ดินแดนอันไกลโพ้นเหนือความคิดฝัน ,เทือกเขาและดวงตะวันนิ่งงัน ราวกับภาพวาด
โตโยต้า ชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ ข้ามลำห้วยลูกแล้วลูกเล่า สายน้ำสาดกระจายฟูฝอยออกข้างตัวรถ ,ตามแรงทะยานและระบบรีดน้ำของยางมิชิลิน บอกกล่าวกันอย่างไม่เป็นทางการว่า จะต้องข้ามห้วยมากกว่า 28 ห้วย ,จึงจะไปถึงที่หมาย , ‘บ้านแม่แพะ’
ใครบางคนติดตลกออกมาดังๆ หลังกระบะว่า
“ดูไม่ออกว่ามีบ้านคน”
“ดูไม่ออกว่ามีบ้านคน”
..........
เหนือลำห้วย ผืนป่าเขียวครึ้มเข้ายึดครอง ,เงียบขรึม ,ไร้สุ้มเสียง นานๆ ทีถึงจะมองเห็นหญิงชาวปาเกอญอจูงควายออกมากินหญ้าอ่อนหรือลูกไม้สีแดงสุกที่ร่วงจากต้นอยู่ริมห้วยแห้ง
บ้านแม่แพะมีลำห้วยแม่แงะไหลผ่าน ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ,การเดินทางจากตัวอำเภอสู่หมู่บ้านแม่แพะ ใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง ,ข้ามเนินเขาและลงลำห้วย ระหว่างที่ราบหุบเขามีหมู่บ้านคนเรียงราย
บ้านของคนไร้รัฐ
วันเด็กไร้สัญชาติครั้งที่ 8 จัดขึ้นที่บ้านแม่แพะ 1 ใน 100 หย่อมบ้านที่ต้องทำการสำรวจ ,เปิดห้องทะเบียนราษฎรเคลื่อนที่ รวบรวมข้อมูลให้อำเภอพิสูจน์สัญชาติโดยไม่มีเงื่อนไขตามมาตรา 23
จากตัวเมืองแม่สะเรียง ทางลาดยาง 10 กิโลเมตร ,ลับหายเข้าไปในผืนป่า เส้นทางที่เหลือเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นคลุ้งในหน้าแล้งและแฉะเป็นหล่มโคลนในหน้าฝน,จนสิ้นสุดหลักเขตแดนไทยที่ตำบลเสาหิน รวมระยะทางประมาณ 97 กิโลเมตร ติดพื้นที่กันชนกลุ่มติดอาวุธดาวแดงเขตบ้านห้วยทราย ประเทศพม่า
กลุ่มติดอาวุธดาวแดงเป็นกลุ่มนักศึกษาพม่าที่หนีเข้าป่าช่วงปราบปรามหนัก ก่อนจะสวามิภักดิ์กองทัพและเฝ้าระวังป้องกันชายแดนให้กองทัพทหาร ,ด้วยการเก็บค่าด่านที่เปิดเป็นจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนในอัตราหัวละ 50 บาท
ตำรวจตระเวนชายแดน ผู้เฝ้าด่าน ยืนยันด้วยการชี้ให้ดูรถบรรทุกสินค้าและน้ำมันปาล์มที่ขนส่งข้ามประเทศ
“เหลือเชื่อ รถบรรทุกสิบล้อเข้ามาถึงที่นี่” ใครคนเดิมอุทานอย่างตื่นตาตื่นใจ
..........
รอยทางลางเลือนอยู่ในฝุ่นสีขาว
บ้านแม่แพะ ดินแดนอันไกลโพ้นเหนือความคิดฝัน
หลังขุนเขาใต้ดวงตะวันที่นิ่งงัน
ดวงตาของพวกเขานิ่งงัน
ลำห้วยสีเขียวมรกตหายเข้าไปในผืนป่า ,สวยราวกับภาพวาดแต่สำหรับคนที่นั่น พวกเขารอคอยการยอมรับจากคนไทย
หนุ่มสาว นักบิด ข้ามลำห้วยมาร่วมงานวันเด็กไร้สัญชาติกันแบบนี้
ห้องทะเบียนราษฎรเคลื่อนที่ เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการในลานโล่งบริเวณบ้านผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับการทำประชาคมยืนยันว่าแต่ละครอบครัวอยู่อาศัยในพื้นที่มานานแล้ว
ตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเสาหิน มาเป็นเพื่อนแขกผู้มาเยี่ยมเยือนเพื่อความอุ่นใจ แนวเนินทางด้านหลังเป็นหลักเขตแดนไทย-พม่า ,จุดสิ้นสุดพรมแดนที่ต้องรักษาความปลอดภัยกันยิ่งยวด
ลำห้วยแม่แงะหน้าหมู่บ้านแม่แพะ เป็นที่อาบน้ำของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแขกผู้มาเยี่ยมเยือน
กลุ่มอาสาสมัครทำทะเบียนราษฎร์ ช่วยเหลือทางอำเภอจัดทำระบบข้อมูล ทำงานกันค่อนดึก
รอยยิ้มเขินอายของเด็กหลังแสงเทียน
ยามเช้า ,อากาศหนาว เด็กน้อยหมวกแดงนั่งนิ่งบนลานบ้าน ดวงตาซุกซนของเธอไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้าน ,ทำไมผู้ใหญ่เข้ามาที่บ้านหนูเยอะจัง
บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทิศทางการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวที่สะเปะสะปะทำให้ชาวบ้านหลายคนทิ้งชีวิตเรือกสวนไร่นา หันมาเป็นผู้ประกอบการอย่างไร้ทิศทาง ไร้การจัดการ ไร้ความคิด ในสังคมมือใครยาวสาวได้สาวเอาที่ต้องการแต่ประโยชน์ส่วนตน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดยามบ่ายกระทบสายน้ำเป็นริ้วเต้นระริกรินไหลไปตามแก่งหินน้อยใหญ่ ทิวไม้สองฝั่งแน่นขนัดทอดกายยึดผืนดินไม่ให้น้ำกัดเซาะ ราวกับมืออันอบอุ่นของแม่ที่โอบอุ้มทารกแนบอก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนงานบนเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ริมฝั่งโขง กำลังทำงานของพวกเขา
เรือขุดทรายตักทรายจากกลางลำน้ำ ชายชราหาปลาอยู่บนเรือท้องแบน
ธุรกิจการค้าคึกคัก
...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เชียงคานเมืองริมฝั่งโขง ถูกพูดถึงมากมายในหมู่นักท่องเที่ยว
นักเดินทางหลายคนหยุดเวลาเอาไว้ที่นั่นด้วยการนอนอ่านหนังสือเป็นอาทิตย์
...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทุกเช้าๆ คุณแม่ชาวปกาเกอญอจะออกมาสะพายลูก ...
ระหว่างเดินไปตามถนนกลางหมู่บ้าน
ระหว่างอาบน้ำริมห้วยแม่แงะ
ระหว่าง รอ ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในลมหนาวมีใบหน้าใสซื่อ
ดูเหมือนว่า จะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วอย่างยิ่ง ที่จะต้องถ่ายภาพใบหน้าคน ...
ทุกปีที่ไปงานวันเด็กไร้สัญชาติ รอยยิ้มของคนหลังภูเขา อ่อนโยนแบบเด็กๆ ..
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ห้องทะเบียนราษฏรเคลื่อนที่ถูกจำลองขึ้นบนลานโล่งบริเวณบ้านผู้ใหญ่บ้าน ,คนไร้รัฐบ้านแม่แพะมารวมตัวกันเพื่อทำประชาคม ,ยกมือรับรองสถานะบุคคลเป็นพยานรู้เห็นว่าครอบครัวที่ได้รับการสำรวจทั้งหมดอยู่บนผืนดินแห่งนี้มานาน ก า เ ล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ดินแดนอันไกลโพ้นเหนือความคิดฝัน ,เทือกเขาและดวงตะวันนิ่งงัน ราวกับภาพวาด
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มุมหนึ่งของเชียงคาน จ.เลย ,หากใครเคยไปเชียงคานจะเห็นแม่น้ำโขงยาวสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะลับหายเข้าไปยังฝั่งลาวตรงแก่งคุดคู้ ,ในภาพมองเห็นเรือดูดทรายเอกชน ,แนวโน้มการพัฒนาเพื่อให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ,คนที่นั่นออกปากปฏิเสธเป็นพัลวันถึงความไม่ต้องการให้เจริญขีดสุดแบบปาย ,แต่ขณะเดียวกันก็อ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยว ,รวมถึงนักเก็งกำไรเข้ามาหาซื้อที่ดิน ,หลับตาก็พอมองออกว่าภายในระยะ 5-10 ปี เชียงคานจะอยู่ในสภาพของเมืองท่องเที่ยวที่ถึงพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคที่เสนอสนองความต้องการของคนในทุกระดับชั้น ,แต่ความเห็นส่วนตัว ผมชอบปายคับ
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยายภาพ)