริมฝั่งโขง กำลังทำงานของพวกเขา เรือขุดทรายตักทรายจากกลางลำน้ำ ชายชราหาปลาอยู่บนเรือท้องแบน ธุรกิจการค้าคึกคัก ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เชียงคานเมืองริมฝั่งโขง ถูกพูดถึงมากมายในหมู่นักท่องเที่ยว นักเดินทางหลายคนหยุดเวลาเอาไว้ที่นั่นด้วยการนอนอ่านหนังสือเป็นอาทิตย์ ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทุกเช้าๆ คุณแม่ชาวปกาเกอญอจะออกมาสะพายลูก ... ระหว่างเดินไปตามถนนกลางหมู่บ้าน ระหว่างอาบน้ำริมห้วยแม่แงะ ระหว่าง รอ ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในลมหนาวมีใบหน้าใสซื่อ ดูเหมือนว่า จะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วอย่างยิ่ง ที่จะต้องถ่ายภาพใบหน้าคน ... ทุกปีที่ไปงานวันเด็กไร้สัญชาติ รอยยิ้มของคนหลังภูเขา อ่อนโยนแบบเด็กๆ ..
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ห้องทะเบียนราษฏรเคลื่อนที่ถูกจำลองขึ้นบนลานโล่งบริเวณบ้านผู้ใหญ่บ้าน ,คนไร้รัฐบ้านแม่แพะมารวมตัวกันเพื่อทำประชาคม ,ยกมือรับรองสถานะบุคคลเป็นพยานรู้เห็นว่าครอบครัวที่ได้รับการสำรวจทั้งหมดอยู่บนผืนดินแห่งนี้มานาน ก า เ ล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ดินแดนอันไกลโพ้นเหนือความคิดฝัน ,เทือกเขาและดวงตะวันนิ่งงัน ราวกับภาพวาด
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มุมหนึ่งของเชียงคาน จ.เลย ,หากใครเคยไปเชียงคานจะเห็นแม่น้ำโขงยาวสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะลับหายเข้าไปยังฝั่งลาวตรงแก่งคุดคู้ ,ในภาพมองเห็นเรือดูดทรายเอกชน ,แนวโน้มการพัฒนาเพื่อให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ,คนที่นั่นออกปากปฏิเสธเป็นพัลวันถึงความไม่ต้องการให้เจริญขีดสุดแบบปาย ,แต่ขณะเดียวกันก็อ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยว ,รวมถึงนักเก็งกำไรเข้ามาหาซื้อที่ดิน ,หลับตาก็พอมองออกว่าภายในระยะ 5-10 ปี เชียงคานจะอยู่ในสภาพของเมืองท่องเที่ยวที่ถึงพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคที่เสนอสนองความต้องการของคนในทุกระดับชั้น ,แต่ความเห็นส่วนตัว ผมชอบปายคับ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยายภาพ)